เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 299

โจวเสาจิ่นส่งเทียบเชิญไปให้จูจูเป็นลำดับแรก

เนื่องจากคนที่เฉิงฉือเอ่ยถึงเป็นคนแรกคือนาง

หลังจากที่จูจูได้รับเทียบเชิญแล้วก็ประหลาดใจมาก ตอบรับด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง ยังตกเงินรางวัลให้สื่อมามาและชุนหว่านที่มาส่งเทียบเชิญคนละห้าเหลี่ยงด้วย สำหรับเงินรางวัลแล้ว จำนวนนี้ถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมากทีเดียว

ชุนหว่านกลับมาแล้วก็ดีอกดีใจมีความสุขเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเพราะได้รับเงินรางวัลเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือได้ไปเปิดหูเปิดตาที่จวนเหลียงกั๋วกง “…สวนนั่น ล้วนปูด้วยแผ่นหินขนาดใหญ่เท่านี้ ไกลสุดลูกหูลูกตามองไม่เห็นขอบเขต ราวบันไดแกะสลักมาจากหยกขาวทั้งหมด หลังคาเหินฟ้า ดูราวกับวิหารเทพในวัดเลยเจ้าค่ะ!”

ปี้เถาปิดปากยิ้ม

ทว่าเสี่ยวถานกลับกล่าวขึ้นอย่างไม่คล้อยตามว่า “สวยกว่าเรือนหานปี้ซานอีกหรือเจ้าคะ”

ชุนหว่านครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เรือนหานปี้ซานของพวกเราสวยกว่า แม้นว่าจวนเหลียงกั๋วกงจะกว้างใหญ่ ทว่าล้วนเป็นทางเดิน ดูแล้วให้ความรู้สึกเยียบเย็นยิ่ง ไม่เหมือนเรือนหานปี้ซานของพวกเรา ด้านนี้ก็เป็นทะเลสาบ ส่วนด้านนั้นก็เป็นต้นไม้ ทางเดินก็มีสูงๆ ต่ำๆ ขึ้นๆ ลงๆ เดินไปทางไหนก็สามารถเดินทะลุป่าหรือข้ามสวนไปได้ เรือนหานปี้ซานของพวกเราดีกว่า!”

โจวเสาจิ่นยิ้ม

นางคิดจะเก็บชุนหว่านไว้ข้างกายต่อไปในอนาคต การให้นางออกไปทำธุระข้างนอกมากขึ้น ได้เปิดประสบการณ์ จะเป็นผลดีต่อตัวนางในการทำเรื่องต่างๆ ในอนาคต

ดูแล้วก้าวนี้ของตนถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ทางด้านของตระกูลกู้เป็นไปตามที่เฉิงฉือคาดการณ์เอาไว้ กูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้มาถามว่านางพากูที่สิบแปดและกูที่ยี่สิบผู้เป็นน้องสาวไปด้วยสักสองคนได้หรือไม่

โจวเสาจิ่นตอบรับไปอย่างกระตือรือร้น

ส่วนเฉิงเจียเป็นไปตามที่โจวเสาจิ่นคาดการณ์ไว้ นางดีใจจนแทบจะเสียสติไปแล้ว

พอนางได้รับเทียบเชิญแล้วก็รีบเร่งมาหาที่เรือนฝูชุ่ยโดยมาถึงก่อนที่สื่อมามาจะกลับมาเสียอีก พอเห็นโจวเสาจิ่นก็กอดนางเอาไว้แล้วหอมแก้มนางแรงๆ สองฟอด กล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่น เจ้าช่างเป็นน้องสาวที่แสนดีของข้าจริงๆ! ข้ากำลังกลุ้มใจที่ออกจากบ้านไม่ได้ เจ้าก็ส่งเทียบเชิญมาให้ข้าพอดี” กล่าวจบ ก็มองไปที่โจวเสาจิ่นอย่างเคลือบแคลงสงสัย กระซิบเสียงเบาว่า “เจ้าคงไม่ได้แอบส่งเทียบเชิญมาให้ข้าลับหลังฮูหยินผู้เฒ่ากัวหรอกกระมัง เจ้าติดสินบนสื่อมามาไปเท่าไร ข้าจะจ่ายให้เจ้าเอง ตอนนี้ข้ามีเงินแล้ว คราวก่อน…” นางพูดๆ อยู่ทว่ากลับตัดจบไปเสียดื้อๆ

ไม่รู้เพราะเหตุใด โจวเสาจิ่นนึกถึงภาพเหตุการณ์วันที่เฉิงฉือถามนางว่า เจ้าแพ้เสียเงินไปเท่าไร ข้าจะจ่ายให้เจ้าเอง วันนั้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

นางกล่าวขึ้นอย่างรู้ทันว่า “หลี่จิ้งแอบมอบเงินให้เจ้าใช้ใช่หรือไม่”

เฉิงเจียตกใจเป็นอย่างมาก ลากนางเข้าไปในห้องชั้นใน ปิดประตูเสียงดัง ปัง อย่างคนกินปูนร้อนท้อง เอ่ยขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร ใครเป็นคนบอกเจ้า”

โจวเสาจิ่นมองท่าทางของนางแล้ว นึกถึงชาติก่อนที่ตนมักจะถูกนางกดทับเอาไว้จนแทบจะไม่มีทางรอด ก็รู้สึกสมใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ในใจ ทว่ากล่าวเรียบๆ ว่า “แน่นอนว่าเป็นการคาดเดาอยู่แล้ว! เจ้ามีทรัพย์สินเท่าไรข้าจะไม่รู้หรือ ตอนนี้จู่ๆ ก็มีเงินขึ้นมา นอกจากหลี่จิ้งแล้ว จะมีใครให้เงินเจ้ามากขนาดนี้ได้!”

เฉิงเจียขัดเขิน กล่าวขึ้นว่า “ข้า…ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะเอาเงินของเขา แต่เขาบอกว่า มีเงินอยู่ในมือจิตใจก็จะไม่พะวง เบี้ยรายเดือน ค่าเครื่องประดับและเสื้อผ้าต่างๆ ของข้าล้วนเป็นจำนวนที่กำหนดเอาไว้ตายตัวแล้ว โยกย้ายมาใช้ไม่ได้ เงินจำนวนนี้เขาให้ข้ายืมใช้ก่อน ต่อไปรอให้ข้ามีเงินแล้วค่อยคืนเขา ข้ารู้สึกว่าที่เขาพูดมามีเหตุผลยิ่ง คนที่เรือนหรูอี้มักจะเอาเรื่องของข้าไปบอกท่านแม่ของข้าอยู่เสมอ เป็นเพราะว่าเบี้ยรายเดือน รวมถึงอนาคตของพวกนางล้วนอยู่ในกำมือของแม่ข้า ถ้าหากข้ามีเงิน ก็จะสามารถให้อนาคตกับพวกนางได้บ้าง จะมีผู้ใดยอมทำงานหนักโดยไม่หวังผลบ้างเล่า อีกอย่าง เงินจำนวนนี้ข้าอาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้…”

โจวเสาจิ่นคร้านจะฟังนางพร่ำไปเรื่อยเปื่อย จึงกล่าวตัดบทนางยิ้มๆ ว่า “เทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างวันนั้น ตกลงเจ้าไปได้หรือไม่”

“ได้อยู่แล้ว! เหตุใดถึงจะไปไม่ได้!” เฉิงเจียกล่าวอย่างมั่นใจ “สื่อมามานำเทียบเชิญไปให้ข้าด้วยตัวเอง ต่อให้แม่ของข้าจะไม่พอใจอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าไม่ไว้หน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวหรอก” นางกล่าว แล้วก็อยากจะเข้าไปกอดโจวเสาจิ่นอีก

มีคนชื่นชอบเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องดีใจอยู่แล้ว

แต่โจวเสาจิ่นยังคงรู้สึกขัดเขินอยู่บ้างเล็กน้อย

นางแสร้งหลบเฉิงเจียที่ยื่นแขนเข้ามาหาอย่างไม่ชอบใจ กล่าวขึ้นว่า “เอาล่ะๆ! อย่าสร้างปัญหาอีก! ถึงเวลาเจ้าอย่าลืมไปก็แล้วกัน ข้าเชิญจูจูกับกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ไปด้วย ถึงเวลาพวกเราจะได้เที่ยวเล่นด้วยกัน”

เฉิงเจียถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “เชิญแค่พวกเราไม่กี่คนเท่านั้นหรือ”

โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ อย่างลุแก่โทษว่า “กูที่สิบเจ็ดบอกว่านางอยากพาญาติผู้น้องของนางไปด้วยสองคน ข้ารับปากไปแล้ว”

เฉิงเจียกล่าวขึ้นอย่างดีใจว่า “เช่นนั้นก็มีแค่พวกเราหกคน!”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า

“สวรรค์!” เฉิงเจียปิติยินดี กล่าวขึ้นว่า “ในที่สุดครั้งนี้ก็ไม่ต้องสำรวมกิริยามารยาทกับผู้อื่นมากมายแล้ว!”

โจวเสาจิ่นเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน

เม้มปากหัวเราะ

ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับถามสื่อมามาด้วยอาการประหลาดใจเล็กน้อยว่า “คุณหนูรองไม่ได้เชิญหญิงสาวของตระกูลกัวเลยหรือ”

สื่อมามามองไปยังสาวใช้ที่ปรนนิบัติรับใช้อยู่รอบๆ

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงไล่คนออกไปก่อน

สื่อมามาถึงได้กดเสียงลงต่ำพลางกล่าวขึ้นว่า “ได้ยินว่าเป็นความตั้งใจของนายท่านสี่เจ้าค่ะ! ท่านก็ทราบว่าคุณหนูรองเทิดทูนนายท่านสี่มาโดยตลอด…”

มองผิวเผินแล้ว เฉิงฉือเป็นคนที่อ่อนด้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องของจวนหลัก

แม้แต่เฉิงอี๋ของจวนรองที่ดำรงตำแหน่งเป็นเพียงอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาตระกูลเฉิงก็ยังเทียบไม่ได้

ดังนั้นสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเกลียดที่สุดคือมีคนมาดูแคลนเฉิงฉือ

คำพูดนี้ของสื่อมามาจี้ได้ตรงจุดกับสิ่งที่อยู่ในใจของฮูหยินผู้เฒ่ากัวพอดี นางไม่เพียงไม่ตำหนิโจวเสาจิ่น ในทางตรงกันข้ามยังเผยรอยยิ้มพอใจออกมาอีกด้วย กล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นความตั้งใจของเจ้าสี่ ฉะนั้นเรื่องนี้พวกเจ้าก็ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก ส่วนตระกูลกัว ข้าจะส่งเทียบเชิญไปให้เองก็แล้วกัน”

ตอนที่ 299 ถูกต้องเหมาะสม 1

ตอนที่ 299 ถูกต้องเหมาะสม 2

ตอนที่ 299 ถูกต้องเหมาะสม 3

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน