เหอเฟิงผิงผู้เป็นเจ้าสาวของเฉิงเก้าแต่งออกเรือนมาจากผูโข่ว ตระกูลเฉิงจึงต้องไปรับเจ้าสาวที่ผูโข่ว ดังนั้นวันแรกคนของตระกูลเฉิงจึงหามเกี้ยวเจ้าสาวไปที่ผูโข่ว ฤกษ์คารวะญาติผู้ใหญ่กำหนดไว้เป็นยามโหย่วเจิ้ง[1] บรรดานายหญิงผู้เฒ่าที่เป็นหม้ายต่างไม่สะดวกที่จะเข้าร่วมในพิธี ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เจ้าสาวเข้าเรือนหอแล้วก็จะแยกย้ายกันกลับไป รอจนกระทั่งช่วงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นเมื่อเจ้าสาวไปกราบไหว้บรรพบุรุษในหอบรรพชน และทำความรู้จักกับเครือญาติในโถงรับรองแล้ว ถึงจะไปคารวะนายหญิงผู้เฒ่าทั้งหลายทีละคน
โจวเสาจิ่นเพียงต้องอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอาไว้ก็พอ
นี่ทำให้นางรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
ทว่าฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ฉวยโอกาสตอนที่เกี้ยวเจ้าสาวยังมาไม่ถึงดึงนางไปข้างหนึ่งแล้วกระซิบถามนางว่า “ฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่าอะไรมาหรือเปล่า”
หลายวันก่อนโจวเสาจิ่นมาช่วยนางตระเตรียมงานแต่งงานของเฉิงเก้าด้วยความยินดีมาตลอด เหตุใดเมื่อถึงวันงาน นางกลับไม่ยื่นมือมาแตะต้องงานของจวนสี่อีกเลยทำตัวประหนึ่งเป็นแขกผู้หนึ่งเท่านั้น?
โจวเสาจิ่นมิอาจเล่าเรื่องของเฉิงสวี่ได้ จึงอธิบายไปว่า “งานในบ้านล้วนจัดเตรียมเรียบร้อยหมดแล้ว มีท่านยายนั่งสั่งการ และมีท่านคอยดูแลอยู่ ทั้งยังมีหวังมามาและคนอื่นๆ ช่วยงานอีก ข้าจึงไม่มีอะไรต้องทำแล้วเจ้าค่ะ แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับทำได้เพียงรออยู่ในห้องรับรองเท่านั้น ช่วงก่อนตอนที่พี่ชายนั่วแต่งงานฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ไม่ได้ไปร่วมงาน…ข้าเพียงอยากจะอยู่ข้างๆ นางเป็นเพื่อนนางเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนพยักหน้าติดๆ กัน กล่าวอย่างโล่งใจว่า “เสาจิ่น แม้ว่าเจ้าอายุยังน้อย ทว่ากลับอ่อนโยนและเอาใจใส่ผู้อื่นยิ่ง ไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าตระกูลใดที่สร้างสุสานบรรพชนของตระกูลได้เป็นอย่างดีจนมีวาสนาได้สู่ขอเจ้าไป!” ขณะที่กล่าว ก็อดรู้สึกทอดถอนใจไม่ได้
บางครั้งสิ่งที่ไม่อาจได้รับมามักจะดีที่สุด!
โจวเสาจิ่นกลัวว่าฮูหยินใหญ่เหมี่ยนจะมีอคติกับกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้เหตุเพราะนาง จึงรีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเติบโตขึ้นมาภายใต้การเลี้ยงดูของท่านมาตั้งแต่เล็ก ท่านเองก็ปฏิบัติกับข้าประหนึ่งเป็นบุตรสาวแท้ๆ คนหนึ่ง ย่อมต้องมองว่าบุตรของตนอย่างไรก็ดีกว่าบุตรของผู้อื่นเป็นธรรมดาเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนตะลึงงัน ครุ่นคิดว่าสิ่งที่นางกล่าวมาก็มีเหตุผลยิ่งนัก นางหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงกำชับนางว่า “อยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวดีๆ ตอนที่กลับไปก็ไม่ต้องมาอำลาข้าเป็นพิเศษแล้ว ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้อยู่ในงาน แต่ซองแดงจากพี่สะใภ้เก้าของเจ้าอย่างไรก็จะเก็บไว้ให้เจ้าอย่างแน่นอน”
โจวเสาจิ่นทำท่าทางเสมือนเด็กน้อย กล่าวขอบคุณฮูหยินใหญ่เหมี่ยนอย่างดีอกดีใจ
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกอดนางเบาๆ แล้วหมุนกายรีบออกไป
ไม่รู้ว่าเฉิงเจียเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด เอ่ยขึ้นอย่างอิจฉาว่า “เหตุใดคนรอบข้างเจ้าล้วนแล้วแต่ดีกับเจ้าขนาดนี้”
หลายวันมานี้เฉิงเจียติดตามอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าหลี่โดยตลอด จึงได้เข้าๆ ออกๆ พร้อมกับโจวเสาจิ่นบ่อยๆ
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้ามีหลี่จิ้งแล้วยังจะละโมบโลภมากอีกทำไม”
เฉิงเจียหน้าแดงเรื่อ ผลักนางเบาๆ พลางโต้กลับไปว่า “เจ้าไปลับฝีปากให้คมคายถึงเพียงนี้มาตั้งแต่เมื่อใดกัน”
โจวเสาจิ่นขยิบตาพลางตอบว่า “ข้ามิใช่ว่าอยู่ใกล้ชาดแล้วเปื้อนสีแดง อยู่ใกล้หมึกแล้วเปื้อนสีดำหรอกหรือ”
เฉิงเจียหน้าแดงก่ำ จากนั้นก็แสดงท่าทางมั่นใจออกมาหลายส่วน กล่าวขึ้นว่า “หลี่จิ้งบอกว่า รอให้พวกข้ามีบุตรแล้วอุ้มบุตรกลับมาให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าดู ท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็จะไม่โกรธเคืองพวกข้าอีกแล้ว”
เจียงซื่อมิได้สนใจไยดีเฉิงเจียมาโดยตลอด เฉิงเจียเองก็กลัวว่าจะทำให้นางไม่พอใจตรงที่ใดแล้วทำให้เรื่องแต่งงานกับหลี่จิ้งเกิดคลื่นปัญหาลูกใหม่ขึ้นมาอีก จึงไม่กล้าเข้าใกล้เจียงซื่อมากนัก ครั้งนี้เฉิงเก้าแต่งงาน นางก็ได้บอกโจวเสาจิ่นไว้แต่เนิ่นๆ ว่าอยากจะไปดูความรื่นเริง ปรากฏว่ามิอาจไปหน้างานได้เหตุเพราะเจียงซื่อ จึงอยู่พูดคุยสัพเพเหระระหว่างปรนนิบัติบรรดานายหญิงผู้เฒ่าในห้องรับรอง
โจวเสาจิ่นเขินอายจนดวงหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ กล่าวไปว่า “ไม่น่าเชื่อว่าหลี่จิ้งจะพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า เจ้าเองก็…ก็พูดออกมาได้…พวกเจ้าช่างเป็นคู่ที่เกิดมาคู่กันจริงๆ!”
เฉิงเจียสบถ เหอะ อย่างดูแคลนครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เรื่องการกินกับเรื่องความใคร่ในกามล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แม้แต่นักปราชญ์ก็ยังพูดเช่นนี้ ทำไมพวกข้าจะพูดบ้างไม่ได้เล่า”
โจวเสาจิ่นหวาดกลัวนางแล้ว รีบกล่าวว่า “เอาละๆๆ ทั้งหมดล้วนเป็นข้าที่ผิดเอง เจ้าอย่าพูดอีกเลยได้หรือไม่”
เฉิงเจียหัวเราะคิกคัก แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “นี่ ประเดี๋ยวรอให้นายหญิงผู้เฒ่าทั้งหลายกลับไปหมดแล้ว พวกเราไปดูสะใภ้คนใหม่ที่เรือนหอกันดีหรือไม่”
โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะไม่หยุด
ถึงตอนนั้นนางก็จะถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพัง จะไม่เป็นการปล่อยให้เฉิงสวี่ฉวยโอกาสมาเข้าใกล้หรอกหรือ
เฉิงเจียมิได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องตอบเช่นนี้ แต่ไรมาเจ้าเป็นคนที่เชื่อฟังผู้ใหญ่มากที่สุดคนนั้น เช่นนั้นประเดี๋ยวข้าจะไปดูความรื่นเริงเองก็แล้วกัน!”
โจวเสาจิ่นอดกำชับนางไม่ได้ว่า “เจ้าระวังตัวด้วย พาคนรับใช้เพิ่มไปอีกสักสองสามคน วันนี้มีแขกจากข้างนอก หากว่าพบกันโดยมิได้ตั้งใจเข้าคงไม่ดีสักเท่าใด”
เฉิงเจียยิ้มร่าพลางพยักหน้า กล่าวขึ้นว่า “หลี่จิ้งก็บอกเช่นนี้เหมือนกัน”
โจวเสาจิ่นอดเย้าแหย่นางไม่ได้ว่า “หลี่จิ้งยังบอกอะไรอีกบ้าง เจ้าบอกมาให้หมดในคราวเดียวไปเลยจะดีกว่า ประเดี๋ยวก็หลี่จิ้งบอกอย่างนั้นประเดี๋ยวก็หลี่จิ้งบอกอย่างนี้ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเจ้าแต่งงานกับหลี่จิ้งไปแล้วเอาได้!”
เฉิงเจียไม่เห็นด้วย โต้กลับไปว่า “เจ้าก็อย่ามาบอกว่าองุ่นเปรี้ยวเพราะตัวเองไม่ได้กินจะดีกว่า รอให้เจ้ามีคนที่ชมชอบอยู่ในใจ ก็จะเข้าใจเอง” กล่าวถึงตรงนี้ เฉิงเจียก็รู้สึกกังวลแทนโจวเสาจิ่นเล็กน้อย “ด้วยอุปนิสัยของเจ้า เรื่องแต่งงานคงจะทำตามความเห็นชอบของพวกผู้ใหญ่ จะได้แต่งงานกับผู้ที่รักเจ้าสักคนหรือไม่นั้นก็เหมือนกับการเดิมพันเสียจริงๆ เสาจิ่น ในภายหน้าถ้าหากเจ้าต้องคุยเรื่องแต่งงาน ห้ามตอบตกลงอย่างส่งเดชเป็นอันขาด ต้องเขียนจดหมายบอกข้า ข้าจะให้หลี่จิ้งช่วยไปตรวจสอบธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลอีกฝ่ายมาให้เจ้า หลี่จิ้งเป็นผู้ที่เดินทางอยู่ข้างนอก ดูคนเก่งกว่าสตรีในห้องหอมากนัก!”
นางพูดด้วยความจริงใจเป็นอย่างยิ่ง โจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเช่นกัน ตอบไปว่า “ขอบคุณเจ้ามาก! หากมีวันนั้น ข้าจะต้องบอกเจ้าอย่างแน่นอน”
เฉิงเจียกล่าวอย่างไม่พอใจ “อะไรคือหากมีวันนั้นกันเล่า จะต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน เจ้าจะต้องบอกข้า…”
ขณะที่นางกล่าว ก็มีสาวใช้เด็กวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า นายหญิงผู้เฒ่า เกี้ยวของเจ้าสาวผ่านศาลาว่าการเมืองจินหลิงมาแล้วเจ้าค่ะ”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือห่างจากซอยจิ่วหรูไม่ไกลนักแล้ว
“ข้าไปดูสักหน่อย!” เฉิงเจียไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้เอ่ยปากพูด ก็เลิกกระโปรงขึ้นวิ่งออกไปแล้ว
บรรดานายหญิงผู้เฒ่าต่างหัวเราะร่วนอย่างเอ็นดู
จวบจนเจ้าสาวเข้าเรือนหอแล้วเฉิงเจียก็ยังไม่กลับมา
คาดว่าคงไปดูเจ้าสาวคนใหม่แล้ว!
โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ แล้วกลับเรือนหานปี้ซานเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัว
หยวนซื่อได้รับข่าวแล้ว รู้สึกโล่งใจไปเปลาะใหญ่
บุตรชายที่นางให้กำเนิดมาเองนางย่อมรู้จักเป็นอย่างดี ขอเพียงมีโอกาสเล็กน้อย เขาจะต้องไปหาโจวเสาจิ่นอย่างแน่นอน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานถึงแม้ตอนที่นางทราบเรื่องโจวเสาจิ่นจะจากไปแล้ว แต่ก็ยังมิอาจปกปิดจากคนที่นางวางไว้ข้างกายเฉิงสวี่ได้
เพียงแต่ไม่รู้ว่าบุตรชายกับโจวเสาจิ่นคุยอะไรไปบ้างเท่านั้น
หากว่าโจวเสาจิ่นเองก็พึงใจเจียซ่านด้วยเช่นกัน เช่นนั้นคงยุ่งยากแล้ว!


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน