เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 359

เฉิงฉือมองใบหน้าเล็กขาวดุจหิมะของโจวเสาจิ่นที่ปกคลุมด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมทอเค่อซือบุขนปุกปุยนุ่มสีน้ำเงินไพลินลายหรูอี้นั้นแล้ว ก็ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

ไม่เจอเพียงไม่กี่วัน ดวงหน้าของเด็กน้อยเบ่งบานขึ้น มีความชดช้อยอ่อนหวานและงดงามของสตรีขึ้นมาแล้ว

เขากับโจวเจิ้นพูดคุยกันอีกสองสามประโยค จากนั้นถามโจวเสาจิ่นว่า “หิมะตกหนักถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงคิดอยากไปไหว้พระได้”

โจวเสาจิ่นอึกอักไม่กล้าตอบออกมา

ดูเหมือนเด็กดื้อคนหนึ่งที่สร้างปัญหาแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้ขึ้นมาก็ไม่ปาน

เฉิงฉือยิ้มกว้างยิ่งขึ้น หันกลับไปกล่าวกับโจวเจิ้นว่า “เรื่องราวคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ ใต้เท้าโจวจิตใจกว้างขวาง จื่อชวนรู้สึกชื่นชมและละอายใจยิ่งนัก หลังจากกลับไปแล้วจะสั่งสอนเจียซ่านให้ดีอย่างแน่นอน ให้สมกับความใจกว้างของใต้เท้าโจว เพียงแต่ว่าข้ายังมีธุระต้องไปจัดการอีก หากอาศัยอยู่ในจวนที่ว่าการหยาเหมินเกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวก จึงไม่รบกวนใต้เท้าโจวแล้วจะดีกว่า”

โจวเจิ้นจึงไม่รั้งเขาเอาไว้ เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าไปส่งจื่อชวนที่ประตูก็แล้วกัน”

โจวเสาจิ่นยืนบื้อใบ้อยู่ตรงนั้น

ท่านน้าฉือมาบ้านของนางแล้วแต่ไม่ค้างคืนที่บ้านของพวกนางอย่างนั้นหรือ

เหตุใดบิดาถึงไม่คะยั้นคะยอรั้งเขาเอาไว้

นอกจากนี้ นางยังได้พบกับเซียวเจิ้นไห่ที่วัดนั่นอีก…

มือและเท้าของโจวเสาจิ่นไวกว่าสมองไปหนึ่งก้าว คว้าสาบเสื้อของเฉิงฉือเอาไว้ เอ่ยขึ้นว่า “ท่านน้าฉือ ท่านรับปากเอาไว้ว่าจะมาเยี่ยมข้ามิใช่หรือเจ้าคะ นี่ข้าเพิ่งกลับเข้ามาท่านก็จะไปแล้ว…ท่านพักอยู่ที่บ้านของข้าสักสองสามวันเถิดนะเจ้าคะ”

นอกจากนี้หากว่าเป็นเช่นนี้ เซียวเจิ้นไห่ก็จะตามหาตัวท่านน้าฉือไม่เจอแล้ว อย่างน้อย ต่อให้เซียวเจิ้นไห่รู้ว่าท่านน้าฉือพักอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่กล้าบุกเข้ามาในที่ทำการของเจ้าเมืองอยู่ดี

นางหันไปมองบิดา เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านรั้งท่านน้าฉือเอาไว้สักหน่อยนะเจ้าคะ ตอนข้าอยู่ที่ซอยจิ่วหรู ต้องขอบคุณที่มีท่านน้าฉือคอยดูแล”

เฉิงฉือลอบส่ายศีรษะอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้

เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ เมื่อครู่ยังนึกว่านางโตแล้ว แต่เพียงพริบตาเดียวความจริงก็เผยออกมาจนได้

มีการรั้งแขกเอาไว้เช่นนี้ด้วยหรือ

เขาทำลายล้างตระกูลเซียว เซียวเจิ้นไห่นำผู้อาวุโสของตระกูลที่หนีรอดออกมาได้สองสามคนมาตามหาเขาเพื่อแก้แค้นกันอยู่! หากเขาพักอยู่ที่นี่แล้วถูกเซียวเจิ้นไห่ค้นพบเข้า ถ้าหากเขาจับตามองตระกูลโจวล่ะก็คงจะวุ่นวายเป็นแน่แล้ว

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ายังมีธุระ ค่อยมาเยี่ยมเจ้าวันอื่นก็แล้วกัน”

โจวเจิ้นมองแล้วก็รู้สึกปวดศีรษะ

เฉิงฉือเป็นตัวแทนของซอยจิ่วหรูมากล่าวขอโทษเขาถึงเรื่องของเฉิงสวี่ เขาเห็นว่าบุตรสาวทั้งสองคนล้วนเติบโตอยู่ที่ซอยจิ่วหรู การรับมือจัดการเรื่องของตระกูลเฉิงก็เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือร่างกายของโจวเสาจิ่นล้วนไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงอะไร จึงไม่ได้เอาเรื่องตระกูลเฉิง พูดกันตามจริงแล้วเฉิงจื่อชวนควรจะรับรู้ได้ถึงเจตนาดีของตนถึงจะถูก แต่พอเขาพยายามเรียกขานเขาว่าน้องจื่อชวน เฉิงจื่อชวนกลับเอาแต่เรียกเขาว่าใต้เท้าโจว รอยยิ้มดูอบอุ่นทว่ากลับมีความเยือกเย็นแปลกๆ แผ่ออกมาจากส่วนลึกอยู่หลายส่วน

โจวต้าเฉิงอย่างเขามิใช่คนหน้าหนาไร้ยางอายประเภทนั้น

ต่อไปหากพบกันอีกก็ทักทายกันตามมารยาทก็พอ

เขาก็เลยไม่คิดอยากจะรั้งเฉิงจื่อชวนให้พักอยู่ที่บ้านด้วย

เสาจิ่นฟังไม่ออกหรืออย่างไร

แต่เมื่อเขาเห็นสายตาอ้อนวอนที่เผยออกมาจากดวงตาของโจวเสาจิ่นแล้วก็ทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบ ได้แต่เอ่ยขึ้นว่า “จื่อชวน เจ้าดู แม้แต่เสาจิ่นเองก็ยังรั้งเจ้าเอาไว้อย่างจริงใจถึงเพียงนี้ เจ้าก็อยู่ที่นี่สักสองสามวันเถิด ไม่อย่างนั้นหากข้ากลับเมืองจินหลิงไป จะไปพบฮูหยินผู้เฒ่ากวนและฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้อย่างไร”

โจวเสาจิ่นจึงหันไปมองเฉิงฉือ

ดวงตาดำงดงามทั้งคู่รื้นชื้น ประหนึ่งสัตว์ตัวน้อยที่ยังรอให้มีอาหารมาป้อน

เฉิงฉือพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

เดิมทีคิดว่าปราบเซียวเจิ้นไห่เสร็จแล้วจะมาจัดการคนของตระกูลเซียว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องของเซียวเจิ้นไห่ก็คงต้องเอาไว้ก่อนแล้ว

เขายิ้มพลางกล่าวกับโจวเจิ้นว่า “เช่นนั้นข้าขอน้อมรับเอาไว้แล้ว”

นัยน์ตาของโจวเจิ้นมีแววประหลาดใจสายหนึ่งวาบผ่าน

เฉิงจื่อชวน…โปรดปรานเสาจิ่นจริงๆ ด้วย!

ในรอยยิ้มนั่นมีความอบอุ่นแฝงอยู่

อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นเรื่องดี

พิสูจน์ได้ว่าเสาจิ่นมีชีวิตที่ดีตอนอยู่ที่ซอยจิ่วหรู

เอาเถิด ดูจากสีหน้าของบุตรสาวแล้ว เขาจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเฉิงจื่อชวนด้วยเรื่องพวกนี้แล้วก็แล้วกัน

โจวเจิ้นยิ้มพร้อมกับตะโกนเรียกหลี่ฉางกุ้ยเข้ามา สั่งให้เขาไปเตรียมเรือนรับรองแขกให้เฉิงจื่อชวน กล่าวด้วยว่า “ไปแจ้งฮูหยินสักหน่อย ให้นางไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มที่หออี้ชุนมา วันนี้ข้ากับจื่อชวนจะได้ร่ำสุรากันสักสองสามจอก”

โจวเสาจิ่นรีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านน้าฉือไม่กินปลาเจ้าค่ะ”

หลี่ฉางกุ้ยรับคำอย่างนอบน้อม ยิ้มพร้อมกับถอยออกไป

โจวเจิ้นรู้สึกทดท้อใจเล็กน้อย

จื่อชวนไม่กินปลา แต่เขาชอบกินปลานี่นา!

เขาเชิญเฉิงจื่อชวนไปดื่มน้ำชาที่ห้องหนังสือ

เฉิงฉือยังไม่ทันได้อ้าปาก โจวเสาจิ่นก็แสร้งเอ่ยออกมาอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อยก่อนว่า “ท่านพ่อ ท่านก็จริงๆ เลย ท่านน้าฉือเพิ่งจะมาถึง ก็อยู่พูดคุยกับท่านไปกว่าครึ่งค่อนวันแล้ว ท่านจะไม่ให้เขากลับไปพักผ่อนให้เร็วสักหน่อยหรือ ยังจะดื่มชาอะไรอีกเจ้าคะ อย่างไรเสียท่านน้าฉือก็ต้องอยู่ที่บ้านพวกเราอีกหลายวัน ท่านอยากดื่มชากับเขา ยังมีเวลาอีกมากเจ้าค่ะ วันนี้ให้ท่านน้าฉือกลับไปพักผ่อนให้ไวสักหน่อยเถิด ประเดี๋ยวยังต้องมาร่ำสุรากับท่านอีก!”

นางยังมีเรื่องของเซียวเจิ้นไห่ที่ต้องบอกท่านน้าฉืออยู่อีก!

โจวเสาจิ่นเองไม่ได้สนใจว่าโจวเจิ้นจะว่าอะไรบ้าง ดึงเฉิงฉือเอาไว้หมายจะเดินออกไปด้านนอก ยังกล่าวอีกว่า “ท่านน้าฉือ ข้าจะพาท่านไปที่เรือนรับรองแขกเอง ข้ารู้ว่าเรือนรับรองแขกอยู่ที่ไหนเจ้าค่ะ!”

กระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง

เฉิงฉืออดยิ้มออกมาไม่ได้

เด็กน้อยดูมีชีวิตชีวากว่าตอนอยู่เรือนปี้ซานมาก เห็นได้ชัดว่าโจวเจิ้นกับหลี่ซื่อปฏิบัติกับนางไม่เลวเลยทีเดียว การส่งนางกลับมานับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

แต่รอยยิ้มนี้ยังค้างอยู่ที่ดวงตา สีหน้าของเฉิงฉือก็เคร่งขึ้นเล็กน้อย

เขาเห็นหัวคิ้วของโจวเจิ้นขมวดมุ่นขึ้นเล็กน้อย น้อยจนแทบจะมองไม่เห็น

โจวต้าเฉิงคงไม่ชอบที่เสาจิ่นปฏบัติกับตนเช่นนี้

ถ้าหากเขาเป็นโจวเจิ้น คาดว่าก็คงไม่ชอบเหมือนกัน

เฉิงฉือยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น โจวเสาจิ่นจึงลากตัวเขาไปไม่ได้

โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉืออย่างไม่เข้าใจ

ตอนที่ 359 เยี่ยมเยียน 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน