เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 249

เฉิงฉือโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก

มีเรื่องของหวงหลี่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งเรื่องที่โจวเสาจิ่นกล่าวมานั้นก็ยังถูกต้องแม่นยำกระทั่งวันเดือนปี เขาไม่เชื่อว่าภายในตระกูลเฉิงหรือบรรดาญาติที่เกี่ยวดองกับตระกูลเฉิงจะมีผู้มีความสามารถเช่นนี้อยู่ด้วย ถ้อยคำที่เขาพูดออกมา หรือสิ่งที่กระทำมาตั้งแต่ต้นจนจบก็เพียงเพื่อหวังให้โจวเสาจิ่นได้คลายปมในใจ แล้วบอกความจริงแก่เขา

ต่อให้ไม่อาจบอกความจริงแก่เขา ขอเพียงให้ล้วงเอาข้อมูลจากปากของนางได้ก็พอ

แต่เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่า สิ่งที่ล้วงออกมานั้นจะเป็นเฉิงสวี่!

หลานชายที่เขาฝากความหวังเอาไว้มากมายผู้นี้

เพื่อหลานชายคนนี้ เขาถึงกับปฏิเสธมารดาที่ขอให้เขาช่วยชี้แนะสั่งสอนเฉิงรั่ง เพียงเพราะกลัวว่าจะสร้างศัตรูคนหนึ่งให้แก่เขา แล้วกระทบต่อความมั่นคงและความสามัคคีปรองดองในตระกูลเฉิง

เจ้าสัตว์เดรัจฉานน้อยผู้นี้!

เฉิงฉือจับแขนของโจวเสาจิ่นไว้แน่น พยายามทำให้เสียงของตนฟังดูไม่แข็งกระด้าง กล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่น เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าคือเฉิงจื่อชวน!”

ทว่าโจวเสาจิ่นกลับเสมือนกับฝันร้ายก็ไม่ปาน กรีดร้องเสียงแหลมพลางเตะต่อยเขา

ซางมามาพุ่งเข้ามา “นายท่านสี่…”

สายตาของเฉิงฉือกวาดผ่านไปประดุจแสงดาบ น้ำเสียงเยียบเย็นราวเศษน้ำแข็ง “ออกไปซะ!”

ซางมามาถอยออกไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน

โจวเสาจิ่นยิ่งดิ้นทุรนทุราย

เฉิงฉือไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา แล้วเอ่ยเตือนนางข้างหูด้วยเสียงอบอุ่นว่า “เสาจิ่น ข้าคือเฉิงจื่อชวน น้าของเจ้า…”

กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ของน้ำหอม ‘ดังที่ได้ยินมา’ ประดุจดอกไม้ไร้นามข้างภูเขาและท้องทุ่ง ทั้งมีกลิ่นหอมหวานของดอกไม้และมีกลิ่นหอมสดชื่นของใบหญ้า ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย

โจวเสาจิ่นค่อยๆ สงบลงมา

เฉิงฉือรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ตบหลังของนางเบาๆ พลางปลอบใจนางประหนึ่งปลอบโยนเด็กทารกก็ไม่ปานว่า “ไม่ต้องกลัวๆ!”

โจวเสาจิ่นเสมือนได้หวนคืนสู่อ้อมอกของมารดา นานครู่หนึ่งถึงได้สติคืนกลับมา ค้นพบว่าตนกำลังถูกเฉิงฉือโอบกอดอยู่ในอ้อมแขนอย่างหมดหนทางสู้

นางสะดุ้งตกใจ ยื่นมือผลักเฉิงฉือออกไป

แต่ใครจะรู้ว่าเฉิงฉือแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่นางจินตนาการไว้ นอกจากนางจะผลักเฉิงฉือออกไปไม่ได้แล้ว ในทางกลับกันยังทำให้เฉิงฉือเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของนางผิดไป คิดว่านางเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง จึงกอดรัดนางในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น พลางปลอบโยนนางเบาๆ ไม่หยุดว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าคือน้าฉือ! ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว…”

แท้จริงแล้วท่านน้าฉือเพียงปลอบใจนางเท่านั้น

ทั้งร่างของโจวเสาจิ่นผ่อนคลายลงมาแล้ว

ดวงใจของเฉิงฉือที่แขวนค้างอยู่นั้นในที่สุดก็ผ่อนคลายลงมา

เขาลองคลายแขนที่โอบโจวเสาจิ่นออกอย่างช้าๆ

เด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนอ่อนโยนนุ่มนวล แต่พอโวยวายขึ้นมากลับเหมือนแมวน้อยที่ทั้งข่วนและตะปบ หากว่านางเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีแล้วจริงๆ

เด็กน้อยหยุดดิ้นอย่างเชื่อฟัง

เฉิงฉืออดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของนางประหนึ่งปลอบขวัญสัตว์ตัวน้อย กระซิบกล่าวว่า “เสาจิ่น ที่เจ้าบอกว่าเชื่อใจข้า ตอนนี้เจ้ายังเชื่อใจข้าอยู่หรือไม่”

แน่นอนว่านางเชื่อในความสามารถของท่านน้าฉือ

หาไม่แล้วชาติก่อนเขาก็คงจะไม่บุกไปช่วยเฉิงสวี่ที่ลานประหาร และชีวิตนี้นางก็คงจะไม่ขอให้เขาช่วยนำความไปแจ้งเฉิงจิงด้วยเช่นกัน!

โจวเสาจิ่นพยักหน้า

เช่นนั้นก็ดี!

เฉิงฉือเม้มปากกลั้นยิ้ม กล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “เช่นนั้น เสาจิ่น เจ้าบอกข้า นอกจากเฉิงสวี่แล้ว เฉิงลู่กับเฉิงจวี่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่”

โจวเสาจิ่นพรั่นกลัวจนรู้สึกสยองพองขน

นางยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ท่านน้าฉือก็คาดเดาได้แปดถึงเก้าในสิบส่วนแล้ว

หากว่านางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชาติก่อนจนหมดเปลือกล่ะก็ เช่นนั้นยังจะมีเรื่องอะไรที่สามารถปกปิดท่านน้าฉือได้อีกเล่า

ร่างกายของนางแข็งทื่อ

เฉิงฉือที่โอบกอดนางอยู่รู้สึกได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของนาง

ไอเหี้ยมโหดสายหนึ่งวาบผ่านนัยน์ตาของเขา ทว่าเสียงของเขากลับอ่อนโยนยิ่งขึ้น “เสาจิ่น เจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าเพียงบอกความจริงกับข้า…เฉิงสวี่ฉกฉวยสิ่งของของเจ้าไปใช่หรือไม่ ฉะนั้นเจ้าถึงได้ไร้หนทางหลบหนี…”

โจวเสาจิ่นตะลึงงัน

เฉิงฉือคิดไปถึงข้อนี้ได้อย่างไร

ทว่าเหตุการณ์ในปีนั้น ก็ไม่แตกต่างจากนี้มากนัก เพียงแต่ร้ายแรงกว่านี้มาก!

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ท่านน้าฉือก็ยังจะคิดว่านางไม่ผิดใช่หรือไม่

จะยืนอยู่ฝ่ายนางและช่วยเหลือนางอยู่ใช่หรือไม่

โจวเสาจิ่นจับแขนเสื้อของเฉิงฉือไว้แน่น

กล่าวอีกนัยได้ว่า ตนเดาถูกแล้ว!

เพลิงไฟในใจของเฉิงฉือพลันลุกพรึบขึ้นมาในทันที ทำให้เขาไม่กล้าเอ่ยปากพูดแม้แต่น้อย ด้วยเกรงว่าครั้นตนเอ่ยปากแล้วจะทำให้โจวเสาจิ่นหวั่นกลัวประหนึ่งนกน้อยที่หวาดผวาคันศร

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้ลูบผมสีดำขลับของโจวเสาจิ่นเบาๆ พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เสาจิ่น เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะช่วยเจ้านำสิ่งของของเจ้ากลับมา รับรองว่าจะไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้เป็นอันขาด อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องบอกข้าว่าของสิ่งนั้นคืออะไร…” พูดเสร็จก็กลัวว่าของสิ่งนั้นอาจจะเป็นของส่วนตัวมาก จึงกล่าวว่า “หรือไม่ เจ้าเขียนบอกข้าก็ได้…”

ขอบตาของโจวเสาจิ่นเปียกชื้นขึ้นมาในทันใด

หลังจากที่นางเล่าเรื่องที่น่าตกใจไปขนาดนั้น หลังจากที่นางกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งไปเช่นนั้น นอกจากท่านน้าฉือจะไม่มองว่านางเป็นตัวประหลาด ไม่ผลักไสนางออกไปแล้ว กลับยังเป็นห่วงนาง ปกป้องนางเหมือนเดิม…บางทีในโลกนี้ ไม่มีผู้ใดดีกับนางได้กว่าท่านน้าฉืออีกแล้ว!

นางจับแขนเสื้อของเฉิงฉือพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น

ไม่นานแขนเสื้อของเฉิงฉือก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

เฉิงฉือสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน