เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 353

ตอนที่เฉิงฉือเดินเข้ามาในเรือนฝูชุ่ยนั้น กลับเห็นว่าในเรือนเต็มไปด้วยหีบสัมภาระ

เขายืนอยู่ตรงต้นการบูรที่ยังคงเขียวชอุ่ม ทันใดนั้นก็รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเล็กน้อย

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากเสาจิ่นยังอยู่ที่ซอยจิ่วหรูต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุและผลก็ไม่ค่อยเหมาะสมแล้ว

เขาเข้าใจเป็นอย่างดี

แต่ตอนอยู่ในโถงรับแขกนั้น เขาได้พิจารณาเผื่อนางทุกๆ จุดแล้ว ทว่าก็ยังไม่ได้พิจารณาถึงปัญหาข้อนี้เลยสักนิด

นอกจากนี้เขามองว่าโจวเสาจิ่นยังเด็ก ต่อให้นางจะรู้สึกอย่างไร แต่ด้วยนิสัยขี้กลัวและอ่อนแอของนางแล้ว อย่างไรก็ต้องรออีกสักช่วงหนึ่งถึงจะรวบรวมความกล้ามาบอกเขาได้…ตอนที่นางจะจากไปก็น่าจะเข้าฤดูหนาวแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงมาก่อนเลยก็คือ ดูเหมือนว่าพอกลับถึงเรือนหานปี้ซานนางก็เริ่มจัดเก็บข้าวของแล้ว

สายตาของเฉิงฉือหยุดอยู่ที่กระถางดอกเบญจมาศสีหมึกที่เมื่อก่อนโจวเสาจิ่นเคยวางมันไว้ตรงมุมกำแพงทว่าตอนนี้ถูกพวกสาวใช้ย้ายไปวางไว้ตรงใต้โถงทางเดิน

เห็นได้ชัดว่าเสาจิ่นคิดจะเอามันไปด้วย!

นางรักต้นไม้ดอกไม้ รักสิ่งของเก่าๆ ที่ตนเคยใช้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เอาไปด้วย

เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่นางเพิ่งย้ายมาที่เรือนฝู่ชุ่ยใหม่ๆ

ตอนรดน้ำดอกไม้นางพูดกับดอกซานฉาที่นางปลูกเอาไว้หลายกระถางเหล่านั้นเป็นครั้งคราวว่า ย้ายมาอยู่ที่ใหม่อีกแล้ว พวกเจ้าคุ้นชินหรือยัง…

ดวงตาของเฉิงฉือประหนึ่งร่วงหล่นลงไปในดงเข็มนับหมื่นนับพันเล่ม ถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวดยิ่งนัก

เสาจิ่นช่างเหมือนกับคนเร่ร่อนผู้หนึ่งจริงๆ จากเรือนหว่านเซียงมาถึงเรือนฝูชุ่ย จากเรือนฝูชุ่ยไปที่ถนนผิงเฉียว จากถนนผิงเฉียวไปยังเมืองเป่าติ้ง…คล้ายกับว่าที่ผ่านมาไม่มีที่ใดที่เป็นบ้านของนาง!

เพราะฉะนั้นนางถึงได้เลี้ยงดอกไม้เอาไว้ในกระถางเท่านั้น ไม่เคยปลูกต้นไม้ลงดินในลานบ้านเลย!

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน

เพราะสุดท้ายแล้วโจวต้าเฉิงคือบิดาของนาง

มิใช่มีคนเคยกล่าวเอาไว้หรือว่า บ้านคือที่ๆ มีบิดามารดาอยู่ด้วย

นางกลับไปอยู่ข้างกายบิดาของตัวเอง ก็เพียงพอให้นับได้ว่ามีบ้านสักหลังหนึ่งแล้วกระมัง!

เฉิงฉือออกจากเรือนฝู่ชุ่ยไปอย่างเงียบเชียบเหมือนกับตอนมา เดินไปที่เรือนหลัก

เฉิงสวี่นอนหลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกำลังนั่งหลับตาอยู่บนหัวเตียงของเขาสวดมนตร์ให้เฉิงสวี่ฟัง

เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลืมตาขึ้น กล่าวเสียงเบาออกมาประโยคหนึ่งอย่างไม่แปลกใจเลยสักนิดว่า “เจ้ากลับมาแล้วหรือ” จากนั้นก็ลุกขึ้นมา

เฉิงฉือก้าวออกไปประคองฮูหยินผู้เฒ่ากัว ทั้งสองคนไปนั่งที่ห้องรับแขก รอให้สาวใช้นำน้ำชาและของว่างมาให้และถอยออกไปทั้งหมดแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงได้กล่าวขึ้นว่า “เรื่องด้านนอกนั่นจัดการเรียบร้อยดีหรือไม่”

“เรียบร้อยแล้วขอรับ!” เฉิงฉือกล่าวเสียงเบา “สร้างกับดักขึ้นมาสักสองสามอัน ให้จวนรองกับจวนสามต่างสงสัยซึ่งกันและกัน หวาดผวาอยู่อย่างไม่เป็นสุขไปก็แล้วกัน รอให้ถึงเวลาที่ใช้งานพวกเขาได้ค่อยจัดการเก็บกวาดพวกเขาอีกที”

ถึงแม้แววตาของเขายังคงสว่างสุกใส สีหน้ายังคงอบอุ่นเช่นเดิม ทว่ากลับทำให้คนรู้สึกว่าเขารู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดไม่ได้กล่าวขึ้นอย่างลังเลว่า “จื่อชวน เจ้าไม่พอใจเจียซ่านเป็นอย่างมากใช่หรือไม่”

ไม่อย่างนั้นจะยอมให้จี๋อิ๋งทุบตีเจียซ่านได้อย่างไร

เฉิงฉือปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น กล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เรื่องของจี๋อิ๋ง ท่านอย่าสนใจเลยขอรับ ถ้าพี่สะใภ้ใหญ่ถามถึง ก็บอกไปว่าข้าขายออกไปแล้ว เป็นการปิดปากนาง”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า ไม่สะดวกจะไปเซ้าซี้เรื่องนี้อีก กล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่นอยากกลับไปที่เมืองเป่าติ้ง…”

ท่าทางของเฉิงฉือดูเคร่งขรึมขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพูดกันว่าเลี่ยวเส้าถังคิดจะไปร่ำเรียนที่จิงเฉิง ข้าจะเขียนจดหมายไปให้ท่านอารองฉบับหนึ่ง ให้เขาช่วยชี้แนะเลี่ยวเส้าถังสักหน่อยก็แล้วกัน! จากนั้นข้าจะดูว่ามีที่ทางอะไรดีๆ บ้างหรือไม่ จะซื้อสักที่จดชื่อเป็นนามของเสาจิ่น”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็พรูลมหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เป็นตระกูลเฉิงของพวกเราที่ผิดต่อนาง เจ้าช่วยดูแลให้มากสักหน่อยก็แล้วกัน!” จากนั้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างหัวเสียว่า “สุดท้ายเรื่องของเจียซ่านว่าอย่างไรบ้าง”

เฉิงฉือกล่าว “จะว่าอย่างไรได้ นอกเสียจากว่า เจียซ่านถูกคนวางยา สติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วน เข้าใจผิดคิดว่าจี๋อิ๋งเป็นเสาจิ่น ต้องการดึงตัวจี๋อิ๋งมาหาท่านที่นี่ จี๋อิ๋งคิดว่าเจียซ่านจะล่วงเกินนางขณะที่มึนเมา จึงพลั้งมือตีเจียซ่าน…”

เขาเล่าเรื่องหลักๆ ที่สำคัญให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตามความคิดของเฉิงฉือได้อย่างรวดเร็ว พึมพำกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นเรื่องที่ต้องตรวจสอบอย่างเร่งด่วนที่สุดคือใครเป็นคนวางยาเจียซ่าน ตั้งแต่พ่อครัวแม่ครัวใหญ่ที่โรงครัวไปจนถึงบ่าวรับใช้ที่รับผิดชอบดูแลน้ำชาและสุราในห้องโถง ทุกคนล้วนเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น…ถือโอกาสนี้ปล่อยคนออกไปสักกลุ่มหนึ่งดีหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่รับใช้อยู่ข้างกายท่านผู้นำตระกูลจวนรอง อยู่รับใช้มาเป็นเวลานาน จึงเหลี่ยมจัดอยู่บ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนประเภทนี้ถึงแม้จะใช้การใช้งานได้สะดวกมือ แต่ก็ชอบอ้างอำนาจของนายรังแกผู้น้อยกว่า ระเบียบปฏิบัติที่พึงมีภายในบ้านล้วนถูกทำลายไปจนหมด ข้าคิดว่า ให้เป็นตอนที่รับบ่าวชายข้างกายของเฉิงสือเข้ามา จวนรองน่าจะไม่คัดค้านถึงจะถูก”

หากเป็นเช่นนี้ ก็จะได้ถือโอกาสจัดการสอดแทรกคนเข้าไปในแต่ละจวน

เห็นได้ชัดว่าเฉิงฉือไม่สนใจเรื่องพวกนี้ กล่าวขึ้นว่า “ท่านจัดการเองก็ได้แล้วขอรับ”

หลังจากที่สองแม่ลูกพูดคุยกันว่าครึ่งค่อนวันแล้ว เฉิงฉือเข้าไปดูเฉิงสวี่ที่หลับสนิทไปแล้วอีกครั้งหนึ่ง ถึงได้กลับไปที่เรือนหลีอิน

ฝึกคัดอักษรได้ครู่หนึ่ง ก็ถึงเวลาต้องพักผ่อนแล้ว

แต่เขากลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด จึงหยิบตำราเล่นหมากออกมาตั้งกระดานหมากตามในตำรา เดินหมากคนเดียวซ้ายขวาอยู่พักใหญ่ กระทั่งไหวซานเข้ามาเร่งเขา เขายังเอ้อระเหยอยู่อีกครู่หนึ่ง ถึงได้ขึ้นเตียงไปนอนหลับพักผ่อน

วันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉิงฉือกำลังคุยเรื่องของสิบสามห้างกับฉินจื่อผิงอยู่ ชิงเฟิงเข้ามารายงานว่า “นายท่านสี่ พ่อบ้านหม่าของตระกูลโจวมา ต้องการรับตัวคุณหนูรองกลับไปอยู่ที่ถนนผิงเฉียวสักสองสามวันขอรับ”

เฉิงฉือจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย

ตอนที่ 353 อำลา 1

ตอนที่ 353 อำลา 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน