เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 358

เลี่ยวเส้าถังพักอยู่ที่เป่าติ้งเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็เดินทางไปเทียนจินเลย

เขาจะเดินทางกลับไปฉลองปีใหม่ที่เจิ้นเจียงโดยเรือ

โจวเสาจิ่นยกถั่วแดงต้มน้ำตาลกรวดร้อนๆ ควันฉุยไปที่ห้องหนังสือ เอ่ยถามโจวเจิ้นว่า “พี่เขยกับท่านคุยอะไรกันบ้างหรือเจ้าคะ”

มองบุตรสาวที่สวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหังโจวสีชมพู บอบบางและงามสง่าดุจดอกบัวนั้นแล้ว รอยยิ้มของโจวเจิ้นก็เอ่อล้นทะลักออกมาจากใจ

เขาเอ่ยเย้าโจวเสาจิ่นว่า “พี่เขยของเจ้าพูดกับข้ามากมายหลายเรื่อง เจ้าอยากรู้เรื่องใดเล่า”

โจวเสาจิ่นเม้มปากหัวเราะ กล่าวขึ้นว่า “ข้าอยากรู้ว่าพี่เขยจะรับท่านพี่ไปอยู่จิงเฉิงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะได้ไปเยี่ยมท่านพี่ได้บ่อยๆ แล้วเจ้าค่ะ”

โจวเจิ้นกล่าวยิ้มๆ ว่า “พี่เขยของเจ้าเร่งมาหาอย่างรีบร้อนเช่นนี้ นอกจากจะมาบอกข้าเรื่องของตระกูลเฉิงแล้ว ยังอยากจะมาปรึกษาข้าเรื่องพี่สาวของเจ้าด้วย หลายปีมานี้ตระกูลเลี่ยวมีเรื่องวุ่นวายค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องความเห็นแก่ตัวของคนในตระกูล แล้วก็เรื่องที่ผู้นำตระกูลอย่างนายท่านใหญ่เลี่ยวผู้นี้ไม่อาจโน้มน้าวใจคนอื่นๆ ก็มีส่วนเป็นอย่างมาก ฮูหยินใหญ่เลี่ยวกับพี่สาวของเจ้าล้วนเป็นเพียงสตรีในเรือนชั้นใน บางเรื่องต่อให้มีใจก็ไม่มีกำลังพอ บางครั้งยังติดร่างแหจากนายท่านใหญ่เลี่ยวไปด้วย ความหมายของพี่เขยของเจ้าก็คือ รอให้พี่สาวของเจ้าคลอดลูกแล้วจะพาพวกนางแม่ลูกเข้าเมืองหลวงไปด้วย แต่ก็กลัวว่าลูกยังเล็กเกินไปพี่สาวของเจ้าจะดูแลไม่ไหว หลังจากกลับไปถึงแล้วอยากจะปรึกษาหารือกันว่าควรจะเชิญฮูหยินใหญ่เลี่ยวเข้าเมืองหลวงไปด้วยกันดีหรือไม่ ทั้งได้ดูแลพี่สาวของเจ้า แล้วก็ได้อุดปากคนตระกูลเลี่ยวพวกนั้นด้วย ข้าให้เขากลับไปหารือกับชูจิ่นดู ถ้าหากชูจิ่นคิดว่าว่าตัวเองเลี้ยงลูกตามลำพังแล้วจะเหน็ดเหนื่อยเกินไป เช่นนั้นก็เชิญฮูหยินใหญ่เลี่ยวไปดูแลลูกกับพี่สาวของเจ้าที่จิงเฉิงด้วย แต่ถ้าพี่สาวของเจ้ารู้สึกว่ามีความสามารถพอ เนื่องจากฮูหยินใหญ่เลี่ยวเป็นฮูหยินเอกของตระกูล ออกจากบ้านนานเกินไป เมื่อไปตกอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสในตระกูล นั่นก็คือการอกตัญญูอยู่ดี เรื่องนี้เขาต้องจัดการให้พอเหมาะ”

โจวเสาจิ่นหัวเราะคิกคักไม่หยุด กล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”

พี่สาวมีความสามารถถึงเพียงนั้น อีกทั้งยังมีบ่าวรับใช้อยู่ด้วยอีกกลุ่มหนึ่ง จะดูแลไม่ได้แม้กระทั่งเด็กเพียงคนเดียวได้อย่างไร

ท่านพ่อกล่าวเช่นนี้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไม่เห็นด้วยกับการให้ฮูหยินใหญ่เลี่ยวเข้าเมืองหลวงไปพร้อมกับพี่สาว

โจวเจิ้นยิ้มพร้อมกับบีบจมูกของนาง เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งว่า “เจ้าผีน้อยแสนรู้” จากนั้นทอดถอนใจกล่าวขึ้นว่า “ที่สำคัญคือตอนนี้ตระกูลเลี่ยววุ่นวายมากเกินไป ถ้าหากฮูหยินใหญ่เลี่ยวไม่ช่วยเป็นกันชนให้พี่สาวของเจ้า วันเวลาของพี่สาวของเจ้าคงไม่สะดวกสบายนัก รออีกสักสองสามปี ฮูหยินใหญ่เลี่ยวอายุมากขึ้น พี่เขยของเจ้าก็รับผิดชอบการงานเองได้แล้ว ค่อยรับฮูหยินใหญ่เลี่ยวไปอยู่ด้วยก็ไม่สาย ทว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปเล็กน้อย”

โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกๆ

ภรรยาสูงส่งตามความรุ่งโรจน์ของสามี

หากรับฮูหยินใหญ่เลี่ยวมาอยู่ด้วย นายท่านใหญ่เลี่ยวก็คงจะมาพักที่เมืองหลวงบ่อยๆ จากนั้นเวลาญาติพี่น้องของตระกูลเลี่ยวเข้าเมืองหลวงก็จะมาเยี่ยมเยียนนายท่านใหญ่เลี่ยวกับฮูหยินใหญ่เลี่ยว เรื่องของตระกูลเลี่ยวก็ยังคงจะรบกวนมาถึงพี่เขยกับพี่สาวอยู่ดี ตอนนี้พี่เขยยังไม่สำเร็จการสอบของราชสำนัก อยู่บ้านคำพูดจึงยังไม่มีน้ำหนัก เรื่องพวกนั้นพี่เขยก็ยังช่วยตัดสินใจให้ไม่ได้ มีแต่จะวุ่นวายจนคนรู้สึกเดือดร้อนใจเท่านั้น

ชาติก่อน โจวเสาจิ่นเคยประสบมาก่อน

มีครั้งหนึ่ง พี่สาวไม่รู้จะทำอย่างไรดี เคยมาแสร้งป่วยซ่อนตัวอยู่ที่บ้านสวนของนาง

ชาตินี้ โจวเสาจิ่นหวังว่าพี่สาวจะคลอดบุตรที่มีสุขภาพแข็งแรงได้สักสองสามคน และรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีก่อน แล้วค่อยไปสู้รบตบมือกับคนของตระกูลเลี่ยวพวกนั้น

สองพ่อลูกนั่งคุยกันอยู่ในห้องหนังสือนานครึ่งค่อนวัน กระทั่งถานเตี๋ยนสื่อของฝ่ายสืบสวนสอบสวนมีเรื่องมาขอเข้าพบโจวเจิ้น โจวเสาจิ่นถึงได้กลับไปที่เรือนชั้นใน

แต่นางเพิ่งจะก้าวขาเข้ามาในลานบ้าน ก็เห็นหลี่ซื่อกำลังส่งฮูหยินหวงออกมาจากห้องโถงพอดี

เมื่อเห็นโจวเสาจิ่น ฮูหยินหวงก็ก้าวออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น เอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูรองไปที่ใดมาหรือ พรุ่งนี้ที่บ้านของคหบดีหวังเชิญทุกคนไปชมดอกไม้ คุณหนูรองก็ไปด้วยกันเถิด คนงดงามถึงเพียงนี้ แต่ขังตัวอยู่ในบ้านมิให้ผู้ใดมองชม ช่างเสียของจริงๆ”

โจวเสาจิ่นลอบขมวดคิ้วมุ่น

นางไม่ชอบให้ผู้อื่นเอาเรื่องหน้าตาของนางไปพูด

แต่นางยังคงยิ้มน้อยๆ กล่าวทักทายฮูหยินหวงไปครั้งหนึ่งแล้วถึงได้กลับไปที่ห้องข้าง

ไม่นาน หลี่ซื่อก็เข้ามาหา เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่อยากไปหรือ”

“ไม่อยากไปเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าว “ข้าชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบออกไปข้างนอก”

หลี่ซื่อเห็นบนขอบหน้าต่างนั่นมีตุ๊กตาล้มลุกหน้าตาน่ารักไร้เดียงสาวางประดับอยู่คู่หนึ่ง แจกันดอกไม้บนโต๊ะน้ำชามีดอกซานฉาปักเอียงๆ อยู่สองสามดอก ในตะกร้าเข็มและด้ายบนหัวเตียงอิฐมีผ้ากันเปื้อนเด็กของโจวโย่วจิ่นโผล่ออกมาให้เห็นครึ่งหนึ่ง นางพอจะเข้าใจลักษณะนิสัยของโจวเสาจิ่นได้รางๆ แล้ว จึงกล่าวยิ้มๆ ขึ้นอย่างโล่งอกว่า “ข้าทราบแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปตอบปฏิเสธบ้านคหบดีหวัง”

“มิต้องหรอกเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “ข้าไม่ไป ท่านไปก็ได้แล้ว ต่อไปเรื่องพวกนี้ยังมีอีกมาก ท่านไม่อาจเอาแต่เห็นดีเห็นชอบกับข้าไปตลอดได้ ต่อให้ข้าอยู่ที่บ้านก็ไม่สบายใจอยู่ดี”

หลี่ซื่อกล่าวอย่างคลุมเครือว่า “รอข้าหารือกับนายท่านแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน!”

โจวเสาจิ่นกลับตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ไป

นางเองก็ไม่อยากรู้จักผู้ใด รู้สึกว่าที่เป็นอยู่อย่างเช่นทุกวันนี้ก็ดีมากแล้ว

โจวเจิ้นกลับรู้สึกว่านางควรจะไปทำความรู้จักคนให้มากขึ้นอีกสักสองสามคน เกลี้ยกล่อมให้นางไปร่วมงานชมดอกไม้ของบ้านคหบดีหวัง

โจวเสาจิ่นเศร้าใจเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะอยู่บ้านเลี้ยงโย่วจิ่นเจ้าค่ะ”

โจวเจิ้นพลันเปลี่ยนน้ำเสียงในทันที กล่าวว่า “เจ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็แล้วกัน”

โจวเสาจิ่นถึงได้แย้มรอยยิ้มออกมา

โจวเจิ้นยิ้มพลางส่ายศีรษะไม่หยุด

โจวเสาจิ่นกลับนึกถึงสหายเก่าผู้หนึ่งขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านรู้จักตระกูลฟ่านของเป่าติ้งนี้หรือไม่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่ของจวนเหลียงกั๋วกงแต่งเข้าตระกูลฟ่านของเป่าติ้ง ข้าอยากจะไปเยี่ยมนางสักหน่อย ท่านช่วยสอบถามให้ข้าหน่อยนะเจ้าคะ!”

โจวเจิ้นรับปาก

ผู้ใดจะรู้ว่าคืนวันนั้นโจวโย่วจิ่นกลับมีไข้ขึ้นมา ไข้ขึ้นสูงจนดวงหน้าน้อยๆ นั่นแดงก่ำไปหมด ร้องไห้ไม่หยุด

โจวเสาจิ่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ชาติก่อนน้องสาวของนางผู้นี้ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก

นางคุกเข่าลงตรงหน้าโต๊ะบูชาด้วยความเคารพยำเกรงสวดอ้อนวอนให้โจวโย่วจิ่น

สองวันต่อมา โจวโย่วจิ่นก็หายเป็นปลิดทิ้ง

โจวเสาจิ่นโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ตัดสินใจว่าจะไปจุดธูปที่วัดต้าฉือเก๋อ

เรื่องที่นางสวดอ้อนวอนเพื่อโจวโย่วจิ่นนั้นโจวเจิ้นทราบเรื่องแล้ว คิดว่าตอนที่โจวโย่วจิ่นไม่สบายนั้นนางคงไปสัญญาอะไรต่อหน้าองค์พระโพธิสัตว์เอาไว้ จึงอยากไปทำตามคำสัญญานั้น ก็เลยไม่ขัดขวางนาง ให้คนคุ้มกันของภรรยาคุ้มกันนางไปที่วัดต้าฉือเก๋อ

หลี่ซื่อซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง จับมือของโจวเสาจิ่นเอาไว้ด้วยดวงตาแดงก่ำกว่าครู่ใหญ่ก็ยังพูดอะไรไม่ออก

โจวเสาจิ่นเองก็ปลอบใจคนไม่เก่ง จึงยิ้มให้แล้วกลับห้องข้างไป

แต่เมื่อวันนั้นมาถึง กลับมีหิมะตกลงมาอย่างหนัก

เกล็ดหิมะดุจก้อนสำลี ตกลงมาเป็นจำนวนมาก ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป หลังคาบ้านก็ขาวโพลน

หลี่ซื่อเอ่ยขึ้นอย่างลังเลว่า “หิมะตกหนักขนาดนี้ คุณหนูรองค่อยไปจุดธูปวันอื่นเถิด!”

ตอนที่ 358 พบอีกครั้ง 1

ตอนที่ 358 พบอีกครั้ง 2

ตอนที่ 358 พบอีกครั้ง 3

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน