โจวเสาจิ่นเกิดมาเป็นคนสองชาติภพ แต่ทั้งสองชีวิตนั้นนางล้วนเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น ทว่านางไปสวดมนตร์ตลอดทั้งปี ตอนอยู่ในวัดไม่รู้ว่าเคยเห็นหญิงสาวถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยเหตุเพราะครอบครัวหวังผลประโยชน์หรือถูกประณามเหตุเพราะเกิดเรื่องเสื่อมเสียมามากมายเพียงใด ทำให้ทุกครั้งที่นางนึกถึงจุดจบของหญิงสาวเหล่านั้นขึ้นมาจะรู้สึกหายใจหอบขึ้นมาอยู่เสมออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้อยคำของเฉิงฉือทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาแทบจะไหลลงมา
แม้ว่าท่านน้าฉือจะเก่งกาจมากเพียงใด แต่ก็ไม่ยอมให้อำนาจของตนไปทำร้ายสตรีและเด็ก ในใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดจิตใจดีไปกว่าท่านน้าฉืออีกแล้ว!
โจวเสาจิ่นแอบชำเลืองมองเฉิงฉือครั้งหนึ่งอย่างอดไม่ได้
เฉิงฉือนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น ซดน้ำแกงด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เสมือนกับว่าเรื่องของเฉิงเจียไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ไม่ควรตัดสินใจเช่นนี้อยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น
นางรีบหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าน้อยๆ นอกจากจะไม่แสดงท่าทีตำหนิเฉิงฉือให้เห็นแต่อย่างใดแล้ว ยังดูเหมือนจะพึงพอใจกับคำตอบของเฉิงฉืออีกด้วย
โจวเสาจิ่นมึนงงเล็กน้อย
จากนั้นก็ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวขึ้นยิ้มๆ ว่า “เป็นข้าเองที่เอาจิตใจอันคับแคบของผู้น้อยไปคาดเดาความคิดอันกว้างใหญ่ของบัณฑิต เจ้าเป็นเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก!”
ถ้าหากได้ไปรับราชการ ก็คงมีอนาคตก้าวไกล
เพียงแต่ผู้ที่ถูกขังอยู่ในบ้านกลับเป็นบุตรชายคนเล็กคนนี้ไปเสีย
ช่วงเวลาเดียวกับที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล้ำกลืนถ้อยคำที่ปริ่มอยู่ที่ริมฝีปากลงไปนั้นแววตาดูเงียบขรึมเล็กน้อย ลอบหัวเราะอยู่ในใจอย่างขมขื่นไปหลายที
ครั้นรับประทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว ทุกคนก็เคลื่อนย้ายไปดื่มน้ำชาที่ห้องนั่งเล่น
เฉิงฉือถามถึงเรื่องของเฉิงเจียขึ้นมา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดรู้สึกทอดถอนใจไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “นี่ช่างตรงกับที่กล่าวว่าผู้ไม่รู้อะไรเลยจึงไม่หวาดกลัวสิ่งใดนั่นจริงๆ ยังดีที่ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น หากเกิดอะไรขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเรา แต่ภายในใจนี้จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ไม่รู้ว่าต่อไปนางจะมีชีวิตอย่างมั่นคงในตระกูลหลี่ได้หรือไม่…”
เฉิงฉือกล่าวหยอกเย้าต่อหน้ามารดาว่า “บุตรสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วก็เสมือนกับน้ำที่สาดออกไปแล้ว ต่อจากนี้ไปนางเป็นบุตรสะใภ้ของตระกูลหลี่ ปล่อยให้หลี่จิ้งปวดหัวไปเถิดขอรับ…”
ทว่าโจวเสาจิ่นเพียงยิ้มน้อยๆ ขณะนั่งฟังอยู่ข้างๆ ดูเงียบขรึมเล็กน้อย
เฉิงฉือรู้สึกฉงน
เด็กน้อยผู้นี้เป็นอะไรกันแน่
ปกติตนพูดหนึ่งประโยคนางจะมีสิบประโยครอตนอยู่
คราวนี้เขาจงใจพูดเรื่องสหายคนสนิทของนางกับนาง ทว่านางกลับเงียบงันไม่พูดอะไร
หรือว่าเรื่องของเฉิงเจียกับหลี่จิ้งยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรอีก
หรือว่ายังมีเรื่องอะไรในบ้านที่ซางมามามองข้ามไปแล้วไม่ได้บอกเขากันนะ
จู่ๆ เขาก็ใจลอยขึ้นมาเล็กน้อย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวคิดว่าบุตรชายรู้สึกเหนื่อยล้าเกินไป กล่าวอีกไม่กี่ประโยคก็หยุดพูด จากนั้นเกลี้ยกล่อมให้เขารีบกลับเรือนไปพักผ่อน “อย่างไรก็ตามเรื่องราวส่วนใหญ่ก็จัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลานเจียก็ไม่ได้เป็นอะไรไป ได้แต่งงานกับหลี่จิ้งอย่างราบรื่น นับว่าเป็นเรื่องดี ถึงเวลานั้นพวกเราเพียงมอบของขวัญแต่งงานให้หลานเจียก็พอแล้ว หากมีเรื่องอะไรพวกเราค่อยคุยกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย!”
ถ้าหากต้องการจะล้วงถามอะไรจากปากของเด็กน้อยคนนี้ ก็ต้องหลอกล่อนางเท่านั้น
แต่ต่อหน้ามารดาเขาจะหลอกล่อนางได้อย่างไร
เอาไว้ค่อยถามนางเป็นการส่วนตัวดีกว่า!
เฉิงฉือตัดสินใจแล้ว ก็ยิ้มพลางลุกขึ้นขอตัวกลับไป
โจวเสาจิ่นส่งเฉิงฉือออกจากเรือนหลัก จนกระทั่งเงาร่างของเขาถูกต้นไม้ใหญ่บดบังจนมองไม่เห็นแล้ว นางจึงหันกลับขึ้นเรือนไป อยู่คุยเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวอีกสองสามประโยค แล้วกลับเรือนฝูชุ่ย
เฉิงฉือรออยู่ครึ่งค่อนคืนก็ไม่เห็นโจวเสาจิ่น รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย จึงบอกซางมามาว่า “ไปดูให้ทีว่าคุณหนูรองกำลังทำอะไรอยู่”
ซางมามากลับมารายงานว่า “นางนอนพักผ่อนไปแล้วเจ้าค่ะ!”
หัวคิ้วของเฉิงฉือย่นเข้าหากันแน่น
ด้วยอุปนิสัยของนาง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เมื่อเขากลับมาแล้ว แปดถึงเก้าในสิบส่วนนางจะวิ่งมาบอกเขา…ไฉนครั้งนี้ถึงได้เงียบผิดปกติอย่างนี้เล่า และการที่เงียบผิดปกตินั้นก็เรียกได้ว่าอันตราย…
เขาบอกให้ซางมามาออกไป แล้วเดินไปที่ระเบียงห้องหนังสือของเรือนหลีอิน เหม่อมองแสงจันทร์ที่สว่างไสวทั่วลานอย่างห้ามไม่อยู่
ไหวซานกระซิบถามว่า “นายท่านสี่เป็นกังวลเรื่องพรรคจินซาหรือขอรับ พวกเขามิได้สัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี และช่วยท่านทำงานหรอกหรือ สวีมู่ผู้นำพรรคคนใหม่ของพรรคจินซาแม้ว่ายังเยาว์วัยอยู่ แต่เป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า ซื่อสัตย์เชื่อถือได้ เรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้หนึ่งเลยทีเดียว เรื่องที่สัญญาเอาไว้เขาไม่มีทางกลับคำเป็นแน่ ท่านยังเป็นห่วงเรื่องอะไรหรือขอรับ”
เฉิงฉือตอบว่า “ข้าไม่ได้กังวลเรื่องพวกนั้น! อะไรคือความชั่ว อะไรคือความดีหรือ ก็เพียงชี้ทางสว่างให้พวกเขาไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่โดยการห้ำหั่นผู้คนเท่านั้นเอง ไม่เช่นนั้นพรรคจินซาก็คงจะไม่ยอมแพ้อย่างรวดเร็วเพียงนั้นหรอก”
เขากังวลเรื่องของโจวเสาจิ่นต่างหาก
แต่เขายังต้องหักห้ามใจไม่ให้ไปหานาง
เฉิงฉือยังจดจำสายตาที่จ้องมองหลังของตนสายนั้นได้อย่างชัดเจน
หากว่าเขาไปหานางก่อน มีแต่จะทำให้นางสนิทชิดเชื้อกับเขายิ่งขึ้น
เฉิงฉือรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย จึงไปตรวจสอบบัญชี สั่งการสั่งงาน และคุยเรื่องการถอนหุ้นส่วนออกจากร้านตั๋วแลกเงินเว่ยจื้อเฮ่า…งานยุ่งเช่นนี้อยู่สองสามวัน ระหว่างนั้นจึงไม่ได้สนใจโจวเสาจิ่นอีกเลย
หลายวันมานี้โจวเสาจิ่นเก็บตัวทำงานเย็บปักอยู่ในบ้าน
มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้น นางถึงไม่คิดฟุ้งซ่าน
ทั้งๆ ที่นางกับเฉิงเจียสนิทกันขนาดนี้ แต่พอได้พบเฉิงฉือแล้ว นางอยากจะถามแค่ว่าท่านน้าฉือเดินทางลำบากหรือไม่ ยามกินข้าวหรือค้างแรมประสบความทุกข์ยากอะไรบ้างหรือไม่ ธุระที่ไหวอันจัดการได้อย่างราบรื่นหรือไม่ ในภายหน้ายังต้องไปไหวอันอีกหรือไม่… ส่วนเรื่องของเฉิงเจียนั้น นางไม่ได้ใส่ใจสักเท่าใดนัก เพราะอย่างไรเฉิงเจียก็จะมีชีวิตอย่างสุขสบาย นางไม่จำเป็นต้องไปห่วงเรื่องของเฉิงเจีย
ระหว่างที่ออกมาจากเรือนหลักกลับไปยังเรือนฝูชุ่ย นางยืนนิ่งบนทางเดินที่ทอดไปสู่เรือนหลีอินอยู่นาน อยากจะไปพูดคุยกับท่านน้าฉือเหลือเกิน แต่กลัวว่าท่านน้าฉือจะเหนื่อยเกินไปและเป็นการไปปลุกเขาให้ตื่นจากการนอนหลับพักผ่อน
ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอจนฟ้าสว่าง นางไปรับประทานมื้อเช้าเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัว คิดว่าหากทำเช่นนี้อาจจะได้พบเฉิงฉือ ปรากฏว่าเฉิงฉือบอกว่าติดธุระ นางจึงไม่ได้พบเฉิงฉือเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน
นางต้องบอกเรื่องที่เฉิงลู่รู้ว่าผู้ที่บงการเจ้าเมืองอู๋อยู่คือเฉิงฉือให้ท่านน้าฉือทราบ!
ถึงแม้โจวเสาจิ่นเชื่อว่าด้วยกำลังความสามารถและเล่ห์เหลี่ยมของเฉิงลู่นั้นไม่อาจทำร้ายเฉิงฉือได้ แต่ทวนที่แทงมาอย่างโจ่งแจ้งนั้นหลบหลีกได้ง่าย ทว่าธนูที่ซุ่มยิงมาจากเงามืดนั้นทำร้ายคนได้ เฉิงลู่คนประเภทนั้นชื่นชอบการลอบโจมตีจากเงามืดเป็นที่สุด บวกกับเรื่องที่ชาติก่อนจวนรองกับจวนสามร่วมมือกันวางอุบายเฉิงสวี่แล้ว นางกลัวว่าเฉิงฉืออาจจะตกอยู่ในเส้นทางอันตรายของเฉิงลู่ได้


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน