ซางมามากล่าวให้ความมั่นใจกับโจวเสาจิ่นว่า “ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะคุณหนูรอง ข้าจะเชิญตัวคุณหนูเจียกลับห้องส่วนตัวไปอย่างไม่ให้ใครรู้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นเห็นว่าถึงแม้ใบหน้าของนางจะแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าน้ำเสียงและท่าทางกลับมั่นใจยิ่งนัก โจวเสาจิ่นพลันมีความมั่นใจขึ้นมา
พวกนางลงมาข้างล่าง ค่อยๆ เดินไปยังประตูข้างอย่างเงียบๆ
สวนมีขนาดเล็กมาก เงียบเชียบไร้สุ้มเสียงใดๆ มองจากประตูข้างที่ลงกลอนเอาไว้ ว่างเปล่าไร้เงาคน เห็นเพียงต้นหลิวระย้าที่ปลูกอยู่ข้างทาง กิ่งก้านประหนึ่งเส้นไหม ห้อยระย้าลงมาอย่างหนาแน่นเท่านั้น
โจวเสาจิ่นย่ำเท้าลงอย่างแผ่วเบา กำลังจะก้าวออกไปสำรวจ ซางมามาที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับดึงนางเอาไว้ แล้วก็พานางเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ กระทั่งถอยเข้าไปในหอชิงเยียน
นางหันศีรษะกลับมาอย่างไม่เข้าใจ
ซางมามาชี้ไปทางทิศตะวันออกพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูของนางว่า “คุณหนูรอง ท่านรู้จักคนผู้นั้นหรือไม่”
โจวเสาจิ่นเพ่งสายตามองไปครั้งหนึ่ง
ด้านหลังของต้นตั้กแตนต้นใหญ่ตรงกำแพงฝั่งตะวันออกมีบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่
เขามีอายุประมาณยี่สิบกว่าปี สวมชุดจื๋อตัวสีน้ำเงินไพลิน บริเวณเอวคาดเข็มขัดผ้าสีดำ ห้อยถุงหอมต่างๆ เอาไว้ ที่มือยังสวมแหวนทองอีกสองวง แต่งตัวประหนึ่งพ่อค้าผู้ร่ำรวย แต่โจวเสาจิ่นมองเพียงครั้งเดียวก็จำได้แล้ว คนผู้นั้นคือจ้าวต้าไห่คนข้างกายของเฉิงลู่!
เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
โจวเสาจิ่นพลันตกตะลึงจนแน่นิ่งไป
เฉิงลู่ควรจะอยู่ที่หูหนานมิใช่หรือ
เขาไม่ติดตามอยู่ข้างกายเฉิงลู่ กลับมาทำอะไรที่เมืองจินหลิง
ดูท่าทางของเขาแล้ว เสมือนกับว่ากำลังดูต้นทางอยู่แล้วก็เหมือนกำลังแอบฟังไปด้วยในคราวเดียวกัน ตกลงคนที่อยู่นอกประตูนั่นเป็นผู้ใดกันแน่
ถ้าเป็นเฉิงเจีย เหตุใดนางจะต้องแอบตนออกมาพบคนผู้นี้ด้วยเล่า
ถ้าหากไม่ใช่เฉิงเจีย แล้วคนที่สวมชุดสีแดงผู้นั้นเป็นใคร
โจวเสาจิ่นนึกถึงชาติก่อน เนื่องด้วยคำชักจูงของเฉิงเจีย ดังนั้นนางจึงไปที่สวนดอกไม้โดยไม่ได้ระแวดระวังตัวเลยสักนิด…
หรือว่าเฉิงเจียในชาติก่อนจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องอะไร
ในใจของโจวเสาจิ่นสับสนวุ่นวาย ไม่ขยับเขยื้อนอยู่ครู่ใหญ่
ซางมามาแตะตัวนางเบาๆ
นางถึงได้ได้สติกลับคืนมา สูดหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า “ข้ารู้จักคนผู้นั้น เขามีนามว่าจ้าวต้าไห่ เป็นบ่าวข้างกายของเฉิงลู่ ชนิดที่ใกล้ชิดกันมากประเภทนั้น”
ซางมามากล่าวเสียงอ่อนโยนยิ้มๆ ว่า “คุณหนูรอง ข้าเข้าใจแล้ว! ท่านยืนรออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะไปจัดการจ้าวต้าไห่ผู้นี้ก่อนแล้วจะกลับมาพาท่านไปดูที่ประตูข้าง”
โจวเสาจิ่นกลับจับซางมามาเอาไว้ กล่าวขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “ไปบอกท่านน้าฉือดีกว่า! จ้าวต้าไห่ผู้นี้เรี่ยวแรงมากยิ่งนัก คนธรรมดาสามถึงห้าคนยังเข้าใกล้เขาไม่ได้ ท่านระวังเขาจะทำร้ายท่านเอาได้!”
ซางมามายิ้มออกมา
เป็นรอยยิ้มที่แฝงความอ่อนโยนและความเอ็นดูที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอยู่ด้วย กล่าวเสียงเบาว่า “คุณหนูรองวางใจเถิด นายท่านสี่ให้ข้าตามท่านมา ก็เพราะเห็นว่าข้ามีเรี่ยวแรงมาก อย่าว่าแต่คนเช่นเขานี้เลย ต่อให้มีอีกสามถึงห้าคนก็ไม่คณามือของข้า ท่านยืนรออยู่ตรงนี้ให้สบายใจเถิดเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นยังคงลังเลใจเล็กน้อย
ซางมามากล่าวขึ้นว่า “ท่านอาจไม่เชื่อข้า แต่จะไม่เชื่อนายท่านสี่ด้วยหรือ”
จริงด้วย!
ถ้ามีอันตราย ท่านน้าฉือย่อมไม่ให้นางมาตรวจดูด้วยตัวเองอย่างแน่นอน!
นางยิ้มตาหยีออกมา ดึงแขนเสื้อของซางมามาเบาๆ กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “ซางมามา ท่านต้องระวังตัวด้วย หากเห็นว่าไม่ไหวก็รีบเร่งกลับมา อย่างมากพวกเราก็ตะโกนเรียกให้คนมาชิงตัวพี่สาวเจียกลับไป”
เพียงแต่ว่าหากเป็นเช่นนั้นก็คงจะปกปิดเรื่องของเฉิงเจียเอาไว้ไม่ได้แล้ว
แต่เรื่องนี้เมื่อกล่าวกันตามจริงแล้วก็เป็นเฉิงเจียที่ทำผิดก่อน
ซางมามาเงียบไปหลายอึดใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า “คุณหนูรองวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นถึงได้ปล่อยแขนเสื้อของซางมามา แล้วไปหลบอยู่หลังประตู
ซางมามาถอดชุดเพ่ยจื่อตัวนอกออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในที่คาดเอวด้วยเข็มขัดผ้าเอาไว้ จากนั้นผลักหน้าต่างขนาดเล็กทางฝั่งตะวันตกให้เปิดออกไปอย่างเงียบเชียบ ยกตาข่ายขึ้นแล้วปีนออกไป
โจวเสาจิ่นตะลึงงัน เชื่อในคำพูดของซางมามาแล้ว
นางเดินเข้าไปใกล้กรอบหน้าต่างอย่างเบามือเบาเท้า
เห็นซางมามาปรากฏตัวอยู่ตรงเบื้องหลังของจ้าวต้าไห่ แต่จ้าวต้าไห่กลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด กำลังมองไปที่ความเคลื่อนไหวในสวนด้วยสายตาวาววับ
ต่อให้ความรู้สึกช้า แต่เวลานี้โจวเสาจิ่นมองออกแล้วว่า ซางมามาผู้นี้เป็นผู้มีวรยุทธ์ติดตัวผู้หนึ่ง ก็เหมือนกับจี๋อิ๋ง ล้วนไม่ใช่สตรีธรรมดาทั่วไป
แต่นางยังคงเป็นกังวลจนกำหมัดเอาไว้แน่น
ถ้าหากซางมามากับจ้าวต้าไห่ปะทะกันขึ้นมา จนแหวกหญ้าให้งูตื่น ตนควรจะตะโกนออกมาหรือไม่นะ
เนื่องจากท่านน้าฉือมีเจตนาปกปิดเอาไว้ แม้แต่คนในบ้านล้วนไม่มีใครรู้ว่าซางมามามีวรยุทธ์ ถ้านางตะโกนออกไป แล้วถูกผู้อื่นค้นพบเข้าจะทำอย่างไร
ขณะที่โจวเสาจิ่นกำลังเป็นทุกข์ใจอยู่ตรงนั้นนั้น ก็เห็นซางมามาหยิบของบางอย่างคล้ายกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากอกเสื้อแล้วหันไปเป่าใส่จ้าวต้าไห่ จ้าวต้าไห่ตัวอ่อนยวบ กำลังจะล้มลงบนพื้น
ซางมามาก้าวยาวๆ ออกไปประหนึ่งโบยบิน จับร่างของจ้าวต้าไห่เอาไว้ จากนั้นค่อยๆ วางจ้าวต้าไห่ลงบนพื้นช้าๆ ย่อตัวลง ‘จับๆ’ ตัวของจ้าวต้าไห่ตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้าอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ ราวกับอยากรู้ว่าบนตัวของจ้าวต้าไห่พกของอะไรมาด้วยหรือไม่ก็ไม่ปาน
นี่ทำให้โจวเสาจิ่นนึกถึงพวกขุนนางที่เผชิญกับโจรผู้ร้ายในเรื่องเล่าจางหุยเหล่านั้นขึ้นมา
นางหน้าแดง ยกกระโปรงขึ้น ออกจากประตูหลังไปอย่างระมัดระวัง
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน