เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 248

ตระกูลเฉิงจะถูกยึดทรัพย์และถูกฆ่าล้างยกตระกูลอย่างนั้นหรือ

นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกัน

ตระกูลเฉิงยึดมั่นในคุณธรรมเสมอมา พี่ชายใหญ่ยิ่งแล้วใหญ่ระแวดระวังตัวยิ่งนัก ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ระหว่างบรรดาองค์ชายกับพระราชนัดดาเลย แล้วตระกูลเฉิงจะก่อชนวนสู่หายนะใหญ่เพียงนั้นได้อย่างไร!

เฉิงฉือเป็นผู้ที่มีสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแปลงแม้นเขาไท่ซานจะถล่มลงมาต่อหน้าก็ตาม ทว่าเวลานี้ยามได้ยินแล้วก็อดเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้

ใครจะกล้าพูดจาอย่างมั่นใจเช่นนี้เล่า

คำพยากรณ์?

คำทำนาย?

แต่ต่อให้เป็นพระอาจารย์จากเขาหลงหูก็ยังไม่กล้าตบอกกล่าวว่าตนล่วงรู้ว่าใครจะได้สืบราชสมบัติเช่นนั้นเลย หาไม่แล้วพระอาจารย์จากเขาหลงหูจะต้องเข้าเมืองหลวงทุกๆ หลายปีเพื่อจาริกแสวงบุญ และคิดหาหนทางเพื่อสร้างความประทับใจที่ดีแด่องค์ฮ่องเต้ไปเพื่ออันใด

โจวเสาจิ่นได้ยินมาจากผู้ใดหรือว่ามีคนบอกนางให้พูดเช่นนี้กันนะ

เช่นนั้นเจตนาของอีกฝ่ายคืออะไรกันแน่

คนย่อมไม่ตื่นแต่เช้าหากไม่ได้รับผลประโยชน์อันใด

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง เฉิงฉือล้วนคาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายไม่ออกเลย นี่ทำให้หัวสมองของเฉิงฉือผู้คุ้นชินกับการควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในมือและจัดการทุกอย่างได้เสมอนั้นสับสนว้าวุ่นไปชั่วขณะ

แต่โจวเสาจิ่นกลับรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง

ถ้อยคำที่เหมือนดังก้างปลาที่ติดอยู่ในลำคอของนางตลอดมา ในที่สุดนางก็เอ่ยออกไปเสียที

แม้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการของนาง และไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็ตาม แต่สุดท้ายนางก็เอ่ยออกมาได้เสียที

ส่วนในภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร จากนี้ไปท่านน้าฉือจะเย้ยหยันนางหรือไม่…ก็ปล่อยให้สวรรค์เป็นผู้ตัดสินเถอะ!

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นางเกรงว่าต่อไปก็ยากที่จะได้ไปเรือนหานปี้ซานอีก และยากที่จะได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากัวผู้ที่เบื้องหน้าเย็นชาทว่าใจดีมีเมตตายิ่งผู้นั้นอีกแล้ว…

ขอบตาของโจวเสาจิ่นรื้นชื้นขึ้นเล็กน้อย นางหมุนกายแล้ววิ่งออกไปข้างนอก

เฉิงฉือคืนสติกลับมา โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก ลุกขึ้นมาแล้วตะโกนเสียงหนึ่งว่า “เจ้ากลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

โจวเสาจิ่นตัวสั่นเทิ้ม แต่ยังคงทำใจกล้าดึงสลักประตูดัง ปัง

“โจวเสาจิ่น!” เฉิงฉือกัดฟันกรอดขณะพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเตือนอย่างดุดัน

โจวเสาจิ่นตกใจกลัวจนมือสั่น

ไม่รู้ว่าซางมามาโผล่ออกมาจากที่ใด

นางยกถาดใบหนึ่ง บนถาดวางของกินเล่นสองสามจานเอาไว้ กล่าวกับนางยิ้มๆ ว่า “คุณหนูรอง เหตุใดท่านถึงรู้ว่าข้ากำลังจะยกของว่างมาให้ท่านเจ้าคะ ท่านรีบกลับไปนั่งในห้องเถิด! เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ไหนเลยจะต้องให้ถึงมือท่านกัน” ขณะที่กล่าว ราวกับมีสายลมแรงสายหนึ่งพัดผ่านนางก็ไม่ปาน

โจวเสาจิ่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้แต่น้อย ถอยโซเซติดๆ กันหลายก้าวราวกับถูกอะไรบางอย่างลากไปจนกระทั่งส้นเท้าหยุดนิ่งอยู่กับที่

จบสิ้นแล้วๆ!

นางกลับรู้สึกอยู่ในใจรางๆ ว่า ตนหนีออกไปไม่ได้แล้ว

โจวเสาจิ่นอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว หลบไปยังฉากกั้นห้องที่แขวนไว้ด้วยผ้าม่านผ้าไหมหังโจวสีเขียวนกแก้ว เบิกดวงตากลมโตพลางกลั้นหายใจขณะมองเฉิงฉือ ในดวงตาดำตัดขาวเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา

เฉิงฉือดวงหน้าถอดสี

ซางมามาอ้าปากค้าง

นายท่านสี่ฉือ ถูกผู้อื่นปฏิบัติด้วยท่าทางเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!

นี่…ราวกับฉากหลังจากที่อันธพาลฉุดกระชากหญิงสาวจากตระกูลสูงส่งก็ไม่ปาน…

นายท่านสี่คงจะโกรธจัดแล้วกระมัง

อย่างไรก็ตาม นายท่านสี่ก็คงจะรู้สึกเสียหน้าด้วยกระมัง

ครั้นความคิดนี้วาบผ่าน ซางมามาก็รีบก้มศีรษะลง ดวงตาราวไข่มุกไม่กล้าชำเลืองมองซ้ายขวาอยู่พักหนึ่ง วางถาดลงแล้วรีบหนีออกจากห้องหนังสือไปเสมือนกับเหาะหนี ตอนที่ออกไปยังปิดประตูห้องหนังสือให้อย่างระมัดระวังอีกด้วย

เสียงปิดประตูทำให้โจวเสาจิ่นสะดุ้งตกใจจนตัวสั่นเทิ้มอีกครั้ง

ครั้งนี้นางจบเห่แน่แล้ว!

ท่านน้าฉือจะต้องซักไซ้ไล่เลียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนกระจ่างชัดเป็นแน่

นางควรจะทำอย่างไรดี

โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉือ แม้จะขยับก็ยังไม่กล้าขยับอยู่นานพักหนึ่ง

เฉิงฉือโมโหจนรู้สึกเจ็บปวดใจ

เด็กน้อยผู้นี้รู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

เขาเป็นเสือหรืออย่างไร

นางถึงได้หวั่นกลัวเขาจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ไปได้

เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินไปมาอยู่ในห้องหลายรอบ เพลิงโทสะในใจถึงได้คลายลงไปเล็กน้อย ชี้เก้าอี้มีเท้าแขนข้างกาย กล่าวเบาๆ ว่า “นั่งลง”

โจวเสาจิ่นประหนึ่งแมวน้อยที่ถูกต้อนจนจนมุม มองสำรวจเฉิงฉืออย่างระแวดระวังหลายส่วน

เฉิงฉือมุมปากกระตุก พูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่!

สีหน้านี้ของนางคืออะไรกัน

แต่เขาก็รู้ดีว่า คนที่ยิ่งอ่อนแอมากเท่าใดเฉกเช่นโจวเสาจิ่นนี้ ครั้นตัดสินใจแล้ว ก็จะยิ่งไม่ปริปากพูดง่ายๆ มากขึ้นเท่านั้น

เขาหมุนกายไปจิบชาติดๆ กันหลายจิบ จากนั้นถึงได้เดินไปนั่งบนเก้าอี้มีเท้าแขนที่อยู่ใกล้โจวเสาจิ่นที่สุดตัวนั้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน เอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่”

โจวเสาจิ่นไม่เอ่ยตอบคำใด

ตนเชื่อใจเขาหรือไม่

ต้องการเชื่อใจเขาหรือไม่

นางมองเฉิงฉือ

เฉิงฉือสีหน้าอ่อนโยน นั่งลงตรงนั้นเงียบๆ อดทนอดกลั้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ประหนึ่งอดทนรอจนฟ้าดินสลายได้เลยทีเดียว

โจวเสาจิ่นกระหวัดนึกถึงยามที่ตนพบเขาเป็นครั้งแรก เขานั่งอยู่ในศาลาซานจือ ไม่เอ่ยถามคำใด บอกให้นางไปชงชาด้วยใบหน้าเรียบเฉย นางนึกถึงยามที่นางคัดพระธรรมในเรือนหานปี้ซาน เขายืนอยู่ข้างหลังนางอย่างไร้สุ้มเสียง ชมว่าลายมือของนางสละสลวยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางนึกถึงวันนั้นที่วางเพลิง จนเกิดเสียงดังวุ่นวายที่อีกฟากฝั่งของทะเลสาบ ทว่าเขากลับส่งฉินจื่ออันออกไปโดยไม่ได้ซักถามสักคำ…

ตอนที่ 248 ซักถาม 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน