เฉิงฉือได้ยินแล้วก็เดือดดาล
ในเมื่อต้องการออกหน้าให้โจวเสาจิ่น ตอนที่เสาจิ่นถูกคนสงสัยและซักถามในโพรงหินตั้งแต่นั้นเขาทำอะไรอยู่เล่า ตอนนี้เฉิงสวี่ได้รับการวินิจฉัยว่ากินของบางอย่างคล้ายผงห้าศิลาจำพวกนั้น เขากลับกระโดดออกมาบอกว่าต้องการสืบหาคนผิดคนถูกให้ได้ เฉิงสวี่ไม่ได้สติอย่างนี้ ต่อให้มีความผิดนั่นก็เป็นการกระทำโดยไม่เจตนา!
เช่นนั้นมิเท่ากับว่าเสาจิ่นรับความชอกช้ำใจนั้นโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ!
ไม่แปลกใจที่จวนหลักคอยสนับสนุนจวนสี่อยู่ในเงามืดมานานหลายปีถึงเพียงนี้แต่จวนสี่กลับยังอยู่ในสภาพนี้อยู่ ดูแล้วปัญหาหลักคงจะเป็นเพราะสมองของเฉิงเหมี่ยนใช้การได้ไม่ดีนี่เอง!
นับเป็นครั้งแรกที่เฉิงฉือรู้สึกว่าสถานะความเป็น ‘น้า’ ของตนนี้ช่างขวางทางเสียเหลือเกิน!
แต่เขาคร้านจะพูดอะไรมากกับเฉิงเหมี่ยน
เฉิงลู่โน้มน้าวต่งซื่อผู้เป็นมารดาให้แกล้งป่วยเพื่อขายที่ดินมรดกของตระกูลในราคาถูกเพราะอยากจะติดสินบนผู้ดูแลการศึกษาทว่ากลับไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด ระหว่างที่กำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดันนั้น เฉิงเก้าแต่งงาน เขาไม่เพียงมาร่วมงานแต่งงานของเฉิงเก้าเท่านั้น ยังมาร่วมงานเลี้ยงแนะนำตัวเจ้าสาวกับบรรดาญาติๆ ของเฉิงเก้าและภรรยาอีกด้วย เขาจึงรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน ก็เลยส่งไหวซานไปจับตาดูเฉิงสวี่เอาไว้ ส่วนตนก็ไม่ปล่อยให้เฉิงลู่อยู่ห่างจากสายตาของเขาตลอดเวลา ตอนที่ได้ยินว่าเฉิงสือกับเฉิงเจิ้งและคนอื่นๆ กำลังร่ำสุราอยู่กับเฉิงสวี่นั้น เขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เสาจิ่นเล่าให้ฟังนั้นจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เขาคิดว่าถ้าเสาจิ่นรู้ทันอุบายเหล่านั้น ก็คงจะหลบหลีกออกไป แต่ถ้าหากรู้ไม่ทัน มีไหวซานติดตามเฉิงสวี่อยู่ อย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้เสาจิ่นต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากชาติที่แล้วอีกเป็นแน่ นอกจากนี้ยังได้โอกาสบอกปัดให้ชัดเจน ให้เฉิงสวี่ตัดใจได้เสียที
แต่นึกไม่ถึงว่า แม้เสาจิ่นจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมเหล่านั้น แต่กลับไม่ได้หลบหนี ซ้ำยังลอบเรียกจี๋อิ๋งมา ทุบตีเฉิงสวี่ไปรอบหนึ่ง
ได้เห็นเสาจิ่นในมุมที่เข้มแข็งเช่นนี้ ในใจของเขาบังเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจอย่างท่วมท้นยากที่จะอธิบาย!
โดยเฉพาะตอนที่นางโต้ตอบฮูหยินหยวนกลับไป ใบหน้านั้นเผยให้เห็นความเด็ดเดี่ยวอยู่รางๆ ทำให้ทั้งตัวของนางเปล่งประกายขึ้นมา
เสาจิ่นที่เป็นเช่นนี้ มีความงดงามบางอย่างที่แตกต่างออกไป!
เขาไม่ปรารถนาให้มีเรื่องที่อาจทำให้คนเอาไปครหาใดๆ มาลากนางไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น
เฉิงฉือจึงตัดสินใจในทันที
ให้เสาจิ่นออกจากสถานการณ์ยุ่งเหยิงนี้ไปก่อน
เรื่องต่อจากนี้ รอให้เฉิงสวี่ตื่นขึ้นมาแล้วค่อยว่ากัน
นอกจากนี้ทันทีที่เขาเห็นสภาพของเฉิงสวี่ก็รู้ว่ากินยาที่มีฤทธิ์หลอนประสาทเข้าไป นี่ก็ขจัดความสงสัยในใจของเขาได้หมดแล้ว ต่อให้เฉิงสวี่จะไม่รู้ตัว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องผิดศีลธรรมหลังจากร่ำสุรา จะต้องมีสิ่งอื่นที่ปิดบังอยู่ในนั้นอีกเป็นแน่
แต่เขากลัวจะทำให้เด็กน้อยเสียใจอีก จึงจงใจไม่เอ่ยถามออกไป
ดังนั้นเขาจึงเดินตามทุกคนอยู่ข้างหลังอย่างช้าๆ อยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ตอนนี้มองดูแล้ว กลัวว่าเรื่องนี้คงจะวางแผนเอาไว้มานาน และมีคนพัวพันอยู่ในนั้นมากมายเสียด้วย
สายตาของเฉิงฉือค่อยๆ เยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย
ในเมื่อทุกคนต่างไม่ให้ความสำคัญกับเด็กน้อยเลยสักนิด เช่นนั้นก็ให้เขาเป็นผู้หนุนหลังเด็กน้อยเองก็แล้วกัน
เรื่องนี้นอกจากเขาหมายจะสร้างเรื่องให้วุ่นวายตามที่พวกเขาต้องการแล้ว ยังหมายจะก่อเรื่องให้ใหญ่โตอีกด้วย เอาให้วุ่นวายจนคนที่ดูถูกดูแคลนเด็กน้อยเหล่านั้นต่างถอยออกไปไม่ได้
ขณะที่เฉิงฉือครุ่นคิดอยู่นั้น สีหน้าบนดวงหน้าก็ดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น กล่าวขึ้นว่า “ถ้อยคำของพี่ชายเหมี่ยนช่วยเตือนสติข้า แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องราวเป็นเช่นไรกันแน่นั้น พวกเราต่างก็ไม่รู้แน่ชัด แต่ข้ารับปากท่านได้เลยว่า หากเรื่องนี้เป็นความผิดของเจียซ่าน จวนหลักของพวกข้าจะไม่ปกป้องเขาอย่างแน่นอน ทางด้านใต้เท้าโจว ข้าจะไปขอโทษถึงหน้าประตูด้วยตนเอง จะไม่ปล่อยให้คุณหนูรองตระกูลโจวได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างแน่นอน”
แต่ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความผิดของโจวเสาจิ่นเล่า
ทันใดนั้นเฉิงเหมี่ยนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
เฉิงสวี่ได้รับการวินิจฉัยว่ากินของบางอย่างคล้ายผงห้าศิลาเข้าไป จากนั้นก็ถูกทุบตีจนมีสภาพเช่นนั้น ต่อให้ก่อนหน้านั้นจะกระทำเรื่องเสียมารยาทเพียงใด โจวเจิ้นยังจะสืบสาวหาความได้อยู่หรือ
เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก อยากจะเอาถ้อยคำที่พลั้งปากพูดออกไปเมื่อครู่กลับคืนมาเหลือเกิน ทว่าเฉิงฉือกลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสียแล้ว กล่าวกับทุกคนว่า “ถ้อยคำของพี่ชายเหมี่ยนได้สะกิดใจข้า เนื่องจากพวกเราต่างรู้แล้วว่าเจียซ่านกินของผิดสำแดงบางอย่างที่คล้ายผงห้าศิลาเข้าไป ทว่าคนข้างนอกอาจไม่รู้ จึงอาจจะหลงเชื่อได้ ข้าคิดว่าเรื่องนี้มิอาจจัดการอย่างส่งเดชได้ ควรจะสืบสวนอย่างถ้วนถี่ถึงจะถูก!”
เฉิงหลูเอ่ยชมเสียงดังขึ้นว่า “ดี” แล้วกล่าวว่า “ควรจะทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว! หากว่าพวกเราเอาแต่เก็บซ่อนสีหน้าไม่ทำอะไรเลย คนที่ทำเรื่องชั่วช้าเหล่านั้นจะหลงคิดว่าสิ่งที่ตนกระทำลงไปคงไม่ถูกคนอื่นจับได้เป็นแน่ หากปล่อยให้บ่มเพาะความชั่วช้าไว้ในใจ มีแต่จะนำไปสู่หายนะอันใหญ่หลวง ไม่สู้สืบสาวหาความจริงให้ถึงที่สุดเสียดีกว่า มีผู้ใดบ้างที่มิได้ขาดสำนึกผิดชอบเมื่อยามเยาว์วัย แต่หากทำผิดแล้วก็ต้องรู้จักปรับปรุงแก้ไข!”
ในความคิดเห็นของเขา เป็นไปได้ว่าเฉิงสวี่คงจะฟังคำยุยงของใครบางคน แล้วแอบกินยาประเภทนั้นเข้าไป จากนั้นก็พบกับโจวเสาจิ่นโดยบังเอิญ… เพราะฉะนั้นเฉิงฉือจึงเงียบมาโดยตลอด เพราะกลัวคนอื่นจะรู้ว่าเฉิงสวี่กินยาประเภทนั้นเข้าไป
เขาพูดเสร็จ ก็เอ่ยถามเฉิงอี๋ขึ้นว่า “พี่ชายอี๋ ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร”
เฉิงอี๋โกรธเกรี้ยวจนปากเกือบจะบูดเบี้ยว
ไอ้หนอนหนังสือตัวนี้ ไม่ใช่เวลาพูดก็พูด
ก็ ‘ดี’!
หากสืบสาวราวเรื่องต่อไป จะพบว่าบุตรชายเจ้าใช้ให้สาวใช้ของบุตรสาวเจ้าพาโจวเสาจิ่นไปที่โพรงหินนั้น เจ้าคิดว่าจวนสามจะปัดความรับผิดชอบไปได้อยู่หรือ!
คิดถึงตรงนี้ เขาก็อดขบคิดในใจไม่ได้ หรือว่าเฉิงหลูจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
ช่างน่าสนใจจริงๆ!
เช่นนั้นอยากสืบสวนก็สืบสวนไป!
สำหรับเรื่องวางยาเขามีแผนสำรองเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีทางที่ผู้ใดจะจับได้อย่างแน่นอน
ทว่าเรื่องที่เฉิงเจิ้งนำคนไปที่โพรงหินนั้นหากยิ่งสืบสาวก็ยิ่งโยงไปถึงตัวเขา
เช่นนี้ก็ดีจะได้สั่งสอนเฉิงเจิ้งสักครั้งหนึ่งเสียเลย
บุตรชายของเขาลากผู้อื่นเข้าสู่กองไฟแต่ตนกลับคิดจะหลบหนีไปคนเดียว ไม่มีทางหนีได้ไปหรอก!
จู่ๆ เฉิงอี๋ก็รู้สึกเบิกบานอยู่ในใจ ทว่าสีหน้ากลับเคร่งขรึมยิ่งขึ้นพลางกล่าวว่า “ข้าคิดว่าสิ่งที่น้องชายเหมี่ยนพูดมาก็มีเหตุผลยิ่ง เช่นนั้นก็ตรวจสอบอย่างละเอียดเถิด! จะได้คืนความบริสุทธิ์ให้เจียซ่านด้วยพอดี ข้ารู้สึกมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นว่าเจียซ่านไม่มีทางกระทำเรื่องที่ขัดต่อคุณธรรมอันดีของสุภาพบุรุษอย่างแน่นอน คนอื่นอาจไม่รู้ แต่โหย่วอี้กับเจียซ่านอาศัยอยู่ที่ซอยซิ่งหลินด้วยกันเกือบสองปี ข้าจะไม่รู้ได้หรือ!”
เฉิงเวิ่นเห็นว่าทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน หากว่าตนไม่เห็นด้วย ทั้งมิอาจเปลี่ยนผลลัพธ์อะไรได้แล้ว ไม่แน่ว่ายังจะทำให้เฉิงฉือเคลือบแคลงสงสัยขึ้นมาอีกด้วย เขาไม่รอให้เฉิงฉือเอ่ยปากพูดอะไร ก็รีบกล่าวขึ้นว่า “ข้าก็คิดว่าควรจะตรวจสอบให้ละเอียดเช่นกัน”
ทว่าในใจกลับเริ่มขบคิดหาโอกาสให้บ่าวเด็กคนสนิทรีบเร่งกลับไปเอายาหลอนประสาทที่เขาเก็บซ่อนไว้ไปเททิ้งในทะเลสาบเพื่อทำลายหลักฐานอย่างเงียบๆ ถึงจะใช้การได้
เฉิงเจิ้งโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรดี
เขาไม่เคยเห็นผู้ใดที่เป็นภาระของผู้อื่นได้เท่าบิดาของเขามาก่อน



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน