เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 349

“แต่เจียซ่านยังคงชอบเสาจิ่นจนหมดหัวใจ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่อยากฟังหยวนซื่อเถียงข้างๆ คูๆ อีก จึงกล่าวต่อทันทีว่า “แต่เจ้านั้นเพื่อให้เจียซ่านอ่านตำราเตรียมตัวสอบอย่างสบายใจ จึงโกหกเขา บอกว่าขอเพียงเขาตั้งใจสอบให้ได้อันดับที่ดี แล้วเจ้าจะช่วยสู่ขอเสาจิ่นให้เขาใช่หรือไม่”

ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เจียซ่านได้รับตำแหน่งเจี้ยหยวนแล้วจึงไปตามตื๊อเสาจิ่น…

หยวนซื่อยังแก้ตัวให้กับการกระทำของตนเองไปอย่างน้ำขุ่นๆ ว่า “อันที่จริงข้าก็ตั้งใจจะช่วยสู่ขอเสาจิ่นให้เจียซ่านนะเจ้าคะ แต่เรื่องแต่งงานกับตระกูลหมิ่นได้คุยกันเอาไว้นานแล้ว แต่ก่อนตระกูลหมิ่นเป็นฝ่ายถ่วงเวลามาตลอด ใครจะรู้ว่าพอเจียซ่านสอบได้ตำแหน่งเจี้ยหยวนแล้วคนของตระกูลหมิ่นจะเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนก่อน ยอมลดตัวลงมาถึงเพียงนั้น ข้ากลัวว่าตระกูลหมิ่นจะคิดว่าเจียซ่านสอบได้ตำแหน่งเจี้ยหยวนแล้วทะนงตัวขึ้นมา ดูถูกตระกูลหมิ่น ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองโดยไร้สาเหตุ ตอนนั้นข้าจึงมิอาจปฏิเสธตรงๆ ได้เหมือนกัน อยากจะวางเรื่องนี้เอาไว้ก่อน รอให้ข้ากลับจิงเฉิงแล้วค่อยว่ากันใหม่ นึกไม่ถึงเลยว่านายท่านสามของตระกูลหมิ่นจะไปหานายท่านใหญ่ของพวกเราเพื่อหารือเรื่องนี้โดยตรง นายท่านใหญ่วันๆ เอาแต่ยุ่งอยู่กับการงานในราชสำนัก ไหนเลยจะรู้เรื่องต่างๆ ภายในเรือนชั้นใน คิดว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองตระกูลได้ทำการสัญญาด้วยวาจากันไว้แล้ว จึงตอบตกลงไปทันที ข้าอยู่ที่จินหลิง กว่าจะได้รับจดหมายก็สายเกินไปเสียแล้ว จึงยิ่งไม่กล้าบอกท่านแม่เข้าไปใหญ่…”

ฮูหยินผู้เฒ่กัวตบหน้าหยวนซื่ออีกครั้ง

“ท่านแม่!” หยวนซื่อไม่นึกไม่ฝันว่าตนจะถูกฮูหยินผู้เฒ่ากัวตบหน้าติดๆ กันถึงสองครั้ง

นางเอามือกุมใบหน้า มองฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างตกตะลึง นัยน์ตาแวววาวไปด้วยหยาดน้ำตา

“คนไร้ซึ่งสัจจะก็ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ แม้แต่คนทำมาค้าขายในตลาดเหล่านั้นยังรู้ เปล่าประโยชน์ที่เจ้าเป็นถึงผู้มีการศึกษาผู้หนึ่ง” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวโมโหจัด กล่าวขึ้นอีกว่า “ความรู้ที่เจ้าเรียนมาไปอยู่ในท้องสุนัขหมดแล้วหรือ! จนถึงตอนนี้ก็ยังมีหน้ามาโกหกข้าอีก หรือเจ้าคิดว่าผู้อื่นเป็นคนโง่กันหมด มีแต่เจ้าที่เป็นคนฉลาดหรืออย่างไร! ไม่รู้ว่าใครอบรมสั่งสอนและให้ความรู้แก่เจ้า! หากว่าเจ้าไม่ชอบโจวเสาจิ่น ก็บอกไปตามตรงว่าไม่ชอบก็พอแล้ว เหตุใดถึงต้องไปโกหกเจียซ่านด้วย! ต่อให้เขาไม่พอใจอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เขาอายุยังน้อย สอบครั้งนี้ไม่ผ่าน ก็ยังมีการสอบครั้งหน้าอยู่ เจ้ากลับใจร้อนอดทนรอไม่ได้ เพื่อให้บุตรชายของตนสอบผ่านได้มีชื่อขึ้นบนกระดานแล้ว เล่ห์เพทุบายสกปรกอะไรก็ควักออกมาใช้ทั้งหมด เจียซ่านเป็นบุตรชายของเจ้า มิใช่เครื่องมือให้เจ้าได้ไปถึงเป้าหมายของเจ้า! ปากเจ้าพร่ำบอกว่ารักบุตรชาย นี่หรือคือความรักของเจ้า เจ้าเป็นคน มีอารมณ์ความรู้สึก แล้วบุตรชายของเจ้ามิใช่คนหรือ เจ้าให้เขาชอบผู้ใดเขาก็ต้องชอบผู้นั้น เจ้าให้เขาแต่งงานกับผู้ใดเขาก็ต้องแต่งงานกับผู้นั้นอย่างนั้นหรือ เหตุใดข้าถึงไม่เคยบังคับเจ้ากับเจ้าใหญ่เล่า ตอนนี้ปล่อยให้ผู้อื่นมีช่องทางมาแสวงหาผลประโยชน์ ทว่าเจ้ากลับยังคงเอาแต่กล่าวโทษเสาจิ่น…

…ถ้อยคำเหยียดหยามเสาจิ่นเหล่านั้น เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร…

…กรรมที่เจ้าก่อ ยังต้องให้เสาจิ่นไปรับแทนเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ…

…เจ้าเองก็เป็นอิสตรีเหมือนกัน จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถ้อยคำและการกระทำเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อเด็กสาวคนนั้นเช่นไรบ้าง…

…เป็นเพราะข้าไม่รู้ว่าในเรื่องนี้ยังมีเรื่องที่เจียซ่านถูกหลอกอยู่ด้วย หากว่าข้ารู้ ข้าก็คงตบเจ้าตั้งแต่อยู่ที่โพรงหินนั้นไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าว่าต่อให้ข้าตบหน้าเจ้าไป ก็คงจะตบให้เจ้าสำนึกไม่ได้อยู่ดี จวบจนตอนนี้เจ้ายังคิดว่าตนเองไม่ผิดอยู่เลย…” ขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพูด ก็เผยสีหน้าอ่อนล้าออกมา กล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พูดไปก็เท่านั้น นับแต่นี้ไป เรื่องของเจียซ่านเจ้าไม่ต้องสอดมือเข้ามายุ่งอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะไปถึงถงเซียงและบอกท่านลุงของเจ้าให้ชัดเจนด้วยตนเอง ถึงแม้ตระกูลเฉิงของพวกเราจะไม่เคยมีประวัติการหย่าร้างภรรยามาก่อน แต่สะใภ้ของทายาทสายตรงคนโตที่ไม่เข้าใจเหตุผลแล้วถูกส่งตัวไปสำนึกผิดในวัด ก็เคยปรากฏมาก่อน”

หยวนซื่อคุกเข่าลงต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวดัง ตึง

นางจดจำได้อย่างชัดเจน ตอนนั้นนางเพิ่งจะแต่งเข้ามาได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเฉิงจิงกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงได้มีปากเสียงกัน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้เฉิงจิงคุกเข่าสำนึกผิดในลานบ้าน วันนั้นหิมะตกลงมาอย่างหนัก ทับถมกันจนสูงถึงสองชุ่น เฉิงจิงไม่ยอมรับผิด ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ไม่ได้พูดถึงอีกเช่นกัน… จนถึงทุกวันนี้ ยามที่ฟ้าอากาศแปรปรวน เข่าของเฉิงจิงก็ยังคงมีอาการปวดอยู่บ้างเล็กน้อย

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นคนที่พูดจริงทำจริงคนหนึ่ง!

แม้กระทั่งบุตรชายของตน นางก็ยังโหดเหี้ยมพอที่จะลงโทษ นับประสาอะไรกับนางที่เป็นบุตรสะใภ้คนหนึ่งเล่า

“ท่านแม่ ข้าสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ! ต่อไปข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ครั้งนี้ท่านอภัยให้ข้าด้วยเถิด!” นางกอดขาของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ครวญครางอ้อนวอนอย่างขมขื่น “ต่อไปข้าจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง… เจียซ่านเป็นเจี้ยหยวนแล้ว พยายามอีกสักหน่อย ด้วยอายุของเขา อาจจะได้เป็นทั่นฮวาคนหนึ่ง หากว่าโชคดี บางทีอาจจะเป็นถึงจ้วงหยวนคนหนึ่งเลยก็เป็นได้ ผู้ที่สอบได้อันดับที่หนึ่งในการสอบขุนนางทั้งสามระดับ ตั้งแต่สถาปนาราชวงศ์ปัจจุบันจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีสักคนหนึ่งที่คว้าเกียรติยศนั้นได้ ท่านแม่ เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ขอเพียงท่านให้ข้าทำเรื่องนี้เรื่องเดียว ข้าจะซาบซึ้งบุญคุณของท่านไปชั่วชีวิต…”

ฮูหยนผู้เฒ่ากัวใช้ขาข้างหนึ่งถีบหน้าอกของหยวนซื่อ

“ไสหัวไป! เจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวเบาๆ ทว่ามือที่กดลงบนโต๊ะน้ำชากลับมีเส้นเลือดปูดโปนออกมา “อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก!”

“ท่านแม่!” หยวนซื่อถูกถีบจนเจ็บหน้าอกไปหมดแต่ก็ยังไม่กล้าปล่อยมือที่กอดขาของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอาไว้ออก

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวโกรธเกรี้ยว ตะโกนบอกสื่อมามาเสียงดังว่า “ลากนางออกไปเดี๋ยวนี้!”

“ท่านแม่!” หยวนซื่อไม่ยอมปล่อยมือ ดวงหน้าอาบไปด้วยน้ำตา “ข้าจะไม่ขอร้องอะไรอีก ขอเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว…”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวโกรธจัดจนแสยะยิ้มออกมา กล่าวว่า “ข้าจะให้เจ้าใหญ่รับอนุภรรยาคนหนึ่ง แล้วให้กำเนิดบุตรชายสายรองอีกคนหนึ่ง จากนั้นข้าจะเลี้ยงดูเขาในเรือนจนเติบใหญ่ เจ้ายอมหรือไม่”

หยวนซื่อตะลึงงัน

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขึ้นเสียงกล่าวอีกว่า “บุตรชายคนนี้เป็นบุตรของเจ้า! แต่ข้ามิอาจปล่อยให้จวนหลักขาดคนจุดธูปกราบไหว้บรรพชนได้ ให้เจ้าใหญ่กำเนิดบุตรชายอีกคนหนึ่งให้แก่ตระกูลเฉิง เช่นนี้เจ้ายอมหรือไม่”

“ไม่เจ้าคะๆ ๆ…” หยวนซื่อส่ายศีรษะ ในใจยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้ว่าถ้อยคำใดควรพูดหรือมิควรพูด “ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ…ข้าไม่ยอม…”

สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัวคลายลงมา กล่าวเสียงค่อยว่า “เจ้าตามสื่อมามาออกไปเสียแต่ตอนนี้ยังพอจะเหลือเกียรติอยู่บ้าง หากรอให้ข้าเรียกบ่าวหญิงสำหรับใช้งานหนักมาลากตัวเจ้าออกไปแล้ว เจ้าอย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้าก็แล้วกัน…”

แต่ข้ามิอาจยกบุตรชายให้ท่านได้!

อีกไม่นานเขาก็จะประสบความสำเร็จแล้ว

ข้าตรากตรำเลี้ยงดูบุตรชายมาสิบกว่าปี มิอาจปล่อยมือไปง่ายๆ เช่นนี้ได้!

หยวนซื่อยังอยากจะเถียงฮูหยินผู้เฒ่ากัวอยู่ ทว่าสื่อมามากลับเข้ามาประคองตัวหยวนซื่อขึ้น ด้านหนึ่งก็กึ่งพยุงนางออกไปข้างนอก อีกด้านหนึ่งก็กระซิบข้างหูนางว่า “ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกำลังบันดาลโทสะอยู่ ฮูหยินท่านก็สงบปากสงบคำสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ มีเรื่องอะไรก็รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าคลายโทสะแล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า ท่านแต่งเข้ามาเกือบจะสามสิบปีแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ามีอุปนิสัยเช่นไร ท่านยังไม่รู้อีกหรือ นอกจากนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยังมีนายท่านใหญ่อยู่ด้วยมิใช่หรือเจ้าคะ”

ตอนที่ 349 ผิดหวัง 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน