เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 27

ตอนที่ 27 ไม่ได้เจตนา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโจวเสาจิ่นก็แสดงอาการมึนตึงออกมาเล็กน้อย หมุนตัวกลับมามองเฉิงสวี่อย่างระแวดระวัง

เขาต้องการจะทำอะไร

อย่างไรก็ตาม การที่เขามาหาตนเอง ย่อมต้องยังมีอะไรเป็นแน่ นางไม่รู้วัตถุประสงค์ของการมาของเขา หากพูดมากไปก็จะเป็นการเผยเกือกม้าให้เขาจับจุดอ่อนได้ ไม่สู้รอให้เขาพูดวัตถุประสงค์มาให้ชัดเจนก่อนแล้วตนเองค่อยตัดสินใจอีกที

โจวเสาจิ่นหลบอยู่ด้านหลังของซือเซียงเอาไว้ครึ่งตัว

ซือเซียงฟังแล้วก็ใจเต้นแรงขึ้นมา

ก่อนหน้านี้คุณหนูรองเรียกนางไปด้วยอาการตื่นตระหนกไปทั้งร่าง บอกเพียงว่าหลงทางอยู่ในป่าไผ่ เรื่องอื่นๆ กลับไม่ได้เอ่ยถึงเลยสักประโยค ตอนนี้จึงรู้สึกวิตกกังวลยิ่งนัก…หรือว่าจะเป็นอย่างที่คุณชายใหญ่สวี่กล่าว คุณหนูรองได้กระทำเรื่องอะไรที่ไม่สมควรกระทำเข้า?

นางใจเต้นไม่หยุด ทันใดก็นึกถึงที่คุณหนูใหญ่มักจะพูดกับพวกนางอยู่ตลอดว่า ต่อให้ต้องพ่ายแพ้ก็อย่ายอมแพ้ ถึงแม้คุณหนูรองจะกระทำเรื่องที่ไม่สมควรกระทำเข้า แต่ว่า หนึ่งไม่มีพยานบุคคล และสองไม่มีหลักฐาน ด้วยคำเพียงไม่กี่คำของคุณชายใหญ่สวี่ พวกนางก็ต้องยอมรับแล้วอย่างนั้นหรือ

ซือเซียงพลันกล้าหาญขึ้นมาเป็นทวีคูณ ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวเพื่อบังโจวเสาจิ่นเอาไว้ที่ด้านหลังของตนเอง แสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วกล่าว “คุณชายใหญ่สวี่พูดถึงอะไรหรือเจ้าคะ ทำไมพวกข้าฟังแล้วไม่เข้าใจเจ้าคะ”

เฉิงสวี่อดมองไปที่ซือเซียงครั้งหนึ่งไม่ได้

กล้าที่จะเอ่ยปากพูดก่อนต่อหน้าคุณหนูเช่นนี้ เห็นทีว่าสาวใช้ผู้นี้คงเป็นที่น่าเชื่อถือไม่น้อยในเรือนหว่านเซียงเป็นแน่

เขามองโจวเสาจิ่นด้วยรอยยิ้มจางๆ พลางกล่าว “สิ่งที่ข้าพูดไป เจ้าไม่เข้าใจ แต่คุณหนูของเจ้าต้องเข้าใจอย่างแน่นอน ข้าพูดถูกหรือไม่ น้องสาวตระกูลโจว”

ไม่ใช่ว่าเขานั้นทั้งฉลาดเฉลียวและอ่อนน้อมถ่อมตน คนที่ได้รับคำชื่นชมจากทั้งนายและบ่าวของตระกูลเฉิงทุกคน คนที่หยวนซื่อมองว่าเป็นหลานชายคนโตของจวนหลักที่สามารถพึ่งพาได้ไปตลอดชีวิต คนที่จะเป็นผู้นำของตระกูลเฉิงในอนาคตหรอกหรือ ทำไมถึงได้ทำอะไรเหลาะแหละเช่นนี้

หรือว่าเรื่องทั้งหมดที่ตนเคยได้ยินมาเมื่อชาติก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเท็จ?

โจวเสาจิ่นเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร ในแววตามีความระแวดระวังเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ซือเซียงวิตกกังวลตามไปด้วย

แต่ว่าเฉิงสวี่นั้นเป็นคุณชายใหญ่ของจวนหลัก จะไปเปรียบกับบ่าวชายที่ทำอะไรบุ่มบ่ามพวกนั้นได้อย่างไรกัน การที่เขากล้ามาหาเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีแผนเอาไว้แล้วเป็นแน่

นางมองไปยังโจวเสาจิ่นที่หลบอยู่ข้างหลังของตนเองทีหนึ่ง อดวิตกขึ้นมาในใจไม่ได้ แสร้งทำใจดีสู้เสือกล่าวขึ้นว่า “ท่านคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ”

เฉิงสวี่ไม่กล่าวอะไร ยิ้มพลางมองไปที่โจวเสาจิ่น ทว่ากลับดึงดอกซิ่วฉิว [1] ที่ทำจากผ้าไหมดอกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ

ป้าคนที่เปิดประตูให้โจวเสาจิ่นผู้นั้น ก็ประดับผมด้วยดอกซิ่วฉิวที่ทำจากผ้าไหมเช่นนี้ดอกหนึ่ง

ท่าทางของซือเซียงเปลี่ยนไปมาก มองไปที่โจวเสาจิ่นอีกครั้ง สีหน้าซีดขาวจนทำให้คนตกใจ ราวกับจะเป็นลมล้มลงไปในทันใดอย่างไรอย่างนั้น

นางไหนเลยจะทนนิ่งอยู่ได้ กล่าวอย่างไร้ซุ่มเสียงว่า “คุณชายใหญ่สวี่ต้องการอะไรหรือเจ้าคะ”

เฉิงสวี่ประหลาดใจยิ่งนัก

เขาเพียงอยากแกล้งแหย่น้องสาวตระกูลโจวผู้นี้ จากนั้นค่อยหาจังหวะดีๆ แก้ไขปมปัญหาก่อนหน้านี้ ไม่คิดว่าเรื่องกลับตาลปัตร ทำให้น้องสาวตระกูลโจวตกใจอีกครั้งจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก!

ทันใดนั้นก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ทั้งสองพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในป่าไผ่

หรือว่านางจะได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยินเข้าแล้ว?

เขาคิดถึงตอนที่ตนเองกล่าวขอโทษโจวเสาจิ่นอย่างจริงใจ แต่โจวเสาจิ่นกลับวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับเจอผีอย่างไรอย่างนั้น…ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตอนอยู่ในป่าไผ่นั้นโจวเสาจิ่นต้องได้ยินอะไรบางอย่างแล้วอย่างแน่นอน

เขาระงับท่าทีเอาไว้เล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ สีหน้าไม่มีท่าทีหยอกเย้าสนุกสนานเหมือนก่อนหน้านี้อีก ในทางตรงกันข้ามกลับแสดงให้เห็นถึงการมีความลุ่มลึกของเขาทั้งที่อายุยังน้อยอยู่หลายส่วนเมื่อเขาส่งสายตาไปที่ต้าซูครั้งหนึ่ง

ต้าซูถอยไปหลบอยู่ในป่าไผ่โดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ

เฉิงสวี่ถึงได้กล่าวกับโจวเสาจิ่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น้องสาวตระกูลโจว ข้าอยากคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวสักสองสามประโยค ได้หรือไม่”

แต่โจวเสาจิ่นไม่อยากอยู่กับเขาเป็นการส่วนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว การพูดคุยด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“ไม่!” นางปฏิเสธข้อเสนอของเฉิงสวี่อย่างไม่อ้อมค้อม กล่าวเสียงแข็งว่า “ข้าไม่มีเรื่องอะไรที่เปิดเผยไม่ได้ จึงไม่มีอะไรต้องพูดกับท่านอีกเจ้าค่ะ!”

เฉิงสวี่อดร้อนรนขึ้นมาไม่ได้ กล่าวว่า “น้องสาวตระกูลโจว ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ หากว่าข้าคิดจะบอกท่านย่า ก็คงไม่วิ่งตามเจ้าออกมา และยังพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าหรอก” ยังกล่าวต่อว่า “เจ้าวางใจได้ เรื่องในป่าไผ่นั้นข้าจะไม่บอกผู้ใดเป็นแน่ แต่ข้ามีเรื่องอยากบอกเจ้า เจ้ากรุณาฟังข้าสักหน่อย ป่าไผ่นั้นเป็นสนามประลองเล็กๆ ที่หนึ่ง คนทั่วไปที่เข้าไปมักจะหาทางออกมาไม่ได้ หากว่าข้าสามารถนำดอกซิ่วฉิวดอกนี้ออกมาได้ คนอื่นก็สามารถนำออกมาได้เช่นเดียวกัน หากว่าก่อนหน้านี้ข้าทำให้เจ้าเข้าใจผิด ข้าขออภัยเจ้า เจ้ากรุณาฟังข้าพูดสักสองประโยค ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการดีต่อเจ้า หากว่าเจ้าไม่เชื่อ ข้าสาบานต่อสวรรค์ก็ได้!”

ท่าทีที่เขาแสดงออกมานั้นจริงใจ ไม่ว่าใครพบเห็นก็ล้วนไม่สงสัยเลยว่าเขากำลังพูดปด

แต่คนที่เขากำลังเผชิญอยู่ด้วยนี้คือโจวเสาจิ่น ต่อให้นางเชื่อว่าที่เขากล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง นางก็ไม่อาจอยู่กับเขาเพียงลำพังได้แม้แต่เค่อเดียว ยิ่งนับประสาอะไรกับคนๆ นี้ที่โจวเสาจิ่นไม่ชอบจากก้นบึ้งของหัวใจ มีอคติด้วยตั้งแต่แรกพบ จึงไม่มีทางเชื่อสิ่งที่เขาพูด

“ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ!” สีหน้าของนางเย็นชา “หากท่านไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกข้าขอตัวกลับก่อน วันพรุ่งนี้ข้ายังต้องไปเรียนที่ห้องศึกษาจิ้งอันอีกตั้งแต่เช้า! ไม่เหมือนกับคุณชายใหญ่สวี่ ที่มีตำแหน่งจากราชการมาตั้งนานแล้ว จะเรียนหรือไม่เรียนล้วนไม่ต้องเคร่งครัดแล้ว” ถึงแม้ตัดสินใจเลือกที่จะลืม แต่ความขุ่นเคืองใจในชาติก่อนเหล่านั้น ไม่ใช่พอพูดว่าปล่อยไปแล้วมันจะสามารถหายไปได้เลย เมื่อพูดถึงท้ายประโยค นางจึงอดไม่ได้ถากถางเฉิงสวี่ไปประโยคหนึ่ง

เฉิงสวี่ขมวดคิ้วมุ่น

น้องสาวตระกูลโจวผู้นี้ หน้าตาน่ารักอ่อนหวานราวกับดอกไม้ดอกหนึ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนรักใคร่ แต่ทำไมถึงได้มีนิสัยดื้อรั้นขนาดนี้

เขาไม่พอใจเล็กน้อย ส่งสายตาลึกล้ำมองไปที่ซือเซียงครั้งหนึ่ง

ตอนที่ 27 ไม่ได้เจตนา 1

ตอนที่ 27 ไม่ได้เจตนา 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน