เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 291

เฉิงเจียคุยจ้ออยู่นาน โจวเสาจิ่นก็ไม่ได้ตอบกลับเลยสักครั้ง

นางอดเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้

กลับเห็นสีหน้าของโจวเสาจิ่นประหนึ่งกำลังขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย

เฉิงเจียไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ตบไหล่ของโจวเสาจิ่นอย่างแรงไปฉาดหนึ่ง พร้อมกับบุ้ยปากกล่าวว่า “นี่! เจ้าเป็นอะไรไป ข้านับเจ้าเป็นสหายที่สนิทสนมและไว้ใจที่สุดของข้า เรื่องต่างๆ ที่ข้าไม่แม้แต่จะเล่าให้ท่านแม่ของข้าฟังล้วนเล่าให้เจ้าฟังทั้งหมด ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าจะฟังอย่างใจลอย เจ้าช่างไม่สนใจกันเกินไปแล้ว!”

โจวเสาจิ่นถึงได้สติคืนกลับมา รีบกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษๆ! เป็นข้าที่ไม่ดีเอง พอข้าได้ฟังเจ้าเล่าว่าหลี่จิ้งดีกับเจ้าอย่างไรบ้างแล้ว รู้สึกอิจฉายิ่ง ก็เลยใจลอยไปสักหน่อย”

เฉิงเจียได้ยินแล้ว ก็เม้มปากหัวเราะขึ้นมา

ตัดสินใจยอมให้อภัยโจวเสาจิ่น

นัยน์ตาของนางมีความเขินอายสายหนึ่งวาบผ่าน กล่าวเสียงเบาว่า “เสาจิ่น เจ้าเป็นน้องสาวที่ดีที่สุดของข้า ข้าขอถามเจ้าสักหน่อย เจ้าคิดว่าพี่ชายจิ้งผู้นี้ไว้ใจได้หรือไม่”

โจวเสาจิ่นเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าไม่เชื่อใจเขาหรือ ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อใจเขา แล้วเหตุใดยังต้องลองใจเขาอีกเล่า”

เฉิงเจียบ่นอุบอิบว่า “ก็เพราะไม่รู้ว่าเขาจริงใจหรือเสแสร้งกันแน่ ดังนั้นข้าจึงอยากจะลองใจเขาดูสักหน่อย!”

โจวเสาจิ่นไม่เข้าใจ

นอกจากบิดากับพี่สาวแล้ว นางเชื่อใจท่านน้าฉือเพียงผู้เดียว

เฉิงเจียก็ไม่ได้คาดหวังให้นางมาเข้าใจแต่อย่างใด เอ่ยขึ้นอย่างกระวนกระวายว่า “ถ้าหากเขาเพียงลวงหลอกให้ข้าไปช่วยพูดกับท่านย่าให้เขาเท่านั้นจะทำอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรข้าก็กลายเป็นที่ตลกขบขันของเมืองจินหลิงไปแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้สักเท่าใด แต่พอข้าคิดว่าตนเองจะถูกหลอกลวงขึ้นมา ในใจของข้าก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปจนถึงกระดูก…ทั้งยังรู้สึกลังเลไม่กล้าเดินหน้า…ตกลงข้าควรจะไปคุยกับท่านย่าหรือไม่ หากไปพูดกับท่านย่า จะบอกนางอย่างไรดี ข้าคงไม่อาจโพล่งทุกอย่างออกไปอย่างตรงไปตรงมาประหนึ่งเทเมล็ดถั่วลงในบ้องไม้ไผ่[1] เหมือนที่คุยกับเจ้าหรอกกระมัง”

นางพรูลมหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง ลุกขึ้นแล้วเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้อง

โจวเสาจิ่นมองตาปริบๆ จู่ๆ ก็หวนนึกถึงชีวิตในชาติก่อนของตนเองขึ้นมา

ตอนที่เฉิงลู่บอกว่าชอบนาง นางก็เคยรู้สึกว้าวุ่นใจเช่นนี้เหมือนกัน

แต่เห็นได้ว่าตอนนั้นนางมิได้เชื่อในสิ่งที่เฉิงลู่พูดออกมา เพียงแต่ถูกล่อลวงให้หลงไปกับภาพลวงตาจอมปลอมที่ตนสร้างขึ้นมาเองก็เท่านั้น

เรื่องที่ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะตัดสินใจได้ ความทุกข์ระทมที่ต้องนอนคิดจนนอนไม่หลับนั้นบัดนี้เมื่อนึกขึ้นมาแล้วก็ยังคงทำให้นางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอยู่

อย่างไรก็ตาม ความชอกช้ำของชาติที่แล้วเหล่านั้นนางควรจะจดจำได้อย่างชัดเจนเสมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ถึงจะถูก แต่เหตุใดหลังจากย้อนกลับมามีชีวิตใหม่ได้เพียงหนึ่งถึงสองปี นางถึงกับต้องรื้อฟื้นความทรงจำจึงจะนึกออกเล่า…

หรือว่าจะเป็นเพราะระยะนี้นางมีชีวิตอย่างสุขสบายมากเกินไป จนอยากจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจกันนะ

โจวเสาจิ่นขมวดคิ้วมุ่น

ทว่าถูกเฉิงเจียที่พลิกตัวกลับมาเห็นเข้าพอดี

เฉิงเจียบ่นอย่างไม่พอใจว่า “เสาจิ่น เจ้าขบคิดอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าล้วนเล่าให้เจ้าฟังทุกอย่าง แต่เจ้ากลับทำตัวเป็นปริศนา เรื่องอะไรก็มักเก็บงำไว้ในใจ หากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้กับข้าอีก วันหลังข้าจะไม่สนเจ้าแล้ว! มีความลับอะไรก็จะไม่บอกเจ้าอีกต่อไป”

โจวเสาจิ่นรีบตั้งสติ เอ่ยขึ้นว่า “มิใช่ว่าเจ้าถามข้าว่าควรทำอย่างไรหรอกหรือ ข้าก็กำลังช่วยเจ้าคิดอยู่อย่างไรเล่า!”

เฉิงเจียได้ยินแล้ว ทั้งดีใจและประหลาดใจ รีบลุกขึ้นมานั่ง จับมือของนางเอาไว้พลางกล่าวขึ้นว่า “น้องสาวคนดี เจ้ารีบบอกข้ามา ว่าตกลงข้าควรจะเชื่อพี่ชายจิ้งหรือไม่”

ดูจากเหตุการณ์ในชาติก่อนแล้ว หลี่จิ้งผู้นี้ค่อนข้างเชื่อถือได้

แต่เหตุการณ์ในชีวิตนี้เปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้ โจวเสาจิ่นจึงไม่กล้าตบอกรับประกันเช่นกันว่าเขาจะเป็นคู่หมายที่ดีของเฉิงเจีย

ระหว่างที่ลนลานอยู่นั้นก็บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา โจวเสาจิ่นเสนอว่า “หรือไม่ เจ้าก็ทดสอบเขาอีกสักครั้ง ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาจริงใจหรือไม่”

ใครจะรู้ว่าเฉิงเจียกลับเอ่ยออกมาอย่างเอียงอายว่า “ถ้าหากเขาเคืองโกรธขึ้นมาจะทำอย่างไร”

“อ่า!” โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลง

เฉิงเจียหน้าแดงขึ้นมาอย่างฉับพลัน กล่าวว่า “เจ้า…เจ้าเพิ่งจะพูดไปหยกๆ ว่าถ้าข้าเชื่อใจเขา ยังจะต้องทดสอบเขาไปอีกทำไมอยู่เลย หากข้าทดสอบเขาต่อไป จะมิใช่เป็นการบอกเขาหรอกหรือว่าข้าไม่เชื่อใจเขา…”

โจวเสาจิ่นลูบหน้าผาก กล่าวขึ้นว่า “เจ้าก็ไม่ต้องให้เขารู้ตัวก็ได้นี่นา!”

เฉิงเจียซักถามต่อว่า “แล้วข้าต้องทำอย่างไรถึงไม่ทำให้เขารู้ตัวได้”

โจวเสาจิ่นคิดแล้วคิดอีก กล่าวขึ้นว่า “หรือไม่ เจ้าก็ลองกลับคำพูดดู บอกว่าเรื่องคราวก่อนไม่นับ ให้เขามาพบกันใหม่อีกครั้ง”

เฉิงเจียผลักนางแรงๆ ไปทีหนึ่ง กล่าวอย่างโมโหว่า “นี่มันแผนการอะไรของเจ้า ข้าจะกลับคำพูดได้อย่างไร!”

โจวเสาจิ่นยิ้มอย่างกระดากอาย ทว่าในใจกลับนึกถึงเฉิงฉือ

เวลาอยู่ต่อหน้าท่านน้าฉือนางมักจะพูดอะไรตามที่ใจคิด ไม่รู้ว่าเคยกระทำเรื่องอะไรที่กลับคำพูดอย่างกะทันหันเช่นนี้บ้างหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าท่านน้าฉือจะไม่เคยโกรธนางอย่างจริงจังมาก่อนเลยสักครั้ง…อย่างเช่นตอนที่นางไปวางเพลิงที่จวนห้า ท่านน้าฉือก็ปกป้องนางไว้

เวลานั้นเฉิงฉือเพิ่งจะเคยเจอนางเพียงสองครั้งเท่านั้น…

โจวเสาจิ่นใจเต้นตึกตักดั่งกลองที่ถูกตีระรัว

ตั้งแต่เด็กจนโต ทุกคนต่างชมว่านางเป็นเด็กดีมีหน้าตางดงามและอยู่ในโอวาทผู้หนึ่ง ต่อมาเมื่อนางโตขึ้น ความคิดความอ่านก็ค่อยๆ มีเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าสายตาที่ทุกคนมองนางจะเต็มไปด้วยความประทับใจในความงาม ทว่าน้อยนักที่คนจะเอ่ยชมนางซ้ำอีก

ตอนนั้นนางเพิ่งจะย้อนกลับมามีชีวิตใหม่ได้ไม่นาน ไม่ได้เก็บเนื้อเก็บตัวมากเหมือนชาติก่อน ท่านน้าฉือเองก็คิดเหมือนกันว่านาง…ดีมากหรือไม่นะ?

คิดถึงตรงนี้ นางรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกอาบไปด้วยน้ำผึ้งหวานละมุนก็ไม่ปาน…ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เฉิงเจียเอ่ยถามอย่างฉงนว่า “เจ้ายิ้มอะไร”

“เปล่าๆ!” โจวเสาจิ่นโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่

เฉิงเจียบ่นพึมพำเบาๆ อยู่ตรงนั้น นางเองก็ไม่ยินไม่ค่อยชัดว่าเฉิงเจียพึมพำอะไรไปบ้าง แล้วก็ไม่มีอารมณ์ไปซักถามเฉิงเจียว่านางบ่นอะไรอยู่เช่นเดียวกัน

ตอนที่ 291 สหายสนิท 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน