ในน้ำมีเรือมังกรอยู่ทั้งหมดสี่ลำ โดยมือพายสวมเสื้อสีแดง สีเขียว สีขาว และสีดำ ซึ่งมาจากตระกูลหลิว ตระกูลหลู ตระกูลหวัง และตระกูลหลิ่ว ตระกูลหลิวที่เป็นหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลหลิวของจวนดอกเหมย หรือก็คือตระกูลพ่อตาของจูเผิงจวี่ผู้เป็นซื่อจื่อของจวนเหลียงกั๋วกง แล้วก็เป็นตระกูลบ้านสามีของคุณหนูสามตระกูลซุนนั่นเอง
หลั่งเย่ว์ที่สวมชุดเต้าเผาสีดำยืนอธิบายอยู่ข้างๆ อย่างคล่องแคล่วว่า “…กลุ่มถัดไปเป็นกลุ่มที่สอง มาจากตระกูลซุน ตระกูลเฉิน ตระกูลอู๋ และตระกูลเฉียน ตระกูลซุนนี้มีรองเจ้ากรมผู้หนึ่ง แล้วก็เป็นตระกูลฝั่งมารดาของสะใภ้เจ็ดตระกูลหลิวนั่นเอง โดยจะมีทั้งหมดสิบสองกลุ่ม เรือลำที่เป็นผู้ชนะของแต่ละกลุ่มจะถูกแบ่งกลุ่มอีกครั้งเป็นสี่กลุ่มเพื่อเข้าแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ จากนั้นเรือลำที่ชนะของแต่ละกลุ่มก็จะได้เข้าไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ครั้งนี้ตระกูลเซินของรองเจ้าเมืองจินหลิงเซินชิงอวิ๋นก็เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่สี่ขอรับ”
จูจูถามเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ตระกูลซุนเข้าร่วมการแข่งขันด้วยได้อย่างไร ข้าจำได้ว่าบุตรชายหลานชายของตระกูลซุนมีไม่มากนี่นา!”
หลั่งเย่ว์กล่าวยิ้มๆ ว่า “ดูเหมือนว่าจะเลือกบ่าวชายบางส่วนมาจากบ้านสวนขอรับ”
จูจูเอ่ยขึ้นอย่างดูแคลนว่า “นี่เพราะต้องการแข่งให้รู้แพ้รู้ชนะกับตระกูลหลิวอย่างนั้นหรือ”
เรื่องของตระกูลหลิวกับตระกูลซุนนั้นดังกระฉ่อนจนเป็นที่ทราบกันทั่วทั้งเมืองจินหลิง
หลั่งเย่ว์ฉลาดที่จะไม่ตอบ แต่กล่าวยิ้มๆ ว่า “นายท่านสี่ของพวกข้ายังเตรียมกล้องส่องทางไกลเอาไว้ให้ทุกคนด้วยขอรับ เพียงแต่ว่ามีเพียงหนึ่งกระบอกเท่านั้น คุณหนูทั้งหลายคงต้องผลัดกันใช้แล้วขอรับ”
กูที่สิบเจ็ดได้ยินแล้วก็กระโดดตัวโหยงขึ้นมาอย่างดีใจ กล่าวไม่หยุดว่า “รีบไปเอามาเถิดๆ เอามาให้พวกข้าดูสักหน่อย ข้ายังไม่เคยเห็นกล้องส่องทางไกลมาก่อนเลย เคยแต่ได้ยินแล้วก็เห็นจากในหนังสือมาก่อนเท่านั้น”
เฉิงเจียเองก็ส่งเสียงดังอยู่ตรงนั้นว่า “รีบไปเถิดๆ!”
คนอื่นๆ ต่างพากันเม้มปากกลั้นหัวเราะ
หลั่งเย่ว์ออกไปหยิบกล้องส่องทางไกล
จูจูกล่าวขึ้นอย่างปลื้มปีติว่า “ไม่แปลกใจที่พี่ชายใหญ่ของข้าจะเคารพนับถือนายท่านสี่ฉือ ของหายากขนาดนี้เขายังหามาครอบครองได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนห้ามกระโตกกระตากออกไปอย่างเด็ดขาด ของสิ่งนี้เป็นของต้องห้ามของราชสำนัก” กล่าวอีกว่า “ต้องนับถือนายท่านสี่ฉือที่กล้าเอาออกมา หากเป็นบ้านข้า คงไม่กล้าอย่างแน่นอน”
คุณหนูของตระกูลกู้ต่างให้คำมั่นว่าจะไม่บอกผู้ใดเป็นอันขาด
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับกำลังเป็นกังวลว่าเหตุใดคนของตระกูลกัวยังมาไม่ถึงอีก
ไม่นาน หลั่งเย่ว์ก็ถือกล่องๆ หนึ่งเดินเข้ามา
ทุกคนต่างล้อมวงเข้าไปดู
เป็นกล้องส่องทางไกลยาวหนึ่งฉื่อ ทองชุบด้านนอกแกะสลักรูปเสือสีดำ ฝังทับทิมขนาดเท่าไข่นกพิราบเอาไว้ด้วย เมื่อดึงออกมาจะมีความยาวเป็นสองฉื่อ
ทุกคนต่างล้อมวงกันดูราวกับกำลังดูของประหลาด
โจวเสาจิ่นพลันนึกถึงฮูหยินผู้เฒ่ากัวขึ้นมา รีบถามหลั่งเย่ว์ว่า “ทางด้านของฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีหรือไม่”
ทุกคนต่างตกตะลึงงัน
หลั่งเย่ว์กล่าวยิ้มๆ ว่า “นายท่านสี่ยืมมาทั้งหมดสามชิ้น ชิ้นหนึ่งให้พวกคุณหนูใช้ ชิ้นหนึ่งส่งไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าทางด้านโน้น แล้วก็เก็บไว้ที่ตัวเองอีกหนึ่งชิ้น คุณหนูรองใช้ได้ตามสบาย ไม่มีขาดตกขอรับ”
โจวเสาจิ่นถึงได้พรูลมหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
จูจูกล่าวยิ้มๆ ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ยังคงเป็นเสาจิ่นที่ละเอียดรอบคอบ พวกเราต่างเอาแต่ดีใจ จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท”
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ทุกคนต่างเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ย่อมต้องรู้สึกประหลาดใจอยู่แล้ว!”
ทุกคนต่างเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ แล้วก็เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่นิยมการประจบสอพลอ จึงไม่ได้กล่าวอะไรมากอีก แต่ในใจกลับรู้สึกว่าโจวเสาจิ่นผู้นี้เป็นคนจริงใจ ควรค่าที่จะคบหาต่อไป
เสียงกลองข้างทะเลสาบดังขึ้น ทุกคนไปดูการแข่งเรือที่หน้าต่าง
เสียงกลองดังตึงตึง ฝีพายประหนึ่งล้อหมุน คลื่นสีขาวซ่านกระเซ็น เสียงโห่ร้องปรบมือดังเกรียวกราว
ข้างๆ ทะเลสาบโม่โฉวพลันคึกคักขึ้นมายิ่งกว่าตอนจัดงานวัดช่วงปีใหม่เสียอีก
โจวเสาจิ่นเองก็อดไม่ได้ที่จะกุมหมัดเอาไว้แน่น หวาดหวั่นแทนเรือมังกรหลายลำนั้น
ไม่นาน ผลการแข่งขันก็ออกมา
เรือของตระกูลหลิวที่สวมชุดสีแดงเป็นผู้ชนะลำดับที่หนึ่ง
เรือของตระกูลหลิวไปพักผ่อนอยู่ข้างๆ รอการแข่งรอบรองชนะเลิศ ส่วนเรือลำอื่นๆ บ้างก็ถอนหายใจ บ้างก็ก้มหน้าก้มตาออกจากทะเลสาบโม่โฉวไป
กลุ่มที่สองตั้งแถวเข้ามา เริ่มเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน
ทุกคนอาศัยจังหวะว่างเว้นนี้ บ้างก็วิเคราะห์กันว่าใครจะเป็นผู้ชนะลำดับที่หนึ่ง บ้างก็หมุนกายไปซื้อเมล็ดแตงโมเมล็ดทานตะวัน บ้างก็ไปปั้นขนมน้ำตาลปั้นที่ร้านขายขนมน้ำตาลปั้น
โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ เองก็กลับมานั่งที่เช่นกัน พูดคุยถึงเรื่องสัพเพเหระในเมืองจินหลิงขึ้นมา
จูจูกลับดึงตัวโจวเสาจิ่นไปพร่ำบ่นอยู่ข้างๆ ว่า “พี่ชายข้าก็จริงๆ เลย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงยอมเห็นด้วยกับการแต่งงานกับตระกูลหลิวในครั้งนี้ เกรงว่าคนทั้งเมืองจินหลิงคงหัวเราะเยาะเขากันหมดแล้ว นอกจากนี้พี่ชายข้ายังทำเสมือนกับการแต่งงานอย่างเป็นทางการในครั้งแรกอีกด้วย นอกจากจะทำทุกอย่างที่จำเป็นตามหลักสามหนังสือหกพิธีการแล้ว สินสอดสู่ขอก็ไม่น้อยอีกด้วย แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าก็ไม่ห้ามปรามเขา ข้าไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว!”
โจวเสาจิ่นเกลี้ยกล่อมนางว่า “เมื่อเข้าบ้านพวกเจ้ามาแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนของพวกเจ้า หน้าตาของพี่สะใภ้เจ้า ก็เสมือนกับหน้าตาของครอบครัวพวกเจ้า ในเมื่อตอนนี้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เจ้ายังจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม ขอเพียงพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเจ้ามีความสุขก็พอแล้ว!”
“ข้าเองก็ทราบเหตุผลดี” จูจูทำหน้ามุ่ยกล่าว “แต่ข้าก็ยังคงไม่สบายใจ ราวกับหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น…”
ระหว่างที่พูดคุยอยู่นั้น กลุ่มที่สองจะเริ่มการแข่งขันแล้ว
ทั้งสองคนจึงจบบทสนทนา ไปดูการแข่งเรือที่หน้าต่าง
เป็นเช่นนี้อยู่หลายกลุ่ม ความกระตือรือร้นของทุกคนก็มลายหายไป ค่อยๆ เปลี่ยนความสนใจมาที่การพูดคุย
โจวเสาจิ่นเป็นกังวลถึงฮูหยินผู้เฒ่ากัว จึงบอกจูจูและคนอื่นๆ ให้ทราบแล้วก็ไปที่ห้องฝั่งตะวันออก
ที่ห้องฝั่งตะวันออกเงียบสงบกว่าห้องของพวกนาง ฮูหยินผู้เฒ่าทั้งหลายต่างนั่งสนทนากัน ไม่มีผู้ใดสนใจดูการแข่งขัน หน้าต่างที่เปิดกว้างเอาไว้มีเพียงเด็กสาวสองคนนั่งอยู่ตรงนั้น ผลัดกันใช้กล้องส่องทางไกลมองไปข้างนอก
โจวเสาจิ่นเพ่งสายตามอง เป็นผู้ใดไปมิได้นอกเสียจากคุณหนูทั้งสองท่านของตระกูลกัว
นางประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวขึ้นว่า “พวกนางมาถึงช้า แล้วก็มีนิสัยระวังตัวจนเกินเหตุ ข้าจึงให้พวกนางรั้งอยู่ทางด้านนี้”
โจวเสาจิ่นรีบเข้าไปคารวะคุณหนูทั้งสองท่านของตระกูลกัว กล่าวขออภัย แล้วก็ถามพวกนางว่าอยากจะไปกล่าวทักทายพวกจูจูหรือไม่
คุณหนูทั้งสองคนของตระกูลกัวเกรงใจเป็นอย่างมาก กล่าวกับนางอย่างอ่อนละมุนว่าไม่จำเป็นต้องมากพิธี จากนั้นหันไปมองนายหญิงผู้เฒ่าของตระกูลกัว
นายหญิงผู้เฒ่าของตระกูลกัวพยักหน้าน้อยๆ คุณหนูกัวทั้งสองคนถึงได้ตามโจวเสาจิ่นไปที่ห้องฝั่งตะวันตก
ทุกคนต่างก็เสียงดังขึ้นมา ต่างคนต่างแนะนำและทำความเคารพซึ่งกันและกัน
โจวเสาจิ่นถึงได้รู้ว่าคุณหนูตระกูลกัวทั้งสองคนนั้นผู้หนึ่งเป็นคุณหนูลำดับที่หก อีกผู้หนึ่งเป็นลำดับที่เจ็ด ปีนี้ล้วนอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ต่างยังไม่ได้หมั้นหมาย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน