พอเฉิงฉือเดินเข้าประตูมา สิ่งที่เห็นก็คือภาพอันแสนสุขภาพนี้
เขายิ้มน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าเตรียมตัวกันเสร็จหรือยัง พวกเราใกล้จะออกเดินทางแล้ว! วันนี้มีคนมาก ที่ทะเลสาบโม่โฉวต้องแน่นขนัดมากเป็นแน่ พวกเราควรจะออกเดินทางให้เร็วสักหน่อยเป็นดีที่สุด”
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะๆ!” โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นอย่างมีความสุข ช่วยเสียบหวีสับทองฝังหยกลงไปให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ปล่อยให้โจวเสาจิ่นประคองเดินออกมาจากห้องชั้นใน กล่าวกับเฉิงฉือว่า “อาสะใภ้สี่กับพี่สะใภ้เหมี่ยนของเจ้ามากันแล้วหรือ”
เมื่อวานตกลงกันแล้วว่าทุกคนจะเดินทางไปพร้อมกัน
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “รอเพียงท่านกับเสาจิ่นแล้วขอรับ” ขณะที่กล่าว นัยน์ตาก็มองไปที่โจวเสาจิ่นอย่างอดไม่ได้
โจวเสาจิ่นยืนยิ้มแย้มอยู่ตรงนั้น ยิ้มจนตาหยี มองแล้วทำให้คนรู้สึกสุขใจยิ่งนัก
เขายิ้มให้นางอย่างห้ามไม่อยู่ เข้าไปประคองอีกด้านหนึ่งของฮูหยินผู้เฒ่ากัว
โจวเสาจิ่นรู้สึกราวกับมีลูกนกตัวหนึ่งแอบกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขอยู่ในใจของนางก็ไม่ปาน
คนทั้งกลุ่มนัดเจอกันที่ศาลาทิงอวี่ ฮูหยินใหญ่หลูกับเฉิงเจียเร่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
หลังจากที่ทุกคนทำความเคารพกันแล้ว ฮูหยินใหญ่หลูกล่าวยิ้มๆ อย่างขออภัยว่า “เป็นความผิดของข้าเอง ที่ต้องการให้ลูกเจียเปลี่ยนชุด ถึงได้มาสายเช่นนี้!”
สายตาของทุกคนเคลื่อนไปตกอยู่บนเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยผ้าไหมหังโจวสีแดงสดทอลายสีทองกับปิ่นปักผมทองฝังทับทิมขนาดเท่าเม็ดบัวที่ปักอยู่บนมวยผมทรงดอกโบตั๋นของเฉิงเจีย
เฉิงเจียหน้าแดงเถือก
วันที่อากาศร้อนขนาดนี้ ถึงแม้การแต่งตัวเช่นนี้จะดูงดงาม แต่กลับทำให้คนรู้สึกร้อนมากเกินไป ไม่ค่อยเหมาะสมนัก
โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นโจวเสาจิ่นที่แต่งตัวสบายๆ ดูสดชื่นนั่นแล้ว เฉิงเจียก็อยากจะกลับไปเปลี่ยนชุดแล้วค่อยกลับมาใหม่ยิ่งนัก
แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและฮูหยินผู้เฒ่ากวนต่างขึ้นเกี้ยวไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้นางอยากเปลี่ยนชุดก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่เบะปากขึ้นเกี้ยวไปพร้อมกับโจวเสาจิ่น
เกี้ยวเคลื่อนตัวไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงทะเลสาบโม่โฉว
ข้างทะเลสาบโม่โฉวเต็มไปด้วยฝูงชน
กระทั่งพวกนางเดินขึ้นหอชิงเยียนไป นั่งลงในห้องส่วนตัวที่เฉิงฉือจองเอาไว้บนชั้นสอง เมื่อปี้อวี้และคนอื่นๆ นำน้ำชากับของว่างมาขึ้นโต๊ะแล้ว ทะเลสาบโม่โฉวก็อึกทึกไปด้วยเสียงผู้คน ฝูงชนเบียดเสียดกัน เบื้องล่างของหอชิงเยียนแน่นขนัดจนให้ความรู้สึกว่าสามารถกั้นไม่ให้น้ำผ่านได้
เฉิงเจียหวาดผวา กล่าวขึ้นว่า “โชคดีที่พวกเรามาถึงเร็ว ไม่อย่างนั้นเกี้ยวคงต้องจอดติดอยู่บนถนนเป็นแน่ ไม่รู้ว่าจูจูกับพวกกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้เป็นอย่างไรบ้าง”
“จริงด้วย!” โจวเสาจิ่นเดินเข้าไป ยืนพิงอยู่ข้างหน้าต่างมองไปยังเบื้องล่างพร้อมกับเฉิงเจีย
มีสาวใช้มารายงานว่า “คุณหนูของตระกูลกู้มาแล้วเจ้าค่ะ!”
โจวเสาจิ่นกับเฉิงเจียไปต้อนรับถึงหน้าประตู
คุณหนูทั้งสามคนของตระกูลกู้ต่างมวยผมขึ้นเป็นทรงก้นหอยคู่หนึ่งและสวมเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยผ้าฝ้ายทอเหมือนกัน เพียงแต่ว่าชุดของกูที่สิบเจ็ดเป็นสีแดงเลือดนก ปักผมด้วยปิ่นทรงใบแปะก๊วย ส่วนชุดของกูที่สิบแปดเป็นสีแดงเงิน ปักผมด้วยปิ่นไข่มุก และชุดของกูที่ยี่สิบเป็นสีขาวพระจันทร์ ปักผมด้วยปิ่นหยกมรกต
พวกนางยังนำของขวัญมาให้โจวเสาจิ่น เฉิงเจียและจูจูด้วย
ของขวัญของกูที่สิบเจ็ดเป็นบันทึกการเดินทาง ของขวัญของกูที่สิบแปดเป็นขนมทำเอง และของของขวัญของกูที่ยี่สิบเป็นถุงหอมทำเอง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ของขวัญของกูที่สิบเจ็ดมีมูลค่ามากที่สุด
โจวเสาจิ่นอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจกูที่สิบแปดกับกูที่ยี่สิบครั้งหนึ่ง
กูที่ยี่สิบไม่ได้ใส่ใจ หันมายิ้มน้อยๆ ให้นางอย่างเป็นธรรมชาติ
เพียงมองครั้งเดียวโจวเสาจิ่นก็รู้สึกชอบเด็กสาวทั้งสองคนแล้ว แล้วก็รู้สึกชื่นชมกูที่สิบเจ็ดเป็นอย่างมาก พี่น้องที่นางผูกมิตรด้วยทั้งสองคนล้วนดีงามยิ่ง ไม่เหมือนนาง ที่ไร้แววในการมองคน!
เฉิงเจียดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเช่นกัน ถอดเครื่องประดับที่อยู่บนตัวออกหมายจะมอบเป็นของขวัญให้คุณหนูตระกูลกู้ ทำหน้ามุ่ยกล่าวเสียงเบาว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ลืมคิดไป…”
กูที่สิบเจ็ดรีบกดมือของนางเอาไว้ กล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราพี่สาวน้องสาวไม่ได้เจอกันนาน ก็เลยหาเรื่องสนุกทำเท่านั้น หากเจ้าทำเช่นนี้ ครั้งต่อไปพวกข้าจะไม่เอาอะไรมาให้พวกเจ้าอีกแล้ว”
โจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเช่นกัน แต่เพราะนางถูกฮูหยินผู้เฒ่ากัวและท่านน้าฉือสั่งสอนบ่อยๆ จึงไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่มักจะกลัวว่าตัวเองจะทำอันนั้นอันนี้ได้ไม่ดีแล้วถูกผู้อื่นตำหนิอีกแล้ว นางไปยืนข้างๆ กูที่สิบเจ็ดพลางกล่าว “วันนี้เป็นวันที่ทุกคนออกมาเที่ยวเล่นด้วยกัน หากเจ้าถอดเครื่องประดับบนตัวออกมามอบให้พวกคุณหนูสิบเจ็ดตระกูลกู้ไปแล้ว บนศีรษะก็โล้นไปหมด จะดูไม่เรียบร้อย มีแต่จะทำให้คุณหนูของตระกูลกู้ลำบากใจเปล่าๆ ต่อไปทุกคนคงจะได้ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ อีก เจ้าก็อย่าลืมว่าติดหนี้น้ำใจของพวกนางในครั้งนี้อยู่ก็พอแล้ว”
เฉิงเจียถึงได้มีแผน ชวนพวกนางไปพายเรือที่บ้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น
กูที่สิบเจ็ดรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ตอบรับคำชวนยิ้มๆ
ถ้าเฉิงเจียถอดเครื่องประดับบนกายของตัวเองออกมามอบให้พวกนางจริงๆ บนร่างก็จะไร้เครื่องประดับ ผู้อื่นมีแต่จะคิดว่าพวกนางพี่น้องไม่รู้จักวิธีรับมือกับผู้คนยามเข้าสังคมเกินไป
โจวเสาจิ่นพาคุณหนูของตระกูลกู้ไปพบฮูหยินผู้เฒ่ากัว ฮูหยินผู้เฒ่ากวนและคนอื่นๆ
ห้องส่วนตัวขนาดสามห้องกั้นที่เฉิงฉือจองเอาไว้นี้ถูกแบ่งออกเป็นห้องๆ ด้วยฉากกั้น ห้องฝั่งตะวันออกเป็นของฮูหยินผู้เฒ่ากัวและคนอื่นๆ ห้องฝั่งตะวันตกเป็นของโจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ส่วนเฉิงฉืออยู่ห้องส่วนตัวอีกห้องข้างๆ กัน
เมื่อออกมาจากห้องฝั่งตะวันออกแล้ว กูที่สิบเจ็ดกล่าวชมว่า “นี่เป็นความคิดของผู้ใดหรือ เมื่อดึงฉากกั้นออก ก็จะกลายเป็นห้องโล่งๆ แต่เมื่อดึงฉากมากั้น ก็จะกลายเป็นห้องอีกห้องหนึ่ง ทีนี้พวกเราจะพูดคุยกันก็ไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนพวกผู้ใหญ่แล้ว”
คงกลัวว่าหากมีคนคอยควบคุมอยู่ด้านบน จะพูดคุยกันได้ไม่เต็มที่กระมัง
โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม นึกถึงท่าทางของเฉิงฉือที่หันมายิ้มน้อยๆ ให้นางเมื่อเช้า พร้อมกับดึงตัวคุณหนูทั้งสามคนของตระกูลกู้ไปเดินดูห้องส่วนตัวของหอชิงเยียน
กูที่สิบเจ็ดเดินดูไปหนึ่งรอบ ให้ความสนใจกับหาบเร่ที่ร้องตะโกนขาย ‘เกี๊ยวน้ำ’ และ ‘ทังเปา’ อยู่ใต้หอชิงเยียนเหล่านั้น ส่วนกูที่สิบแปดให้ความสนใจกับภาพปักของซูโจวที่แขวนอยู่บนผนัง มีเพียงกูที่ยี่สิบเท่านั้น ที่นั่งดื่มชาอย่างเรียบร้อยอยู่ตรงนั้น บอกว่าชานี้เป็นชาที่เก็บก่อนวันเช็งเม้งที่เพิ่งนำออกมาขายของปีนี้ “เป็นชาปี้หลัวชุนชั้นยอด แต่ละยอดมีความยาวหนึ่งเฟิน ไม่เชื่อเจ้าลองเอาออกมาดูได้”
เฉิงเจียเบิกดวงตาโพลง ถามขึ้นว่า “อะไรคือแต่ละยอดมีความยาวหนึ่งเฟินหรือ”
คุณหนูยี่สิบของตระกูลกู้กล่าวยิ้มๆ ว่า “ก็ใบชาอย่างไร มีเพียงชาปี้หลัวชุนชั้นดีเท่านั้นถึงจะเป็นเช่นนั้น!”
เฉิงเจียจึงให้ชุ่ยหวนไปเทชาของตัวเองทิ้ง ต้องการจะดูว่าใบชานั่นจะยาวหนึ่งเฟินจริงหรือไม่
คุณหนูยี่สิบของตระกูลกู้รีบห้ามเฉิงเจียเอาไว้ด้วยอาการเสียดายของดี กล่าวขึ้นว่า “เจ้าดื่มชาให้หมดแล้วค่อยเทออกมาดูก็ได้นี่นา!”
เฉิงเจียจึงยกจอกชาขึ้นกระดกจนหมดจอก แล้วเทใบชาลงบนถาดชาเพื่อเปรียบเทียบกัน

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน