เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 280

เฉิงเวิ่นดึงตัวเฉิงฉืออย่างร้อนรน หมายจะออกไปสนทนาข้างนอก

มีบ่าวเด็กวิ่งเข้ามา รายงานเสียงดังว่า “ท่านผู้นำตระกูลมาแล้วขอรับ!”

เสียงทุกเสียงภายในห้องพลันหยุดชะงักลงทันใด ทุกคนลุกพรึ่บขึ้นมา

เฉิงซวี่ห้อมล้อมไปด้วยบ่าวชายหลายคน ดวงหน้าประดับรอยยิ้มเบิกบาน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าสดใส

“ท่านผู้นำตระกูล!” ไม่รู้ว่าเกิงเกอเอ๋อร์ดิ้นหลุดจากมือของเฉิงฉือไปได้อย่างไร เรียวขาเล็กวิ่งจ้ำอ้าว ไปหาเฉิงซวี่ดังตึงๆ ๆ

เสียงอันกังวานใสของเขาก้องสะท้อนอยู่ภายในศาลาทิงอวี่อันเงียบงัน

เฉิงซวี่ไม่ได้คิดว่าเขาเสียกิริยาแต่อย่างใด อุ้มเกิงเกอเอ๋อร์ขึ้นมาอย่างเริงร่า พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “บทเรียนที่เทียดมอบหมายให้เกิงเกอเอ๋อร์เมื่อวาน เกิงเกอเอ๋อร์ทำเสร็จแล้วหรือยังเอ่ย”

เกิงเกอเอ๋อร์พยักหน้าหงึกๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วว่า “‘จงเลือกส่วนที่ดีของผู้อื่นมาเป็นแบบอย่าง ส่วนที่ไม่ดีจงนำมาแก้ไขปรับปรุงตนเอง’ กล่าวคือ ‘ผู้ที่รักครอบครัว มิกล้าชิงชังผู้อื่น ผู้ที่เคารพครอบครัว มิกล้าละเลยผู้อื่น รักและเคารพครอบครัวด้วยสุดใจ สั่งสอนศีลธรรมแก่ปุถุชน ยึดถือปฏิบัติทั้งแผ่นดิน แม้แต่โอรสสวรรค์ก็ต้องกตัญญู’ ใน ‘บัญญัติการลงทัณฑ์ของฝู่’ กล่าวว่า ‘คนหนึ่งเฉลิมฉลอง คนทั้งปวงร่วมเฉลิมฉลอง’ หมายความว่าผู้ที่รักใคร่บิดามารดาของตน จะไม่รังเกียจชิงชังบิดามารดาของผู้อื่น ผู้ที่เคารพเทิดทูนบิดามารดาของตน จะไม่ปล่อยปละละเลยบิดามารดาของผู้อื่น ปรนนิบัติบิดามารดาด้วยความรักและความเคารพสุดกำลังความสามารถ สั่งสอนศีลธรรมจริยธรรมให้แก่ประชาชน ทำให้ปวงชนทั้งแผ่นดินยึดถือเป็นแบบอย่าง นี่คือหลักความกตัญญูกตเวทิตาของโอรสสวรรค์! ใน ‘บัญญัติการลงทัณฑ์ของฝู่’ กล่าวไว้ว่า ‘โอรสสวรรค์ทรงเปี่ยมด้วยคุณธรรม ปวงประชาล้วนยึดถือปฏิบัติตามเขา’“

เขาพูดจบ ก็เบิกดวงตากลมโตถามเฉิงซวี่ว่า “ท่านผู้นำตระกูล ข้าท่องได้ถูกต้องหรือไม่ขอรับ”

นี่คือส่วนหนึ่งใน ‘คัมภีร์กตัญญู’

เฉิงฉือได้ยินแล้วนัยน์ตามีความไม่เห็นด้วยสายหนึ่งวาบผ่าน

ทุกครั้งล้วนย้ำเตือนเขาว่าต้องกตัญญูต่อบิดามารดาอย่างอ้อมค้อมเช่นนี้อยู่ร่ำไป ไม่รู้ว่าเฉิงซวี่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยบ้างหรือไม่

เฉิงหลูจมเข้าสู่ห้วงความคิด

แม้ว่าเขาไม่ได้ดูแลกิจการของตระกูล แต่หลายปีมานี้การที่จวนรองหวาดเกรงจวนหลักยิ่งขึ้นเขาก็สัมผัสได้เหมือนกัน

ท่านผู้นำตระกูลให้เกิงเกอเอ๋อร์ท่องจำ ‘คัมภีร์กตัญญู’ ส่วนนี้ ทำไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่

เขาชำเลืองมองเฉิงฉือทีหนึ่ง

เฉิงฉือยืนอยู่ด้านข้างอย่างสบายๆ ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยอย่างไรอย่างนั้น

เฉิงหลูลอบผ่อนลมหายใจอยู่ในใจ

โชคดีที่เฉิงจื่อชวนเป็นผู้มีความอดทนอดกลั้นยิ่ง ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเขาล่ะก็ คงจะกระโดดออกไปโต้กลับเฉิงซวี่นานแล้ว! ทั้งมิได้ขาดยศตำแหน่ง หรือไร้ความสามารถในการหาเงินทอง เหตุใดถึงยอมรับถ้อยคำเหน็บแนมของเฉิงซวี่เล่า ทุกครั้งที่พบหน้ากันล้วนพูดจาอย่างคลุมเครือให้คนฟังแล้วรู้สึกลำบากใจ

จื่อชวนช่างใจเย็นจริงๆ!

ทว่าดวงหน้าของเฉิงซวี่กลับยิ้มแฉ่งดั่งดอกไม้แย้มบาน

“ถูกต้องๆๆ” เขาเอ่ยชมรัวๆ “เกิงเกอเอ๋อร์ของพวกเราฉลาดหลักแหลมจริงๆ”

เกิงเกอเอ๋อร์เงยใบหน้าเล็กขึ้นมาฉีกยิ้มให้เฉิงสือบิดาของตนอย่างภาคภูมิใจ

นัยน์ตาของเฉิงสือเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี แต่กลับทำหน้านิ่งพลางกล่าวว่า “อย่าเพิ่งกระดิกหางอย่างลำพองใจไปเลย ท่านผู้นำตระกูลเห็นว่าเจ้าอายุยังน้อย ดังนั้นจึงเอ่ยชมเจ้าเป็นพิเศษ ภายในห้องนี้มีคนมากมายที่เรียนหนังสือเก่งกว่าเจ้านัก! ยังไม่รีบขอบคุณท่านผู้นำตระกูลอีก”

เกิงเกอเอ๋อร์จึงกล่าวขอบคุณเฉิงซวี่

เฉิงซวี่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วส่งเกิงเกอเอ๋อร์ให้เฉิงสือ

เฉิงเวิ่นเห็นว่าบรรยากาศดียิ่ง อารมณ์ของเฉิงซวี่ก็ดีมากเช่นกัน ก้าวออกมาลูบศีรษะของเกิงเกอเอ๋อร์อย่างรักใคร่เอ็นดู พลางกล่าวยิ้มๆ อย่างประจบว่า “มิน่าผู้คนถึงได้กล่าวว่า ‘ฮ่องเต้ทรงรักโอรสองค์โต แต่ปวงประชารักบุตรชายคนเล็ก’ ท่านผู้นำตระกูลโปรดปรานเจ้าจริงๆ! ยังสอนเจ้าอ่าน ‘คัมภีร์กตัญญู’ ด้วยตนเอง ความกตัญญูเป็นคุณธรรมแรกของคุณธรรมอันดีทั้งปวง! ต่อไปเจ้าจักต้องแสดงความกตัญญูต่อท่านผู้นำตระกูลให้ดีถึงจะถูก!”

เฉิงสือได้ยินแล้วประหนึ่งถูกตบเข้าบ้องหูฉาดหนึ่ง อยากจะก้าวไปปิดปากเฉิงเวิ่นเสียเหลือเกิน

หากพูดไม่เป็นก็อย่าได้เอ่ยปากพูดเลยจะดีกว่า

อยากจะชมเชยเกิงเกอเอ๋อร์ แต่ไม่รู้จะพูดอะไร เลยนำเอาสำนวน ‘ฮ่องเต้ทรงรักโอรสองค์โต แต่ปวงประชารักบุตรชายคนเล็ก’ มาเปรียบเปรย เฉิงเวิ่นเขาเป็นยายเฒ่าบ้านนอกที่ไม่รู้หนังสือหรืออย่างไร

ยังบอกให้เกิงเกอเอ๋อร์อ่าน ‘คัมภีร์กตัญญู’ แล้วต้องแสดงความกตัญญูต่อท่านผู้นำตระกูลให้ดีอีก

หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าเฉิงเวิ่นเป็นผู้ที่พูดจาโผงผางและด้อยความรู้คนหนึ่ง เขาคงจะคิดว่าเฉิงเวิ่นกำลังจะบอกเป็นนัยว่าเกิงเกอเอ๋อร์ไม่กตัญญูต่อท่านผู้นำตระกูลเสียแล้ว ดังนั้นท่านผู้นำตระกูลจึงต้องสอนเขาอ่าน ‘คัมภีร์กตัญญู’ ด้วยตนเอง…หากชื่อเสียงนี้แพร่ออกไปล่ะก็ ต่อไปเกิงเกอเอ๋อร์ยังจะมีที่ยืนในหมู่บัณฑิตได้อยู่หรือ ไม่สิ ยังจะมีที่ยืนในสังคมได้อยู่หรือ

ช่างเป็นคนที่มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำผู้หนึ่งเสียจริงๆ!

ไม่แปลกเลยที่ไม่ว่าเฉิงเวิ่นจะเสนอหน้าต่อหน้าท่านผู้นำตระกูลอย่างไร ท่านผู้นำตระกูลก็ล้วนไม่สนใจไยดีเขา

เฉิงซวี่แสร้งทำราวกับไม่ได้ยิน กล่าวกับหลานชายและเหลนทั้งหลายด้วยสีหน้าอบอุ่นว่า “ทุกคนนั่งลงคุยกันเถอะ!”

ทุกคนต่างขานรับอย่างนอบน้อม พากันนั่งลงไปตามๆ กัน

สีหน้าของเฉิงเวิ่นประเดี๋ยวแดงก่ำประเดี๋ยวขาวซีด รู้สึกลำบากใจเหลือเกิน

เขาทำอะไรผิดอีกแล้วหรือ

หรือว่าเพียงเอ่ยชมเกิงเกอเอ๋อร์ก็ผิดแล้วอย่างนั้นหรือ

เขาก็เพียงเลี้ยงดูอนุอยู่ข้างนอกคนหนึ่ง แล้วก็จัดการเก็บกวาดคนที่บ้านไปครั้งหนึ่งเท่านั้นมิใช่หรือ ท่านผู้นำตระกูลไม่ถึงกับต้องชักสีหน้าใส่เขาอยู่ตลอดก็ได้กระมัง

จิตใจออกจะคับแคบเกินไปแล้ว!

เฉิงเวิ่นอดรู้สึกอับอายไม่ได้ พึมพำเอ่ยคำว่า “ท่านผู้นำตระกูล” ไปเสียงหนึ่ง น้ำเสียงนั้นประหนึ่งสตรีในห้องหอที่คร่ำครวญอย่างเสียใจก็ไม่ปาน

ภายในห้องมีคนหัวเราะ “หึ” ขึ้นมาเสียงหนึ่ง

ทุกคนต่างหันหน้าไปตามเสียงโดยมิได้นัดหมาย ก็เห็นมุมปากของเฉิงฉือที่ยังไม่ทันได้เก็บซ่อนรอยยิ้มกลับไป

เฉิงซวี่อดย่นหัวคิ้วไม่ได้

ตอนที่เฉิงฉือเพิ่งเข้ามารับช่วงดูแลกิจการของตระกูลนั้นเขายังยึดมั่นในความคิดเห็นของตนเองยามอยู่กับตนอยู่ แต่นานวันเข้า ยามอยู่ต่อหน้าเขาเฉิงฉือก็เสมือนกับสวมหน้ากากอันหนึ่งเอาไว้ก็ไม่ปาน ที่มักจะยิ้มน้อยๆ พร้อมกับขานรับว่า “ขอรับ” อยู่เสมอ หากความคิดเห็นของทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันก็ดีไป แต่ถ้าหากความคิดเห็นของทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน เฉิงฉือก็มักจะแสร้งทำหูทวนลมกับถ้อยคำของเขา ทั้งที่เพิ่งจะขานรับยิ้มๆ ว่า “ขอรับ” แต่พอหมุนกายจากไป กลับกลายเป็นอยากจะทำอะไรก็ทำไปเสียอย่างนั้น…

ตอนที่ 280 เริ่มต้น 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน