เฉิงเจียปรายตามองโจวเสาจิ่นอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “ข้าถูกกักบริเวณอยู่อย่างนี้ เจ้ายังอยากจะให้ข้าเล่าเรื่องของข้ากับหลี่จิ้งให้เจ้าฟังอยู่อีก ไม่มีทางหรอก!”
โจวเสาจิ่นจับมือของเฉิงเจีย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “พี่สาวคนดี เจ้าบอกข้าเถิดนะ!”
เฉิงเจียไม่สนใจนาง
โจวเสาจิ่นจึงกล่าวว่า “ก็ได้ ถ้าเจ้าไม่เล่าเรื่องของเจ้ากับหลี่จิ้งให้ข้าฟัง ข้าก็จะไม่ช่วยไปตามหาหลี่จิ้งให้เจ้าแล้ว!”
“เจ้าเด็กน่าตาย!” เฉิงเจียเดินไปหยิกแก้มของโจวเสาจิ่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ “นี่เจ้าไปเรียนรู้มาจากใครกัน ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะข่มขู่คนอื่นเป็นเสียแล้ว ข้าว่าเจ้าไม่เห็นข้าผู้เป็นพี่สาวคนนี้อยู่ในสายตาหรอก คอยดูว่าวันนี้ข้าจะไม่จักจี้เจ้าให้มันรู้ไป!”
“ช่วยด้วยๆ!” โจวเสาจิ่นกลิ้งหนีไปมาบนเตียง จากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เฉิงเจียก็ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตนเองโดยไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรประเภทนั้นเหมือนกัน
พอนางเห็นโจวเสาจิ่นหัวเราะมากเกินไปจริงๆ แล้วก็ยั้งมือ แล้วเอนกายนอนลงบนเตียงข้างๆ นางพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “ทำไมเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้! หากมีคนมาชอบเจ้า เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร สายตาที่เขามองเจ้าล้วนจะแตกต่างออกไป การปฏิบัติต่อเจ้าล้วนจะกระทำอย่างสนิทสนมกว่าผู้อื่น ทุกประโยคที่เจ้าพูดออกไปเขาล้วนจะเก็บเอาไปใส่ใจทั้งหมด ทุกอย่างที่เจ้าชื่นชอบเขาล้วนจะจดจำจนขึ้นใจได้ทั้งสิ้น…ขอเพียงเจ้าสังเกตดูให้ดี ย่อมจะรู้เอง”
เป็นเช่นนั้นหรือ
โจวเสาจิ่นใคร่ครวญอยู่ในใจ
ท่านน้าฉือมักจะชายตามองนางอย่างดูแคลน แต่หลังจากที่เหลือบมองดูแล้วก็ยังคงดูแลเอาใจใส่นางเสมอ นางปรารถนาสิ่งใดก็ช่วยทำให้นางทุกอย่าง นางชื่นชอบอะไร…นางนึกถึงเครื่องเรือนในเรือนฝูชุ่ย…นางยังไม่ได้พูดอะไรออกไป ทว่าเรือนนั้นกลับตกแต่งตามรูปแบบเดียวกับตอนที่นางอาศัยอยู่ในเรือนหว่านเซียงทั้งหมดแล้ว
สำหรับเรื่องการปฏิบัติต่อนางอย่างสนิทสนมกว่าผู้อื่นนั้น…นางดูไม่ออกเลยจริงๆ!
ท่านน้าฉือดูเหมือนจะปฏิบัติต่อผู้ใดล้วนไม่ได้ใกล้ชิดอะไรมากเป็นพิเศษ
แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัว!
ทว่าเขาน่าปฏิบัติกับตนอย่างสนิทสนมกว่าจี๋อิ๋งเป็นแน่
แต่จี๋อิ๋งเป็นสาวใช้! จะมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไรเล่า หากว่าบรรดานายท่านมาใกล้ชิดสนิทสนมกับสาวใช้ ส่วนใหญ่นั่นก็ความหมายว่าจะรับมาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงทั้งนั้น…
ไอ้โหยว!
ช่างยุ่งยากเสียจริงๆ!
หากมีคนให้ขอคำปรึกษาได้สักคนก็คงจะดี
สีหน้าของนางหงอยเหงาลงเล็กน้อย
ทว่าเฉิงเจียกลับร้องเสียงดังขึ้นมา ตะโกนออกมาเสมือนตกใจกลัวอย่างไรอย่างนั้น กล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่น เจ้าบอกข้ามาตามตรง เจ้าแอบชอบใครอยู่ใช่หรือไม่”
จู่ๆ ความในใจของโจวเสาจิ่นก็ถูกเปิดเผยออกมา นางลนลานขึ้นมาในทันที รีบตอบไปว่า “ไม่มีๆ! เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน ข้าจะไปชอบใครได้เล่า!”
เฉิงเจียเบิกตาจ้องนางเขม็ง พร้อมกับกล่าวว่า “การชื่นชอบใครสักคนถือเป็นเรื่องไม่ดีอย่างนั้นหรือ ทั้งไม่ได้ขโมยหรือแย่งชิงของใครมาสักหน่อย เหตุใดถึงชอบผู้อื่นไม่ได้เล่า”
โจวเสาจิ่นนึกถึงเฉิงเจียกับหลี่จิ้ง แล้วอดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้
เฉิงเจียจะต้องคิดว่านางกำลังรังเกียจพฤติกรรมของเฉิงเจียที่ไปชอบหลี่จิ้งเป็นแน่!
นางได้แต่กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ชอบใครเลยจริงๆ! และไม่ได้หมายถึงเจ้าด้วย!”
“เจ้ายังจะหลอกข้าอีก!” เฉิงฉือพึมพำว่า “เจ้าดูสภาพของเจ้าสิ”
ขณะที่นางกล่าว ก็ลากโจวเสาจิ่นไปหน้ากระจก “ประเดี๋ยวก็ดูเหม่อลอย ประเดี๋ยวก็ดูลิงโลดดีใจ เวลาพูดก็พูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ นี่ก็คืออาการของคนที่แอบมีคนที่ชอบอยู่ในใจ หาไม่แล้ว เจ้าก็คงจะไม่วิ่งมาถามข้าหรอก รีบบอกความจริงมาเสีย เจ้าชอบเฉิงอี้ใช่หรือไม่”
“เจ้าอย่ามาสับเปลี่ยนคู่นกยวนยางที่นี่นะ!” โจวเสาจิ่นร้องขึ้นมา “ข้าไม่ได้ชอบพี่ชายอี้สักหน่อย เขาเหมือนเด็กคนหนึ่ง อีกทั้งพวกเราก็โตมาด้วยกัน ข้ามองเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่ง จะไปชอบเขาได้อย่างไรเล่า”
ความจริงแล้วท่านยายหมายจะจับคู่พวกเขา หากว่าปล่อยให้เฉิงเจียป่าวประกาศออกไป เช่นนั้นนางอยากจะหนีก็คงหนีไม่พ้นเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ท่านน้าฉือได้สัญญากับนางแล้วว่า จะไม่ให้นางแต่งงานกับเฉิงอี้ นางย่อมจะไม่ได้แต่งงานกับเฉิงอี้อย่างแน่นอน…หากว่ากันตามนี้ ท่านน้าฉือ ก็คงจะชอบนางอยู่บ้างกระมัง
นางกัดริมฝีปาก แล้วใจลอยเล็กน้อยอีกครั้ง
“เช่นนั้นเจ้าชอบใครหรือ” เฉิงเจียเห็นท่าทางของนางแล้ว ก็ไม่เชื่อคำพูดของนางแม้แต่น้อย “ข้าคิดดูแล้ว ในบรรดารุ่นคุณชายทั้งหลายที่เจ้ารู้จัก พี่ชายสือก็แต่งงานแล้ว ส่วนพี่ชายเก้ากับพี่ชายนั่วต่างมีคู่หมั้นแล้ว เหลือเพียงพี่ชายอี้คนเดียว…ไม่ใช่สิ ยังมีพี่ชายของข้าอยู่ด้วย…” จู่ๆ นางก็กระโดดตัวโหยงขึ้นมาในทันใด “เสาจิ่น เจ้าคงไม่ได้ชอบพี่ชายของข้าหรอกกระมัง ดังนั้นจึงอยากให้ข้าช่วยเป็นแม่สื่อให้เจ้า”
การคาดเดาอย่างเรื่อยเปื่อยของเฉิงเจียทำให้โจวเสาจิ่นตกใจสะดุ้งตัวโหยง
“วันนี้เจ้าได้กินยาหรือยัง” นางสาดสายตามองเฉิงเจียอย่างอดไม่ได้ทีหนึ่ง พลางกล่าวว่า “ข้าจะไปชอบพี่ชายใหญ่ของเจ้าได้อย่างไร ข้ากับพี่ชายใหญ่ของเจ้าไม่เคยแม้แต่จะสนทนากันสองประโยคเลยด้วยซ้ำเข้าใจหรือไม่”
“ก็จริง!” เฉิงเจียลูบศีรษะอย่างเขินอาย แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นคนที่เจ้าชอบคือใครกันแน่”
“ไม่มีใครทั้งนั้น!” โจวเสาจิ่นกล่าวยืนยัน “ข้าเพียงรู้สึกสงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
เฉิงเจียยังรู้สึกติดใจเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นจึงกล่าวขึ้นว่า “เจ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้าส่งจดหมายให้หลี่จิ้ง แต่เจ้าไม่บอกข้าว่าหลี่จิ้งพักอยู่ที่ใด คนที่ข้าส่งไปจะทำให้เขามั่นใจได้อย่างไร”
นี่ต่างหากถึงเป็นเรื่องใหญ่อันดับแรกในใจของเฉิงเจียตอนนี้
นางจึงเลิกสนใจเรื่องของโจวเสาจิ่น รีบตอบไปว่า “เจ้ารอครู่หนึ่ง ข้าจะเขียนที่อยู่ให้เจ้า”
ชาติก่อนโจวเสาจิ่นก็เคยถูกเอาเปรียบด้วยเหตุเช่นนี้ ดังนั้นจึงเตือนนางว่า “เจ้าเรียกคนมาช่วยเขียนให้เจ้าดีกว่า หลีกเลี่ยงไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น แล้วสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก”
เฉิงเจียตะลึงงัน จากนั้นก็คลี่ยิ้มอย่างเบิกบานพลางโอบกอดโจวเสาจิ่นหมายจะหอมแก้มนาง



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน