เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 252

เฉิงฉือมองเงาร่างของโจวเสาจิ่นที่ค่อยๆ ลับหายไปพร้อมกับบ่นพึมพำในใจ

เด็กน้อยคนนี้ ไม่เกรงใจกันเลยสักนิด รับเงินสองร้อยเหลี่ยงของเขาไป แม้แต่ถ้อยคำเกรงใจตามมารยาทสักประโยคก็ไม่มี

อย่างไรก็ช่างมันเถอะ ต่อไปทั้งสองคนยังต้องร่วมมือกันอีก จึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนางในเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้อีก

เขาหมุนกายเตรียมจะกลับเรือนหลีอิน

ทว่าเฝ่ยชุ่ยกลับวิ่งกระหืดกระหอบมา “นายท่านสี่ ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญท่านไปพูดคุยด้วยเจ้าค่ะ”

เฉิงฉือเอ่ยถามอย่างฉงน “ฮูหยินผู้เฒ่ามีแขกมิใช่หรือ”

เฝ่ยชุ่ยยิ้มพลางตอบ “บ่าวก็ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าให้บ่าวนำความมาแจ้ง บ่าวก็เพียงนำความมาแจ้งเท่านั้นเจ้าค่ะ”

เฉิงฉือครุ่นคิด แล้วไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัว

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดเพ่ยจื่อสีดำอมน้ำตาลลายนกกระเรียนมงกุฎแดง มวยผมหลวมๆ ก่อนหน้าก็เกล้าขึ้นเป็นมวยใหม่ ปักไว้ด้วยปิ่นหยกเหอเถียนสีขาวไร้ที่ติ นั่งอยู่บนตั่งหลัวฮั่นพลางจิบน้ำชา เจินจูนำสาวใช้เด็กสองสามคนเข้ามาเก็บกระจกและผ้าเช็ดหน้า

นางชี้ไปยังที่นั่งตรงกันข้ามกับของตัวเอง พลางกล่าว “นั่งลงคุยกันสักหน่อย อยากดื่มชาอะไรหรือไม่”

นี่เท่ากับว่าต้องการสนทนานานสักหน่อย

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินสองท่านของตระกูลกู้กำลังรอท่านอยู่มิใช่หรือขอรับ ท่านไม่ไปพบแขกก่อนหรือ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวชำเลืองมองบุตรชายด้วยท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม พลางกล่าว “แขกที่ไหนจะสำคัญไปกว่าเจ้า! ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าเรียกหลานสาวคนเล็กของตนมา”

เฉิงฉือชายตามองคนในห้องครั้งหนึ่ง เลิกชุดขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงกันข้ามกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างสบายๆ สั่งเจินจูว่า “เช่นนั้นก็ชงชาเขียวปี้หลัวชุนมาให้ข้า นี่ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ดื่มชาเขียวสักหน่อยช่วยดับร้อนได้ดีกว่า”

เจินจูยิ้มพลางยกน้ำชาและของว่างมาขึ้นโต๊ะ แล้วนำสาวใช้เด็กในห้องถอยออกไป

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลุกขึ้นมาแล้วหมุนกายหยิบหรูอี้หยกชิ้นหนึ่งจากชั้นวางของประดับไปตีเฉิงฉือ “เจ้าทำอะไรลงไป ทำให้บุตรสาวของผู้อื่นตกใจจนต้องวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากข้า! หืม!”

เฉิงฉือเอียงตัวหลบ หรูอี้หยกชิ้นนั้นจึงตกบนไหล่ของเขา

“ท่านแม่ ข้าโตถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดท่านถึงยังทำเช่นนี้อยู่อีกขอรับ พอเกิดเรื่องขึ้นก็ตีบุตรชายของตนโดยไม่ซักถามถึงต้นสายปลายเหตุก่อนแม้แต่น้อย!” เขายกยิ้มพลางลูบหัวไหล่ไปด้วย กล่าวไปด้วยว่า “นางเป็นหลานสาวของข้า ข้าจะทำอะไรนางได้เล่า” ซ้ำยังกล่าวอีกว่า “นางมาขอความช่วยเหลือจากท่านหรือขอรับ แล้วมาขอความช่วยเหลือจากท่านได้อย่างไร”

โจวเสาจิ่นอยู่กับเขาตั้งแต่ต้นจนจบ เว้นเสียแต่ว่าจะวางแผนเอาไว้ก่อนที่นางจะมาหา

ครั้นนึกถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว เพลิงโทสะในใจของเฉิงฉือก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับนางเลย ส่วนนางก็ดี กลับชิงมาฟ้องมารดาของเขาที่นี่เสียก่อนแล้ว

เด็กน้อยคนนี้ หากไม่จัดการสั่งสอนนางดีๆ ต่อไปนางคงจะเล่นซุกซนจนรื้อกระเบื้องหลังคาเอาได้!

ส่วนฮูหยินผู้เฒ่ากัวพอได้ตีบุตรชายแล้ว อาการกรุ่นโกรธก็คลายลง นั่งลงพลางเอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

เฉิงฉือไม่คิดจะบอกเรื่องของโจวเสาจิ่นให้ผู้อื่นรู้แม้คนเดียว ในจำนวนนั้นนับรวมถึงฮูหยินผู้เฒ่ากัวผู้เป็นมารดาของตนด้วย

เขารู้ดีว่าการโกหกที่เนียนที่สุดก็คือการกล่าวเรื่องจริงสิบประโยคและเรื่องเท็จหนึ่งประโยค ยิ่งกว่านั้นเขายังมีเรื่องต้องไหว้วานมารดาอีก ด้วยเหตุนี้จึงปั้นเรื่องขึ้นมาในพริบตา “คราวก่อนเรื่องที่พี่ใหญ่กับหวงหลี่ช่วงชิงตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการกันนั้น ข้าเคยส่งจดหมายไปให้พี่ใหญ่ เรื่องนี้ท่านก็น่าจะทราบแล้ว”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าหงึกๆ

เฉิงฉือกล่าว “ข่าวคราวนั้นได้รับผ่านมาจากเสาจิ่นเด็กผู้นั้น ทว่าผู้ที่ได้รับสารมาโดยตรงคือโจวต้าเฉิงขอรับ”

ต้าเฉิงคืออีกชื่อหนึ่งของโจวเจิ้น

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสีหน้าดำดิ่ง นั่งตัวตรงยิ่งขึ้น พลางเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึมว่า “เช่นนั้นโจวต้าเฉิงมีวัตถุประสงค์อะไร”

เฉิงฉือตอบ “ตอนที่ข้ากลับมาได้ยินสาวใช้บอกว่าท่านเตรียมจะไปถนนผิงเฉียวพร้อมกับอาสะใภ้สี่เพื่อมอบหีบของขวัญแต่งงานให้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลโจว พอนึกถึงว่าเสาจิ่นเด็กคนนั้นเคยติดตามพวกเราไปเขาผู่ถัวด้วย ต่อมาเมื่อร้านสาขาหังโจวส่งของมาให้นาง นางก็มาสอบถามความคิดเห็นของข้าก่อนแล้วถึงค่อยรับของเอาไว้ นางค่อนข้างเชื่อฟังและรู้ความ ข้าจึงอยากจะมอบของขวัญให้เป็นการส่วนตัวด้วยเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าโจวเจิ้นมีเจตนาอะไรให้เสาจิ่นนำความนี้มาแจ้งแก่ข้า ข้าจึงถือโอกาสเรียกเสาจิ่นมา เดิมทีอยากจะหาทางซักถามนางสักหน่อย แต่ไม่คาดคิดว่าจะเอ่ยถามถึงเรื่องเก่าในอดีตเข้า ทำให้นางร้องไห้ขึ้นมาขอรับ”

กล่าวถึงตรงนี้ เขาก็กล่าวอย่างขัดใจว่า “ข้าเห็นว่านางก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เหตุใดถึงยังร้องห่มร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ ทำให้ข้าค่อนข้างลำบากใจ ทว่าพอท่านเข้ามาก็ตีข้าด้วยหรูอี้ทันที โชคดีที่ข้าอยู่ที่เรือนหานปี้ซาน หากว่าอยู่ที่อื่น ก็ไม่รู้ว่าจะมีข่าวลืออะไรแพร่งพรายออกไปบ้าง!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังรู้สึกคลางแคลงใจอยู่บ้าง เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นเหตุใดสาวใช้ของเสาจิ่นถึงต้องมาหาข้าที่นี่ด้วยเล่า”

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน