เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 312

ท่านน้าฉือเฝ้าไข้นางตลอดทั้งคืน!

โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วนัยน์ตาสว่างวาบ

จู่ๆ ก็นิ่งเงียบขึ้นมาอีกครั้ง

นางเป็นแขกที่มาอาศัยอยู่ในเรือนหานปี้ซาน ยามเจ็บไข้ได้ป่วย จวนหลักก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ คงไม่อาจให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาดูแลนางด้วยตนเองได้หรอกกระมัง จึงเป็นธรรมดาที่จะให้ท่านน้าฉือมาเฝ้าไข้นางแทน!

แม้จะบอกกับตนเองไปเช่นนั้น ทว่าในใจของนางกลับยังคงเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่

เหตุใดท่านน้าฉือถึงมาเฝ้าไข้นางทั้งคืนด้วย

เพียงสั่งการฝานมามาไปก็ได้แล้วนี่นา

หรือว่าท่านน้าฉือ…ก็พอจะชอบนางอยู่บ้างเหมือนกัน?

แต่ความชื่นชอบเช่นนี้เกรงว่าเป็นความรักใคร่เอ็นดูที่ผู้ใหญ่มีต่อเด็กๆ มากกว่ากระมัง!

ทว่าแล้วอะไรคือความชอบพอกันระหว่างชายหญิงเล่า

มอบของขวัญให้กัน?

เป็นห่วงเป็นใยกัน? เอาใจใส่กัน?

พูดคุยสัพเพเหระไม่หยุดยามที่อยู่ด้วยกัน?

หรือคอยเอาอกเอาใจและตามใจกัน?

โจวเสาจิ่นนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ เวลาที่ตนอยู่กับเฉิงฉือ ในใจก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

หลี่จิ้งก็ปฏิบัติกับเฉิงเจียอย่างนี้เหมือนกันหรือไม่นะ

นางเอ่ยถามฝานหลิวซื่ออย่างอดไม่ได้ว่า “พี่สาวเจียถูกกักบริเวณหรือ ท่านป้าใหญ่หลูกักบริเวณนางด้วยเรื่องอะไรอีก ข้าไปดูนางสักหน่อยดีกว่า! อย่างไรเสียท่านป้าใหญ่หลูก็กักบริเวณนางทุกสองสามวัน ส่วนนางเองก็ถูกกักบริเวณทุกสองสามวันอยู่ดี…”

เฉิงเจียต้องรู้อย่างแน่นอน!

ฝานหลิวซื่อย่อมไม่อาจบอกได้ว่าเพราะนางเป็นสาเหตุทำให้โจวเสาจิ่นป่วยหนัก จึงตอบไปอย่างคลุมเครือว่า “คุณหนูรองไปเยี่ยมนางก็ดีเจ้าค่ะ นำขนมกินเล่นติดไปด้วยสักหน่อย อยู่คุยเป็นเพื่อนคุณหนูเจีย แม้อารมณ์ของคุณหนูเจียจะไม่ดีนัก แต่นางก็มีจิตใจกว้างขวาง ท่านไปเยี่ยมนาง นางย่อมต้องดีใจเจ้าค่ะ”

เรื่องนี้ก็ได้กระจ่างเสียที

โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ แล้วสวมรองเท้าลงมาจากเตียง

ทว่ากลับรู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมาในทันใด

ฝานหลิวซื่อรีบเข้ามาประคองนาง กล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหนูรองไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ ข้าจะไปเรียกท่านหมอ! ทางด้านคุณหนูเจียนั้นรอวันไหนที่ร่างกายของท่านแข็งแรงดีขึ้นแล้วค่อยไปหานางก็ยังไม่สาย”

เช่นนี้ก็จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้จวนสามคิดว่าจวนหลักทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ คุณหนูรองเพียงเป็นหวัดธรรมดาก็ไปกล่าวหาว่าคุณหนูเจียเล่นซุกซนจนเกินเหตุทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ฮูหยินใหญ่หลูจำต้องกักบริเวณคุณหนูเจีย

ทว่าในใจของโจวเสาจิ่นกลับคิดแต่เรื่องของหลี่จิ้งกับเฉิงเจีย ยืนกรานไปว่า “ข้าไม่เป็นไร ข้าเพียงนอนติดเตียงมาหลายวัน ร่างกายจึงไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย เดินสักรอบก็ดีขึ้นแล้ว” นางดึงดันจะให้ฝานหลิวซื่อเรียกสาวใช้เข้ามาล้างหน้าแต่งตัวให้นาง พอนางล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็จะไปกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัว จากนั้น…ค่อยไปหาท่านน้าฉือ แล้วไปที่เรือนหรูอี้

หลายวันมานี้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาเยี่ยมโจวเสาจิ่นทุกวัน ในเมื่อโจวเสาจิ่นตื่นขึ้นมาแล้ว จะด้วยความรู้สึกหรือเหตุผลก็ควรจะไปกล่าวทักทายและขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัว

ฝานหลิวซื่อพูดเกลี้ยกล่อมไปสองสามประโยค แต่พอเห็นโจวเสาจิ่นตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ก็ไม่อาจห้ามปรามเอาไว้ได้อีก จึงเรียกปี้เถาและคนอื่นๆ เข้ามาปรนนิบัตินางล้างหน้าแต่งตัว

ทว่าโจวเสาจิ่นเพิ่งจะหวีผมเสร็จ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็มาหาเสียก่อนแล้ว

โจวเสาจิ่นรีบบอกให้สาวใช้ยกน้ำชาไปรับรอง ส่วนตนรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่ห้องรับแขก

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นนางซูบผอมลง ทว่าตัวนางกลับยิ่งดูงดงามอ่อนช้อยราวกับต้นหลิวที่ลู่ไปตามสายลมอ่อนอย่างไรอย่างนั้น จึงลอบทอดถอนใจอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้

ไม่แปลกใจที่เจ้าสี่จะหลงใหลนาง!

งามพริ้มเพราถึงเพียงนี้ ไม่ต้องพูดถึงเจ้าสี่ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มแน่น แม้แต่หญิงชราผู้เป็นหม้ายอย่างนางเมื่อเห็นแล้วก็ยังรู้สึกรักใคร่เอ็นดูเลย

นางไม่รอให้โจวเสาจิ่นยอบกายให้นางก็จับมือของนางเอาไว้ก่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ายังไม่หายดี อย่าฝืนตนเองไปเลย ถ้าป่วยขึ้นมาอีกล่ะก็ เกรงว่าอาการจะทรุดหนักกว่าเดิม แล้วจะรักษายากเสียแล้ว”

โจวเสาจิ่นหน้าแดงระเรื่อ พึมพำกล่าวขอบคุณนาง

เด็กคนนี้ โชคดีที่เป็นเด็กสาวที่เงอะๆ งะๆ ผู้หนึ่ง หากเป็นเด็กสาวที่เจ้ามารยาพราวเสน่ห์คนหนึ่งล่ะก็ เกรงว่าเฉิงสวี่ เฉิงเก้าและคุณชายคนอื่นๆ ล้วนหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของนางเป็นแน่

ครั้นความคิดนี้แล่นผ่านในหัว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ลอบทอดถอนใจอีกครั้ง

หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าสี่ย่อมไม่รู้สึกพิเศษกับนาง ตั้งแต่เล็กเจ้าสี่ก็เฉลียวฉลาดกว่าทุกคน ไม่ชอบให้ใครไปล่วงล้ำเขาเป็นที่สุด หากว่าเจ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาต่อหน้าเขา บางทีเขายังจะไว้หน้าเจ้าบ้าง แต่ถ้าหากเจ้าทำเป็นอวดรู้อวดเก่งต่อหน้าเขา เขาอาจจะมองเจ้าเป็นธาตุอากาศ หรือไม่ก็เหยียบย่ำเจ้าให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าเพื่อสั่งสอนเจ้าคำรบหนึ่ง ทำให้ต่อจากนี้ไปเมื่อเจ้าพบเจอเขาแล้วอยากจะเดินเลี่ยงอ้อมไปไกลๆ เสียก็เป็นได้

ชั่ววูบหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับปรารถนาให้โจวเสาจิ่นเป็นเด็กสาวที่เจ้ามารยาพราวเสน่ห์คนหนึ่งมากกว่า

ต่อให้เฉิงสวี่หรือเฉิงเก้าจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของนาง นั่นก็จะเป็นเพียงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเท่านั้น

แต่พอมาเป็นบุตรชายคนเล็กของตน นั่นจึงไม่เหมือนกันแล้ว

นางสะกดความรู้สึกของตัวเอง แล้วยิ้มพลางกำชับโจวเสาจิ่นในทำนองว่า ‘ต้องพักฟื้นร่างกายดีๆ’ ‘เจ้าไม่ต้องไปหาข้าแล้ว รอให้หายดีแล้วค่อยมาสวดพระธรรมเป็นเพื่อนข้าก็ยังไม่สาย’ ‘ประเดี๋ยวข้าจะมาเยี่ยมเจ้าใหม่ ไม่ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยขนาดนี้หรอก ตอนนี้เจ้าทนฝืนร่างกายให้เหนื่อยไม่ได้’ จากนั้นก็บอกให้ฝานหลิวซื่อปรนนิบัติโจวเสาจิ่นไปพักผ่อน

ฝานหลิวซานขานรับว่า “เจ้าค่ะๆ”

ทว่าโจวเสาจิ่นกลับกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ายังไม่ได้ไปขอบคุณท่านน้าฉือเลยเจ้าค่ะ!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตื่นตัวขึ้นมาในทันที

ทว่าพอนางมองนัยน์ตาที่สุกใสดั่งน้ำและสีหน้าที่จริงใจไม่หวาดหวั่นของโจวเสาจิ่นแล้ว ก็อดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เด็กน้อยใสซื่อและไร้เดียงสา เรื่องบางเรื่อง ก็เป็นพวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่เหล่านี้คิดมากเกินไปเอง

ความผิดปรกติของเจ้าสี่ เด็กน้อยอาจจะไม่รู้เลยก็เป็นได้

เหตุใดนางต้องไปทิ่มแทงกันอีก ทำให้เจ้าสี่โกรธแค้นนาง และทำให้เด็กน้อยคิดฟุ้งซ่านไปด้วยเล่า!

รอดูท่าทีว่าเจ้าสี่วางแผนอย่างไรก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีจะดีกว่ามิใช่หรือ

แต่นางก็ไม่อาจยอมให้ทั้งสองคนพบกันอย่างที่ยากจะหลีกเลี่ยงคำครหาเหมือนแต่ก่อนได้อีก

“น้าฉือของเจ้าออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ “เขายุ่งทั้งวันจนไม่เห็นแม้แต่เงา เจ้าไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก เขาไม่ได้เป็นผู้ที่คิดเล็กคิดน้อยกับทุกเรื่องประเภทนั้น เพียงทราบว่าเจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว เขาย่อมดีใจมากเป็นแน่ ถ้อยคำขอบคุณเหล่านั้นก็ไม่เป็นไรหรอก วันไหนได้พบเขาแล้วค่อยกล่าวขอบคุณสักครั้งก็มีค่าเท่ากัน”

ตอนที่ 312 สะกดกลั้นความรู้สึก 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน