เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 304

โจวเสาจิ่นอ้าปากหมายจะตะโกนเพื่อเปิดโปงการกระทำของอู๋เป่าจางและเฉิงลู่ แต่เมื่อหวนนึกถึงเฉิงเจียเจ้าเด็กน่าตายที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนผู้นั้นแล้ว หากทางด้านนี้มีเรื่องโหวกเหวกขึ้นมา จะทำให้เรื่องของเฉิงเจียจะถูกเปิดเผยออกมาด้วยหรือไม่ นางห่อปากครุ่นคิด กัดฟันกรอดอย่างขุ่นแค้น

รอให้หาตัวเฉิงเจียให้พบก่อน นางจะต้องต่อว่าเฉิงเจียแรงๆ สักสองประโยคให้ได้

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ในที่สุดความขุ่นเคืองในใจของนางก็บรรเทาลงมาเล็กน้อย เริ่มคิดถึงเรื่องของเฉิงลู่กับอู๋เป่าจางอย่างสงบนิ่ง

อู๋เป่าจางหมั้นหมายกับเฉิงนั่วแล้ว ถ้าหากเรื่องนี้ถูกป่าวประกาศออกไปตอนนี้ ไม่เพียงอู๋เป่าจางกับเฉิงลู่ที่เสียหน้า คนที่ต้องเสียหน้ามากกว่าก็คือตระกูลเฉิงกับตระกูลอู๋ ยิ่งถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากตัวนาง นางเป็นคุณหนูที่มาอาศัยอยู่ที่ตระกูลเฉิง ไม่แน่ว่าท่านเจ้าเมืองอู๋อาจจะผลักความรับผิดชอบนี้มาที่ตระกูลเฉิง คิดว่าเพราะตระกูลเฉิงจัดการกับเรื่องนี้ได้ไม่ถูกต้องเหมาะสม ทำให้เขาถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ นับจากนี้ไปก็จะขุ่นแค้นตระกูลเฉิง ถึงแม้ตระกูลเฉิงจะไม่หวาดกลัวคนตัวเล็กๆ เช่นเขา แต่ดังคำที่กล่าวกันว่า ผู้ยิ่งใหญ่จิตใจกว้างขวาง แต่ผู้น้อยมักจะคิดเล็กคิดน้อย วันข้างหน้าเมื่อตระกูลเฉิงพบกับมหันตภัย ผู้ใดจะกล้ารับประกันว่าท่านเจ้าเมืองอู๋จะไม่โยนหินลงบ่อเพื่อซ้ำเติมอีก

อีกอย่าง ท่านน้าฉือบอกว่าจะช่วยถอดถอนยศตำแหน่งของเฉิงลู่ให้นาง เรื่องนี้แปดถึงเก้าในสิบส่วนต้องขอความช่วยเหลือจากมือของท่านเจ้าเมืองอู๋ ครั้นนางป่าวประกาศออกไป ตระกูลอู๋ก็ต้องบังคับให้อู๋เป่าจางแต่งงานกับเฉิงลู่ไปอย่างไม่มีทางเลือก เฉิงลู่ก็จะกลายเป็นบุตรเขยของท่านเจ้าเมืองอู๋ ต่อให้ท่านเจ้าเมืองอู๋จะเลวร้ายเพียงไร อย่างไรก็เป็นบุตรสาวบุตรเขยของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นบุตรเขยที่มียศตำแหน่งผู้หนึ่ง ขอเพียงเขามีใจอยากสนับสนุนเฉิงลู่ เพียงดึงขึ้นครั้งหนึ่ง เฉิงลู่ก็สอบจวี่เหรินได้แล้ว ชาติก่อน เฉิงลู่ก็สอบผ่านได้เป็นจวี่เหรินเช่นกัน

ถ้าเฉิงลู่สอบเป็นจวี่เหรินได้แล้ว อยากจะถอดถอนยศตำแหน่งของเขาก็จะไม่ง่ายแล้ว

นางไม่อาจเพิ่มภาระให้ท่านน้าฉือโดยไม่ระวังได้

แต่อย่างไรก็ตาม เห็นๆ อยู่ว่าเฉิงลู่กับอู๋เป่าจางมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันแล้วก็ยังจะหมั้นหมายกับเฉิงนั่วอีก เรื่องนี้นางไม่อาจปล่อยพวกเขาไปได้ นางต้องเอาไปบอกท่านน้าฉือ!

โจวเสาจิ่นเงี่ยหูฟังต่อไป

นางอยากรู้ว่าอู๋เป่าจางกับเฉิงลู่ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว แล้วทั้งสองคนจะพูดอะไรกันอีกบ้าง

แต่ใครจะรู้ว่าพออู๋เป่าจางได้ยินเฉิงลู่พูดเช่นนั้นแล้ว กลับไม่พูดอะไรไปนาน

เฉิงลู่กลับถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “เป่าจาง เจ้าเขียนจดหมายมาบอกข้าว่าตระกูลเฉิงต้องการถอดถอนยศตำแหน่งของข้า ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เป็นผู้ใดที่ต้องการทำลายข้าเจ้ารู้หรือไม่ แล้วเจ้ายังได้ยินอะไรมาอีกบ้าง”

โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็สะดุ้งตกใจ

อู๋เป่าจางนำเรื่องนี้ไปบอกเฉิงลู่นี่เอง

เพราะเรื่องนี้เฉิงลู่ถึงได้เร่งเดินทางกลับมากระมัง

เขาเองก็เป็นคนมีความสามารถผู้หนึ่ง เป็นไปได้หรือว่าเป็นเพราะข้อมูลลับของอู๋เป่าจางทำให้เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาอะไรบางอย่างได้ ดังนั้นจึงทำให้แผนการของนางล้มเหลว

โจวเสาจิ่นอดไม่ได้โน้มตัวเข้าไปเล็กน้อย แนบใบหูกับบานประตู

อีกด้านของบานประตูมีเสียงสบถเย็นของอู๋เป่าจางดังขึ้น

นางกล่าวขึ้นว่า “หากมิใช่เพราะเรื่องนี้ ท่านก็คงไม่กลับมาใช่หรือไม่”

“จะเป็นไปได้อย่างไร” เสียงของเฉิงลู่อบอุ่น น้ำเสียงจริงใจ “ข้าเพียงแต่หาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้เท่านั้น เมื่อครู่ข้าบอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือว่าตระกูลเฉิงจับตาดูข้าอย่างแน่นหนา พอข้าได้ยินว่าตระกูลเฉิงต้องการสู่ขอเจ้า ข้าก็ร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว รีบเขียนจดหมายไปให้ท่านแม่ของข้าในทันที ให้ท่านแม่ของข้าไปสู่ขอเจ้าที่จวน หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าให้จ้าวต้าไห่มายืนยันก็ได้! เพียงแต่ยังไม่ทันที่ท่านแม่ของข้ากับแม่สื่อจะได้คุยกัน ตระกูลเฉิงก็ส่งสินสอดไปที่บ้านของพวกเจ้าแล้ว ที่ข้าเร่งกลับมาในครั้งนี้ ก็เพราะใจข้ารู้สึกไม่ยินยอม อยากมาถามเจ้าว่าตกลงเจ้าคิดอย่างไรกันแน่…วันนี้ได้รู้แล้วว่าเจ้าเองก็ถูกบังคับไม่มีทางเลือก ข้าจึงทั้งรู้สึกเจ็บปวดและอบอุ่นหัวใจในคราวเดียวกันไปด้วย ที่เจ็บปวดคือสุดท้ายแล้วเจ้าก็ไม่อาจมาเป็นภรรยาของข้าได้ และที่อบอุ่นหัวใจคือในใจของเจ้ายังคงมีข้าอยู่ตลอด…เป่าจาง ไม่สู้พวกเรามาทำสัญญากันข้อหนึ่ง ต่อไปหากข้ามีบุตรชาย จะต้องไปสู่ขอบุตรสาวของเจ้า และหากเจ้ามีบุตรชาย จะต้องมาสู่ขอบุตรสาวของข้า ต่อไปพวกเราสองครอบครัวก็จะได้เกี่ยวดองกัน เช่นนี้ข้าเองก็ได้เจอเจ้าบ่อยๆ ด้วย…”

อู๋เป่าจางหัวเราะคิก กล่าวขึ้นว่า “ท่านกับเฉิงนั่วเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเราจะให้บุตรชายบุตรสาวแต่งงานกันได้อย่างไร…”

เฉิงลู่ตะลึงงัน กล่าวขึ้นว่า “เป็นข้าที่ฝันเฟื่องไปเอง!”

แต่คำพูดนี้กลับทำให้อู๋เป่าจางลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสีย

นางกล่าวเสียงนุ่มว่า “พี่ชายลู่ ที่ข้าทราบเรื่องนี้ก็เพราะมารดาเลี้ยงบอกว่าท่านพ่อต้องการให้ข้าแต่งกับเฉิงนั่ว ข้าอยากจะไปขอร้องให้ท่านพ่อเปลี่ยนความคิด ตอนที่นั่งรอท่านพ่ออยู่ในห้องหนังสือของเขานั้นบังเอิญได้รู้มาโดยไม่ตั้งใจ ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นผู้ใดมาไหว้วานท่านพ่อ แล้วเรื่องดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้วนั้น ข้าไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ วันนี้ท่านกลับมาก็ดีแล้ว ข้าเชื่อว่าด้วยเส้นสายและความสามารถของพี่ชายลู่แล้ว จะต้องสืบออกมาได้แน่ว่าเป็นผู้ใดที่แอบกลั่นแกล้งท่านอยู่เบื้องหลัง”

เฉิงลู่เปล่งเสียง “อืม” หนักๆ ออกมาเสียงหนึ่ง ในน้ำเสียงมีความโกรธเกลียดอย่างไม่ยินยอมอยู่ด้วย

โจวเสาจิ่นกลับไม่รู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใด

นางรู้สึกว่าต่อให้เฉิงลู่รู้ว่าเป็นท่านน้าฉือที่ยื่นมือเข้าไป เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

อู๋เป่าจางจึงกล่าวขึ้นว่า “พี่ชายลู่ ข้ามากับญาติของมารดาเลี้ยงของข้า เวลาล่วงเลยมานานแล้วเกรงว่าจะถูกผู้คนสังเกตเห็นได้ ข้าต้องไปก่อนแล้ว หากท่านมีอะไรที่ต้องการถามข้า ก็ให้ต้าไห่นำความมาฝากที่หงซิ่วไว้ก็พอ ข้าไม่พูดออกไปอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

เฉิงลู่เองก็อาจจะเป็นกังวลใจเช่นเดียวกัน กล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย หากเจ้ามีอะไรต้องการให้ข้าช่วย ขอเพียงบอกข้า ข้าเองก็จะช่วยเจ้าอย่างเต็มที่เช่นกัน”

โจวเสาจิ่นรีบหันไปส่งสัญญาณมือให้ซางมามา เป็นสัญญาณว่าพวกนางต้องรีบไปแล้ว

ซางมามากลับหันมาส่ายศีรษะให้นางยิ้มๆ ชี้ไปยังจ้าวต้าไห่ที่หมดสติอยู่บนพื้น พอคว้าตัวจ้าวต้าไห่มาก็ยัดตัวเขาเข้าไปยังด้านหลังของเกวียนลากที่วางพาดอยู่ข้างๆ กำแพง ส่วนตัวเองกลับย่อตัวลงข้างกายโจวเสาจิ่น ทำสัญญาณให้โจวเสาจิ่นขึ้นมาขี่บนหลังนาง

โจวเสาจิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งได้ยินเสียงเฉิงลู่ตะโกนเรียกจ้าวต้าไห่ดังมาจากนอกประตู

นางรีบขึ้นหลังของซางมามาไป

ร่างของซางมามาย่อลง เขย่งเท้าขึ้น นางกับซางมามาก็มายืนอยู่บนกิ่งไม้ในพุ่มไม้ของต้นตั๊กแตนต้นใหญ่แล้ว

โจวเสาจิ่นเกือบจะส่งเสียงร้องออกมาแล้ว

นางกัดริมฝีปากตามสัญชาตญาณไปโดยไม่รู้ตัว กอดซางมามาเอาไว้อย่างแน่นิ่ง

ซางมามาหันศีรษะกลับมา ส่งรอยยิ้มเป็นสัญญาณบอกว่า ‘ไม่เป็นไร มีข้าอยู่’ มาให้นาง

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น นี่ก็น่าหวาดเสียวเกินไปแล้ว!

โจวเสาจิ่นหันไปฝืนยิ้มให้นาง

เห็นประตูที่ลงกลอนเอาไว้นั้นเปิดออก อู๋เป่าจางกับเฉิงลู่ แล้วก็ยังมีสาวใช้อีกผู้หนึ่งเดินเข้ามา

เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว เฉิงลู่สูงขึ้นเล็กน้อย ดูแข็งแรงมีกำลังวังชามากขึ้น ความอ่อนเยาว์ลดลงไปหลายส่วน ขณะที่ความสุขุมเพิ่มมากขึ้นหลายส่วน มีความคล้ายคลึงกับเฉิงลู่คนที่โจวเสาจิ่นเจอที่หลังวัดโจวคังผู้นั้นอยู่หลายส่วน

เขาหันมองไปรอบๆ ขมวดคิ้วมุ่นพลางกล่าวขึ้นว่า “เหตุใดถึงไม่เห็นจ้าวต้าไห่”

ตอนที่ 304 เปิดเผย 1

ตอนที่ 304 เปิดเผย 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน