โจวเสาจิ่นออกไปแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน อยู่ช่วยงานฮูหยินใหญ่เหมี่ยนที่เรือนเจียซู่
แต่การสอบขุนนางระดับภูมิภาคเป็นเรื่องใหญ่ และเพื่อความสะดวกแล้ว เฉิงสวี่จึงย้ายกลับมาอยู่ที่เรือนตัวจย้า จึงมีข่าวคราวของเฉิงสวี่ดังมาเข้าหูนางผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ของพวกบ่าวรับใช้
“ฮูหยินหยวนเฝ้าอยู่ด้านนอกสนามสอบด้วยตัวเอง…”
“ว่ากันว่าตอนที่คุณชายใหญ่สวี่ออกมานั้นดูผอมลงไปเท่าตัว แต่สีหน้ากลับดูดีเป็นอย่างมาก มีคนจากสำนักศึกษาตระกูลเฉิงถามคุณชายใหญ่สวี่ว่าการสอบเป็นอย่างไรบ้าง คุณชายใหญ่สวี่ตอบยิ้มๆ ว่าต้องรอให้มีการประกาศผลก่อนถึงจะรู้…”
“คุณชายใหญ่เอาความเรียงที่เขียนตอนอ่านตำราไปให้นายท่านสี่ฉือดู นายท่านสี่ฉือพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง! ก่อนการประกาศผลสอบนี้ยังให้คุณชายใหญ่สวี่พักอยู่ที่เจ่าหยวนสักสองวันอีกด้วย…”
“เมื่อวานฮูหยินหยวนไปจุดธูปให้คุณชายใหญ่สวี่ที่วัด ว่ากันว่าเสี่ยงเซียมซีได้ใบที่ดีที่สุดมา ฮูหยินหยวนดีใจเป็นอย่างมาก บอกว่าหากได้ดังที่ปรารถนา จะปิดทองให้องค์พระโพธิสัตว์…”
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวกับโจวเสาจิ่นเป็นการส่วนตัวว่า “ก็เพียงการสอบระดับภูมิภาคเท่านั้น ฮูหยินหยวนดูร้อนใจเล็กน้อย ปรกตินางมิใช่คนเช่นนี้!”
ก็ผู้อื่นพุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งเจี้ยหยวน!
เพราะลำดับที่สองมีดาษดื่น แน่นอนว่าย่อมต้องกระวนกระวายใจอยู่แล้ว!
โจวเสาจิ่นพึมพำอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์ด้วย หยิบสมุดบัญชีที่ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนให้นางเมื่อวานขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “ท่านลองดู ใช่ตัวเลขนี้หรือไม่เจ้าคะ!”
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนดูครู่หนึ่ง ยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าเสาจิ่นของพวกเราจะคำนวณเลขได้ดีขนาดนี้แล้ว นี่ตรงกับตัวเลขที่พ่อบ้านให้ข้ามาเมื่อหลายวันก่อนนั้นพอดีเลย”
โจวเสาจิ่นนึกถึงท่าทางดีดลูกคิดของเฉิงฉือขึ้นมา อดรู้สึกเขินอายขึ้นมาไม่ได้
สมุดบัญชีนี้นางใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวันถึงจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
นางรีบสลัดเรื่องนี้ทิ้งไป กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านป้าใหญ่ยังมีเรื่องอะไรให้ข้าทำอีกหรือไม่เจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนยิ้มพร้อมกับตบมือนางเบาๆ กล่าวขึ้นว่า “ต้องให้เจ้าลงมือทำเองด้วยหรือ เจ้าเพียงคอยดูอยู่ข้างกายข้าว่าข้าทำอย่างไรบ้างก็พอ รอให้พี่ชายอี้ของเจ้าแต่งงานแล้ว ข้าก็จะได้วางมือแล้ว”
งานแต่งของเฉิงอี้กับกูที่สิบเจ็ดกำหนดเป็นวันที่สิบเดือนสามของปีหน้า
โจวเสาจิ่นหัวเราะร่า
ซื่อเอ๋อร์วิ่งเข้ามา ยังไม่ทันได้ยืนนิ่งๆ ก็กล่าวขึ้นก่อนว่า “ฮูหยินใหญ่ คุณหนูรอง ข่าวดีเจ้าค่ะข่าวดี คุณหนูใหญ่ตรวจพบชีพจรมงคล อายุครรภ์สามเดือนปลอดภัยแล้ว ถึงได้ให้คนมาแจ้งข่าวเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ” โจวเสาจิ่นกระโดดลุกพรวดขึ้นมา น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
ช่างดียิ่งนัก!
ชาติก่อนพี่สาวแต่งงานไปแล้วถึงสองปีกว่าจะตั้งครรภ์ แต่ปรากฏว่าไม่นานก็แท้งบุตร
ครั้งนี้พี่สาวแต่งเข้าไปไม่ถึงสองเดือนก็ท้องแล้ว…สุดท้ายนางก็เปลี่ยนชะตาของพี่สาวได้ พี่สาวกับพี่เขยก็ไม่ต้องระทมทุกข์แล้ว
นางคว้ามือของซื่อเอ๋อร์เอาไว้ กล่าวขึ้นว่า “ท่านพี่ท้องแล้ว ฮูหยินที่ตระกูลสามีดีกับนางหรือไม่ นางมีอาการแพ้ท้องหรือไม่ มีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะให้คนซื้อส่งไปให้”
ซื่อเอ๋อร์ถูกจับเอาไว้แน่น อดเม้มปากหัวเราะไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “คุณหนูรอง บ่าวรับใช้อยู่ข้างกายนายหญิงผู้เฒ่ามานานขนาดนี้ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เห็นคุณหนูรองตื่นเต้นขนาดนี้…ที่ท่านถามมานี้ข้าล้วนไม่ทราบเจ้าค่ะ คนที่มาแจ้งข่าวคือฉือเซียงคนข้างกายของคุณหนูใหญ่ วันนี้นางเก็บผมขึ้นหมด คาดว่าคงจะแต่งงานแล้ว นายหญิงผู้เฒ่ากำลังสอบถามนางอยู่ ประเดี๋ยวจะต้องมาคารวะท่านอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นท่านก็จะถามรายละเอียดกับนางได้แล้วเจ้าค่ะ!”
โจวเสาจิ่นหลุดหัวเราะออกมา
ท่านป้าใหญ่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก นางก็อ้าปากพูดไม่หยุดแล้ว
นางมองไปยังฮูหยินใหญ่เหมี่ยนที่ยืนแย้มยิ้มอยู่ข้างๆ ครั้งหนึ่งด้วยอาการขัดเขินเล็กน้อย
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนโอบไหล่ของนางเอาไว้กล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเจ้าสองพี่น้องสนิทสนมชิดเชื้อกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากที่พี่สาวของเจ้าแต่งงานออกไปก็ไม่มีข่าวคราวอะไร ข้าเองก็ร้อนใจตามไปด้วยเป็นอย่างมาก อยากจะส่งคนไปสอบถามดูก็กลัวคนของตระกูลเลี่ยวจะไม่ชอบ อีกทั้งยังกลัวว่าจะถามถึงเรื่องที่ทำให้พี่สาวของเจ้าเสียใจ ตอนนี้ดียิ่งที่พี่สาวของเจ้าตรวจพบชีพจรมงคลแล้ว ต่อไปก็คงจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง”
จากมุมมองของฮูหยินใหญ่เหมี่ยนแล้ว สตรีนั้นกลัวแต่ว่าจะไม่ตั้งครรภ์ ถ้าหากตั้งครรภ์ได้ก็แสดงว่าย่อมให้กำเนิดออกมาได้
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับกลัวว่าฮูหยินใหญ่เลี่ยวจะปฏิบัติกับพี่สาวไม่ดี
จากความทรงจำของนาง ถึงแม้ฮูหยินใหญ่เลี่ยวผู้นี้กับหยวนซื่อจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่นิสัยของทั้งสองคนกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หยวนซื่อใจร้ายซึ่งหน้า ทว่าฮูหยินใหญ่เลี่ยวกลับใจไม้ไส้ระกำอย่างลับๆ อยู่ในใจ
ก่อนที่พี่สาวจะตั้งครรภ์ นางมองพี่สาวด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอด หลังจากพี่สาวตั้งครรภ์แล้ว มามาที่ส่งมาให้ก็เพราะต้องการให้มากะเกณฑ์ชีวิตของพี่สาว ไม่ง่ายเลยกว่าพี่สาวจะจัดการมามาผู้นั้นได้ แต่ก็ต้องเสียบุตรไปด้วย
เรื่องราวหลังจากนั้นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หากมิใช่เพราะพี่เขยปฏิบัติต่อพี่สาวอย่างดี เกรงว่าพี่สาวคงไม่มีทางให้กำเนิดเลี่ยวเฉิงฟางผู้เป็นหลานชายของนางได้แล้ว
ไม่รู้ว่าครรภ์นี้ของพี่สาวจะเป็นบุตรชายหรือว่าบุตรสาว
หากว่ายังคงเป็นบุตรชาย ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่า ‘เฉิงฟาง’ อยู่หรือไม่
ตอนที่นางได้พบฉือเซียงจึงสอบถามอย่างละเอียด
ฉือเซียงนั้นเสื้อผ้าหน้าผมสะอาดสะอ้านเรียบร้อยเป็นระเบียบ สีหน้าสดใสเปล่งปลั่ง กล่าวยิ้มๆ ว่า “ฮูหยินใหญ่เกือบจะยกสะใภ้ใหญ่ขึ้นมาบูชาแล้วเจ้าค่ะ ตระกูลเลี่ยวนั้นไม่ว่าจะเป็นตระกูลเดิมหรือตระกูลฝั่งมารดาล้วนจับกลุ่มอยู่รวมกัน เวลาเดินไปไหนล้วนต้องเจ้าหลีกทางให้ข้าข้าหลีกทางให้เจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่จึงสร้างห้องครัวเล็กให้สะใภ้ใหญ่หลังหนึ่ง ทุกๆ วันให้ดูแลอาหารการกินของสะใภ้ใหญ่เพียงเท่านั้น ฮูหยินเจ็ดของตระกูลเลี่ยวกล่าวค่อนแคะว่า ยังไม่รู้ว่าครรภ์นี้ของสะใภ้ใหญ่เมื่อให้กำเนิดออกมาแล้วจะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาว ฮูหยินใหญ่ด่วนดีใจเร็วเกินไปแล้ว ฮูหยินใหญ่ตอบกลับนางอย่างไม่เกรงใจว่า พวกเราล้วนไร้วาสนา จึงให้กำเนิดแต่บุตรชายคนแล้วคนเล่า คนที่มีวาสนาดีจริงๆ นั้น ล้วนให้กำเนิดบุตรสาวก่อนให้กำเนิดบุตรชายทีหลัง ได้มาเป็นยอดดวงใจของมารดาและช่วยเลี้ยงน้องชายได้พอดี…
…ฮูหยินเจ็ดของตระกูลเลี่ยวให้กำเนิดบุตรชายถึงสี่คน ไม่มีบุตรสาวเลยสักคนเจ้าค่ะ!” ฉือเซียงอธิบาย พร้อมกับเลียนแบบท่าทางของฮูหยินใหญ่เลี่ยวที่เชิดหน้าขึ้นมองผู้คนไปด้วย
นางทำเอาทุกคนหัวเราะกันดังลั่น
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยิ่งแล้วใหญ่จับมือของฉือเซียงเอาไว้ เอ่ยขึ้นว่า “เช่นนี้ก็ดีๆ! พวกเจ้าดูแลสะใภ้ใหญ่ให้ดี ข้าทางนี้ก็จะมีรางวัลให้ด้วย” จากนั้นมอบกำไลทองให้นางหนึ่งคู่เป็นรางวัล
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน