จูจูรับมือกับสถานการณ์ด้วยอาการสงบนิ่งอีกทั้งยังมีความคิดเป็นของตัวเอง โจวเสาจิ่นคิดไม่ถึงเลย เคยคิดว่านางเป็นเพียงคุณหนูใหญ่จากตระกูลชั้นสูงที่ถูกตามใจจนเสียคนผู้หนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้เฉิงเจียเคยปฏิเสธงานแต่งกับจูเผิงจวี่ซื่อจื่อของเหลียงกั๋วกงมาแล้วด้วย เวลานี้นางอดไม่ได้ที่จะมองจูจูอย่างชื่นชมครั้งหนึ่ง กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก!”
“ขอบคุณอะไรกัน!” จูจูกล่าวขึ้นอย่างไม่ปัดความรับผิดชอบว่า “พวกเราล้วนเป็นพี่สาวน้องสาวที่ดีต่อกัน ข้าเองก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงของนางเสียหาย ทางด้านขององครักษ์ลับของจวนกั๋วกงนั้น ข้าจะหาวิธีไปสั่งการเอาไว้ ดูว่าจะมีข่าวคราวอะไรบ้างหรือไม่”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ
ถึงแม้จะรู้สึกว่าถ้าจูจูยังคิดได้ เฉิงฉือย่อมต้องคิดได้เหมือนกัน แต่นางก็ยังคงไม่วายเป็นห่วงเฉิงเจียเป็นอย่างมาก กกกอดลำแสงแห่งความหวังเอาไว้ หวังว่าจะสามารถใช้กล้องส่องทางไกลส่องเจอเฉิงเจียได้ สามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงแคบที่สุดได้
เนื่องจากว่าใกล้จะเริ่มการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศแล้ว
ครั้นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศจบลง พวกนางก็จะต้องเดินทางกลับจวนแล้ว
เวลานี้หากผู้อื่นสังเกตเห็นว่าเฉิงเจียหายตัวไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุหรือเหตุผลอะไร ชื่อเสียงของเฉิงเจียในชีวิตนี้ก็คงจะจบกันแล้ว
ทั้งสองคนแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จับมือกันเดินไปที่หน้าต่างด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เรือมังกรทั้งสี่ลำกำลังพายกันอย่างดุเดือด เสียงโห่ร้องจากชายฝั่งดังให้ได้ยินไม่ขาดสาย คนในห้องส่วนตัวต่างมองกันตาไม่กระพริบ
จูจูตบตัวคุณหนูหกของตระกูลกัวที่กำลังถือกล้องส่องทางไกลชมการแข่งขันอยู่เบาๆ พลางกล่าวขึ้นว่า “ไอโหยว เจ้าจะใช้อีกนานเท่าไร ข้าอยากจะรีบดูสักหน่อยว่าตกลงผู้ใดได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศบ้าง!”
พวกนางตกลงกันตั้งแต่ต้นว่าจะผลัดกันใช้กล้องส่องทางไกลคนละครึ่งเค่อ เมื่อคุณหนูหกของตระกูลกู้ใช้เสร็จแล้ว ก็ควรจะให้คุณหนูเจ็ดของตระกูลกัวใช้ต่อ คุณหนูหกของตระกูลกัวได้ยินแล้วสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ คุณหนูหกของตระกูลกัวเห็นเช่นนั้นจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ไม่เป็นไรๆ ให้คุณหนูจูใช้ก่อนก็แล้วกัน ข้าอยู่ตรงนี้ก็มองเห็นชัดเจนดี”
กูที่สิบเจ็ดเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบผู้หนึ่ง กล่าวยิ้มๆ ว่า “อาจู เจ้าแทรกแถวผู้อื่นเช่นนี้ การใช้กล้องส่องทางไกลหลังจากนี้ก็จะยุ่งเหยิงไปหมด ประเดี๋ยวหากเจ้าเถียงไม่ชนะ จะโมโหไม่ได้เด็ดขาด”
ความหมายก็คือในเมื่อเจ้าทำลายกฎแล้ว ถึงเวลาก็จะไม่มีใครโต้แย้งแทนเจ้าอีก
จูจูจึงยิ้มพลางกอดแขนของกูที่สิบเจ็ดเอาไว้ กล่าวอย่างออดอ้อนว่า “พี่สาวคนดี พวกท่านยอมให้ข้าสักครั้งเถิด ข้ารับปากว่าประเดี๋ยวข้าจะไม่ใช้กล้องส่องทางไกลอีกแล้ว หากมิใช่เพราะในกลุ่มนี้มีเรือของตระกูลซุนอยู่ด้วย ข้าก็คงไม่อยากดูเพียงนี้หรอก!”
โดยมากคนต่างคาดเดากันว่าเพื่อแข่งแพ้ชนะกับตระกูลหลิวแล้ว ตระกูลซุนถึงได้เข้าร่วมการแข่งขันเรือมังกรในครั้งนี้ด้วย
และคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลิวก็ใกล้จะแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้เล็กของจวนเหลียงกั๋วกงแล้ว
คุณหนูหกกับคุณหนูเจ็ดของตระกูลกัวได้ยินแล้วก็แลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่ง
คุณหนูสิบเจ็ดของตระกูลกู้ช่วยออกหน้าผดุงความยุติธรรมให้พวกนางแล้ว คุณหนูใหญ่จูก็ยังคงไม่ยอมลงให้ ทุกคนต่างรู้ว่าเป็นความผิดของคุณหนูใหญ่ตระกูลจูก็พอแล้ว นอกจากนี้หากพวกนางยังดึงดันต่อไป มีแต่จะทำให้คุณหนูสิบเจ็ดของตระกูลกู้ที่ช่วยออกหน้าผดุงความยุติธรรมให้พวกนางต้องลำบากใจเปล่าๆ
คุณหนูหกของตระกูลกัวยื่นกล้องส่องทางไกลให้จูจูเงียบๆ
จูจูรับกล้องส่องทางไกลมาอย่างยินดีไม่คิดมากอะไร ยกขึ้นมาส่องมองไปรอบๆ
กูที่สิบเจ็ดรีบก้าวเข้าไปกล่าวกับคุณหนูหกของตระกูลกัวอย่างขออภัยว่า “นางก็เป็นเช่นนี้ ขอให้น้องสาวทั้งสองท่านอดทนสักหน่อย ครั้งนี้ถือเสียว่ายอมลงให้นาง ประเดี๋ยวหากนางทำเช่นนี้อีก ข้าจะไปบอกฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอง”
คุณหนูทั้งสองท่านของตระกูลกัวคิดไม่ถึงว่ากูที่สิบเจ็ดจะมีน้ำใจถึงเพียงนี้ ความไม่พอใจเล็กๆ นั้นก็มลายหายไป กล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพียงกันว่า “เพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น พี่สาวกู้อย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย หากวุ่นวายไปถึงพวกผู้ใหญ่ทางด้านโน้น จะหาว่าพวกเราพี่สาวน้องสาวไม่รู้จักยอมลงให้กัน ไม่เชื่อฟังเสียเปล่าๆ เจ้าค่ะ”
กูที่สิบเจ็ดได้ยินแล้วก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “น้องสาวทั้งสองท่านระวังได้ถูกต้องแล้ว เป็นข้าเองที่พิจารณาได้ไม่รอบด้าน อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจให้น้องสาวทั้งสองท่านถูกเอาเปรียบได้ ขอให้น้องสาวทั้งสองท่านอดทนเอาไว้ชั่วคราวก่อน”
คุณหนูทั้งสองท่านของตระกูลกัวควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี กล่าวขอบคุณนางยิ้มๆ เดินไปดูการแข่งขันเรือมังกรที่หน้าต่างอีกบานหนึ่งพร้อมกับกูที่สิบเจ็ด กูที่สิบแปดและกูที่ยี่สิบของตระกูลกู้ ส่วนหน้าต่างทางด้านนี้จึงเหลือจูจูเพียงคนเดียว
จูจูจึงหันไปกวักมือเรียกโจวเสาจิ่น กล่าวขึ้นว่า “เจ้ารีบมาดูเร็วเข้าๆ!”
โจวเสาจิ่นสะดุ้งตกใจ คิดว่าจูจูพบอะไรแล้ว จึงรีบเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
จูจูยัดกล้องส่องทางไกลไปไว้ในมือของนาง รีบกระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าดูไปแล้วครึ่งค่อนวันก็ยังหาไม่เจอ เจ้าเอาไปดูให้ละเอียดอีกที เกรงว่าอาจจะตกหล่นอะไรไปได้”
นับตั้งแต่ที่เฉิงเจียไปห้องทางการจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะสองเค่อแล้ว หากเฉิงเจียเจตนาจริงๆ เวลานี้ยังหานางไม่เจอ เกรงว่านางคงเดินไปไกลแล้ว
โจวเสาจิ่นรู้สึกดวงใจหนักอึ้ง รับกล้องส่องทางไกลมาค่อยๆ มองสำรวจถนนที่มีคนเดินเบียดเสียดกันอย่างแน่นขนัดช้าๆ
กูที่สิบเจ็ดที่อยู่ทางโน้นมองมาที่โจวเสาจิ่นกับจูจูครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ยิ่งให้การรับรองคุณหนูทั้งสองท่านของตระกูลกัวอย่างกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
โจวเสาจิ่นไม่ทันได้สนใจเรื่องพวกนี้ พยายามมองหาสตรีสวมชุดสีแดงสดบนถนนอย่างละเอียด
ด้านนอกของหอชิงเยียนเป็นถนนขนาดใหญ่ที่รถวิ่งได้สามคันเส้นหนึ่ง ระยะห่างทุกๆ สองจั้งของสองข้างทางปลูกต้นหลิวเอาไว้หนึ่งต้น ถึงแม้ต้นหลิวเหล่านั้นจะเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์และเขียวชอุ่ม แต่ก็ไม่เหมือนกับต้นตั๊กแตนหรือไม่ก็ต้นการบูรที่ยอดไม้เป็นพุ่มขึ้นไปประหนึ่งร่ม แต่ต้นหลิวห้อยระย้าจากบนลงล่างทำให้มองอะไรไม่เห็น
นางเจอหญิงสาวสวมชุดสีแดงตรงแผงลอยขายของที่อยู่ใต้ต้นไม้กับบนถนนที่จอแจไปด้วยผู้คนหลายคน แต่ทั้งหมดล้วนไม่ใช่เฉิงเจีย
โจวเสาจิ่นรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
นางคงไม่อาจถือกล้องส่องทางไกลเอาไว้ตลอดโดยไม่คืนให้คุณหนูหกของตระกูลกัวหรอกกระมัง
โจวเสาจิ่นจึงรีบมองหาสตรีสวมชุดแดงที่เดินอยู่บนถนนอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น หางตาของนางเหลือบมองไปที่ประตูข้างที่อยู่ข้างๆ หอชิงเยียนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ใต้ต้นตั๊กแตนต้นใหญ่ ดูเหมือนว่าจะมีชายกระโปรงสีแดงชายหนึ่งถูกลมพัดปลิวขึ้นมา แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว
โจวเสาจิ่นใจเต้นประหนึ่งตีกลอง
บางครั้งสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
นอกจากนี้ลึกๆ แล้วนางก็ไม่ค่อยเชื่อว่าหลี่จิ้งจะหลอกลักพาตัวเฉิงเจียหนีไป
ต้องรู้ว่าผู้ที่ตบแต่งจะได้เป็นภรรยาส่วนผู้ที่หนีตามไปเป็นได้เพียงอนุ
เนื่องจากแม้แต่จะเข้าจวนไปพบเฉิงเจียเขายังต้องคิดคำนวณอย่างระมัดระวังว่าจะใช้วิธีการอะไร แล้วจะกระทำเรื่องที่จะทำลายเฉิงเจียโดยไม่สนใจอะไรเลยเช่นนี้ได้อย่างไร

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน