เฉิงฉือยิ้มเย็น กล่าวขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องรีบให้เฉิงเจียซ่านหมั้นหมายกับหญิงสาวของตระกูลหมิ่นให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว!”
ขอเพียงหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว ก็เท่ากับว่าแผนการของท่านผู้นำตระกูลจวนรองเป็นอันล้มเหลว
ตระกูลเฉิงทั้งห้าจวนในซอยจิ่วหรู รุ่งเรืองก็รุ่งเรืองด้วยกัน ล่มจมก็ล่มจมด้วยกัน สิ่งที่พวกเขาต้องการทำลายคืออนาคตของจวนหลัก มิใช่ชื่อเสียงของตระกูลเฉิง
หลังจากที่เขาออกไปรับราชการไม่ได้ รั่งเกอเอ๋อร์ของจวนหลักอายุยังน้อย มีเฉิงเจียซ่านที่เริ่มประสบความสำเร็จบ้างแล้ว อีกทั้งยังเป็นหลานชายจากภรรยาเอกของบุตรชายคนโต ความหวังโดยมากของจวนหลักจึงตกไปอยู่บนร่างของเฉิงเจียซ่าน เหยียบย่ำเฉิงเจียซ่านให้ล้ม ก็เท่ากับเหยียบย่ำจวนหลักให้ล้มลงไปด้วย
และโจวเสาจิ่นผู้ที่เฉิงเจียซ่านคะนึงหาอยู่ตลอดจึงกลายเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับใช้ทำลายเฉิงเจียซ่าน
แต่ถ้างานแต่งระหว่างเฉิงเจียซ่านกับหญิงสาวของตระกูลหมิ่นถูกกำหนดลงมาแล้ว การถอนหมั้นก็จะกระทบมาถึงชื่อเสียงของตระกูลเฉิง พวกเขาเองก็จะถูกลากลงน้ำไปด้วย เช่นนั้นแล้วหากพวกเขาต้องการทำลายเฉิงเจียซ่าน ก็ต้องคิดหาวิธีการอื่นแทน ไม่อาจพุ่งเป้ามาที่เสาจิ่นอีกแล้ว
แน่นอนว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลบเลี่ยงเรื่องนี้ได้ทั้งหมด
เนื่องจากเฉิงเจียครอบครองตำแหน่งหลานชายจากภรรยาเอกของบุตรชายคนโต การสร้างเรื่องอื้อฉาวสักเล็กน้อยมาควบคุมเฉิงเจียแทนการทำลายเฉิงเจียอาจจะเกิดประโยชน์กับพวกเขามากกว่าก็เป็นได้
เสาจิ่นต้องรั้งอยู่ที่จินหลิง…รอให้เฉิงเจียซ่านได้รับการแต่งตั้งแล้ว ก็รีบส่งเฉิงเจียซ่านไปที่จิงเฉิง ต่อให้พวกเขาคิดจะพุ่งเป้าไปที่เฉิงเจียซ่านอีก ก็จะไม่สร้างความลำบากให้เสาจิ่นอีกแล้ว
เฉิงฉือตัดสินใจได้แล้ว จึงกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นเจ้าก็รั้งอยู่ที่นี่ต่อก็แล้วกัน!”
“จริงนะเจ้าคะ!” ดวงตาของโจวเสาจิ่นวาววับ สีหน้ามีความสุข งดงามราวดอกไม้ดอกหนึ่งก็ไม่ปาน
เฉิงฉือคิดไม่ถึงว่านางจะดีใจมากถึงเพียงนี้ เขาเองก็รู้สึกอารมณ์เบิกบานตามไปด้วย กล่าวยิ้มๆ ว่า “ทีนี้เจ้าคงพอใจแล้วกระมัง”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ ดวงตายิ้มหยีจนกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว ทั้งน่ารักและไร้เดียงสา ดูเหมือนเด็กที่ยังไม่โตอย่างไรอย่างนั้น
เฉิงฉือลูบศีรษะของโจวเสาจิ่นอย่างอดไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นคำสัญญาที่ข้ารับปากเจ้าไว้สองครั้งก็เป็นอันสำเร็จลงหมดแล้ว…ต่อไปก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าเจ้าจะมาทวงคำขออะไรจากข้าอีกแล้ว!” ประโยคสุดท้ายเขาพูดราวกับว่าได้ปลดภาระอันหนักอึ้งออกไป
โจวเสาจิ่นพลันเบิกดวงตากว้าง กล่าวขึ้นว่า “เห็นๆ อยู่ว่าข้าใช้ไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
เฉิงฉือกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “จะเป็นครั้งเดียวไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ข้ารับปากว่าจะช่วยเจ้าทำอะไรก็ได้หนึ่งเรื่อง แล้วเมื่อครู่ก็สัญญาว่าจะช่วยเจ้าทำอะไรก็ได้หนึ่งเรื่อง แต่เจ้าใช้คำสัญญาครั้งที่สองของข้าขอร้องให้ข้าช่วยทำให้คำสัญญาครั้งที่หนึ่งบรรลุผล เท่ากับว่าเจ้าใช้คำสัญญาทั้งสองครั้งหมดไปในคราวเดียว”
“ไม่ถูกต้องๆ” โจวเสาจิ่นรีบกล่าว “คำสัญญาที่ท่านรับปากข้าก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ได้ใช้ และครั้งนี้ก็เป็นท่านที่รับปากว่าจะตามใจข้าอีกหนึ่งเรื่อง ทำให้ข้านึกถึงคำสัญญาที่ท่านเคยให้ข้าเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมา…”
“ก็เจ้าขอร้องให้ข้าช่วยทำให้คำสัญญาครั้งที่หนึ่งบรรลุผลนี่นา!” เฉิงฉือไม่รอให้นางพูดจบก็กล่าวขึ้นมาก่อน “ข้าก็ตอบตกลงไปแล้ว!”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะๆ” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านสัญญากับข้าทั้งหมดสองครั้ง ที่ข้าใช้ไปคือคำสัญญาครั้งที่หนึ่ง ส่วนคำสัญญาครั้งที่สองยังไม่ได้ใช้…”
“คำสัญญาครั้งที่สองจะยังไม่ได้ใช้ได้อย่างไร” เฉิงฉือกล่าว “หากเจ้าไม่ใช้คำสัญญาครั้งที่สองขอร้อง ข้าจะตอบตกลงช่วยทำให้คำสัญญาครั้งที่หนึ่งบรรลุผลได้หรือ เจ้าลองไปคิดให้ถี่ถ้วน ข้าจะเข้าใจผิดไปได้อย่างไร!”
จริงด้วย!
ท่านน้าฉือจะเข้าใจผิดไปได้อย่างไร!
แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นเช่นนั้น
โจวเสาจิ่นรู้สึกสมองมึนงงไปชั่วขณะ
เฉิงฉือจึงใช้โอกาสนั้นลูบผมของนาง กล่าวเสียงเบาว่า “เอาละ พวกเราอย่าถกเถียงเรื่องพวกนี้อีกเลย! เจ้ารีบไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย ฮูหยินเก้าของตระกูลกู้ยังเป็นแขกอยู่ที่หานเรือนหานปี้ซานอยู่นะ!”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า ยังอยากจะกล่าวกับเฉิงฉือให้กระจ่าง แต่ใครจะรู้ว่าพอเฉิงฉือสะบัดมือก็ออกจากห้องน้ำชาไปแล้ว
“ท่านน้าฉือ!” นางไล่ตามไป
ต่อไปนางจะไม่ขอร้องท่านน้าฉืออีก คำสัญญาของท่านน้าฉือสำคัญยิ่งนัก นางไม่อยากเสียโอกาสหนึ่งไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นนี้อีก
เฉิงฉือไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา เพียงโบกมือให้นางเท่านั้น
ซางมามาเองก็ยิ้มพลางก้าวออกมาจากด้านข้าง กล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรอง ข้าช่วยหวีผมให้ท่านใหม่นะเจ้าคะ! ตาของท่านบวมหมดแล้ว ต้องการให้ข้าไปหยิบไข่ต้มจากในครัวมาให้ท่านสักสองใบหรือไม่”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้ว ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
ที่แท้สภาพของนางก็ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ หากตกเข้าไปอยู่ในสายตาของฮูหยินกู้ที่เก้าเข้าคงไม่ดีแน่ สุดท้ายนางอาจจะได้อยู่ที่เรือนหานปี้ซานเป็นเวลายาวนานช่วงหนึ่งเลยก็เป็นได้
“เช่นนั้นท่านรีบตักน้ำเข้ามาให้ข้าสักอ่างหนึ่งเถิด” โจวเสาจิ่นบอกซางมามา พอเงยหน้าขึ้นก็ไม่เป็นเงาของเฉิงฉือแล้ว
นางกระทืบเท้าอย่างอดไม่ได้
ส่วนเฉิงฉือทำหน้านิ่ง จวบจนถึงห้องหนังสือของตัวเองแล้วถึงปล่อยหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ!
เพียงครู่เดียวก็ถูกเขาปั่นหัวหมุนจนไม่รู้เหนือรู้ใต้แล้ว!
โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดว่า ข้าจะเข้าใจผิดไปได้อย่างไร นั้น ดวงตาโตสีดำสลับขาวนั้นก็เต็มไปด้วยความสับสนและงุนงง…ยอมแพ้อย่างราบคาบไปแต่โดยดี
มีเด็กสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้อยู่ได้อย่างไร!
มุมปากของเขายกขึ้นไม่ว่าอย่างไรก็หุบไม่ลง กระทั่งไหวซานเข้ามารายงานเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “หุ้นส่วนรองของสิบสามห้างบอกว่า ท่านให้เกียรติสิบสามห้าง ยินดีร่วมลงทุนในกองเรือของสิบสามห้าง สิบสามห้ารู้สึกเป็นเกียริตอย่างยิ่ง แต่นี่เป็นกฎที่ท่านผู้นำตระกูลกำหนดลงมา น่าจะมีติดอยู่บนกระดานไม้จันทน์แดงของแต่ละสาขา คาดว่าท่านเองก็น่าจะทราบอยู่แล้ว ดังนั้นเงินค่าเข้าร่วมการลงทุนในครั้งนี้ จึงต้องคิดแยกต่างหาก ไม่อาจหักมาจากเงินที่ซื้อกองเรือของท่านก่อนหน้านี้ได้ขอรับ…”
เฉิงฉือยังคงอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “ในเมื่อเป็นกฎของร้าน พวกเราย่อมจะปฏิบัติตามอยู่แล้ว เจ้านำเงินไปให้สิบสามห้างสองแสนเหลี่ยง ถือเป็นหุ้นในส่วนของข้า”
นายท่านสี่ เรื่องที่ท่านชอบคือการทำลายกฎของผู้อื่นมิใช่หรือ



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน