เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 373

ไม่ได้เจอซ่งเซินสองปี ไม่รู้ว่าเขาจะนิ่งขึ้นบ้างหรือยัง

ยังมีท่านผู้เฒ่าซ่งอีก ไม่รู้ว่าคุ้นเคยกับการอยู่ในเมืองหลวงหรือยัง จะท่องเที่ยวไปทั่วทุกที่หรือไม่

มีความคิดมากมายวาบผ่านเข้ามาในหัวของโจวเสาจิ่น นางกล่าวกับพี่สาวยิ้มๆ ว่า “ถึงเวลาเมื่อได้พบแล้วก็จะรู้เองเจ้าค่ะ”

โจวชูจิ่นพยักหน้ายิ้มๆ ให้หยางมามาเชิญมามาของตระกูลซ่งเข้ามา

กระทั่งมามาของตระกูลซ่งเข้ามา เมื่อทั้งสองคนพบหน้ากัน ที่แท้ก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันนี่เอง

เมื่อครั้งที่ฮูหยินซ่งไปพักอยู่ที่ตระกูลเฉิงเป็นระยะสั้นๆ ในครั้งนั้น มามาแซ่หวงผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่ติดตามไปด้วย ตระกูลเดิมของฮูหยินซ่งก็แซ่หวง คาดว่าคงเป็นคนสนิทของฮูหยินซ่ง

โจวชูจิ่นหันไปส่งสายตาให้ฉือเซียงครั้งหนึ่ง จากนั้นถึงได้กล่าวทักทายพูดคุยกับหวงมามา

หวงมามาผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “หลายวันก่อนฮูหยินของพวกข้าได้ยินนายท่านเอ่ยขึ้นมาถึงได้ทราบว่าต้ากูไหน่ไนกับคุณหนูรองเดินทางเข้าเมืองหลวงมาพร้อมกับนายท่านสี่ของตระกูลเฉิงด้วย ฮูหยินกล่าวว่า ต้ากูไหน่ไนกับคุณหนูรองเพิ่งมาถึงจิงเฉิงเป็นครั้งแรก นายท่านหลายท่านของตระกูลเฉิงในเมืองหลวงล้วนไม่ได้พาสตรีในเรือนชั้นในเข้าเมืองหลวงมาด้วย หากมีเรื่องที่ไม่สะดวกสำหรับสตรีอะไร ก็คงไม่อาจไปร้องขอท่านลุงทั้งหลายได้ ดังนั้นจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นการเฉพาะ หากต้ากูไหน่ไนกับคุณหนูรองมีเรื่องอะไร ก็ให้ส่งคนไปแจ้งฮูหยินของพวกข้าสักคำ อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาดเจ้าค่ะ”

โจวชูจิ่นกล่าวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า รับเทียบมา รั้งให้หวงมามาอยู่รับประทานอาหารด้วย

หวงมามากล่าวว่าทางด้านฮูหยินซ่งยังรอให้นางกลับไปรายงานอยู่ จึงปฏิเสธอย่างสุภาพไป

โจวชูจิ่นไม่ได้ฝืนบังคับ บอกให้ฉือเซียงไปส่งแขก

ฉือเซียงได้รับสัญญาณจากโจวชูจิ่นแล้ว จึงมอบเงินรางวัลเป็นสินน้ำใจให้หวงมามาสองเท่า

หวงมามาเข้าออกเรือนชั้นในบ่อยๆ จึงเป็นธรรมดาที่ย่อมทราบน้ำหนักหนักเบาดี ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ทว่าในใจกลับมีความรู้สึกดีต่อสองพี่น้องตระกูลโจว เมื่อกลับไปแล้วจึงกล่าวชมสองพี่น้องครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดปาก

ฮูหยินซ่งกล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่ยังต้องให้เจ้าบอกด้วยหรือ! ถ้าหากมิใช่คนจิตใจดีมีน้ำใจกว้างขวางประเภทนั้นล่ะก็ ข้าเองก็คงจะไม่หาเรื่องให้ตัวเองหรอก”

ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ซ่งเซินก็วิ่งเข้ามา

พอเขาพุ่งตัวเข้าใส่อ้อมกอดของฮูหยินซ่งแล้วก็ร้องขึ้นมาว่า “ท่านแม่ไปหาพี่นางฟ้า แต่ไม่พาข้าไปด้วย ข้าอยากไปด้วย! ข้าเองก็อยากไปด้วยขอรับ!”

ฮูหยินซ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่ชอบใจว่า “เจ้าอายุเท่าไรกันแล้ว ยังทำตัวดื้อรั้นเช่นนี้อยู่อีก ระวังท่านพ่อของเจ้าจะกลับมาตีเจ้า รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ หนังสือที่อาจารย์ให้ท่องวันนี้ท่องเสร็จหรือยัง คัดอักษรได้กี่หน้าแล้ว”

ซ่งเซินได้ยินแล้วก็ยืนตัวตรงขึ้นมา กล่าวอย่างออดอ้อนว่า “หนังสือที่อาจารย์ให้ท่องข้าท่องเสร็จไปตั้งนานแล้ว อักษรก็คัดเสร็จแล้ว ท่านแม่อย่าได้คิดจะใช้การบ้านมาควบคุมข้า ข้าอยากไปหาพี่นางฟ้าด้วย หากท่านไม่ให้ข้าไป ข้าก็จะแอบไป ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไป”

ฮูหยินซ่งไม่รู้จะทำอย่างไรกับปีศาจร้ายตนนี้จริงๆ แต่จะให้พาซ่งเซินไปเยี่ยมสตรีในห้องหอด้วย ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจตกปากรับคำได้

ซ่งเซินกลอกตาไปมา ออกจากห้องชั้นในของฮูหยินซ่งไปด้วยอาการหดหู่ไร้ชีวิตชีวา

ทว่าฮูหยินซ่งมองแล้วกลับรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย สั่งการคนข้างกายว่า “ดูคุณชายน้อยเอาไว้ให้ดี หากเขาวิ่งพล่านออกไปข้างนอกอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าผู้ใดก็แล้วกัน”

บ่าวไพร่ทุกคนต่างขานรับคำอย่างพร้อมเพรียงกัน

ถัดจากนั้นหนึ่งวัน ฮูหยินซ่งแต่งกายอย่างงดงามด้วยไข่มุกและหยกต่างๆ ไปที่ซอยอวี๋ซู่

โจวเสาจิ่นประคองโจวชูจิ่นเอาไว้ รอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับหลี่ซื่อและโจวโย่วจิ่น

ฮูหยินซ่งลงจากเกี้ยวก็ยิ้มพลางคารวะหลี่ซื่อ เอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้นี้คงเป็นฮูหยินของใต้เท้าโจวกระมัง พวกเราเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก คิดไม่ถึงว่าฮูหยินโจวจะงดงามเพียงนี้” อีกทั้งยังหยอกล้อโจวโย่วจิ่นที่อยู่ด้านหลังนาง ถอดกำไลข้อมือทองคำบนข้อมือออกมามอบให้โจวโย่วจิ่นเป็นของขวัญพบหน้า

หลี่ซื่อรีบกล่าวว่า “มิกล้า” ติดๆ กัน หลังจากเอ่ยคำเกรงใจฮูหยินซ่งไปหลายประโยคแล้ว ก็ให้โจวโย่วจิ่นกล่าวขอบคุณฮูหยินซ่ง จากนั้นเบี่ยงตัวหลบไปอยู่ข้างๆ

ฮูหยินซ่งจึงจับมือของโจวชูจิ่นเอาไว้ กล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “ตอนนี้เจ้ากำลังท้องกำลังไส้อยู่ เหตุใดถึงออกมาต้อนรับข้าที่หน้าประตูด้วยเล่า มีเรื่องอะไรมอบหมายให้เสาจิ่นก็พอแล้ว เสาจิ่นเดินทางไกลมาจิงเฉิงเป็นเพื่อนเจ้ากว่าพันหลี่ ก็มิใช่เพื่อมาดูแลเจ้าหรอกหรือ เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้าหรอก!”

นางกล่าวหยอกล้อสองพี่น้องตระกูลโจว

หลี่ซื่อและคนอื่นๆ หัวเราะออกมาตามโอกาส

โจวเสาจิ่นกับโจวชูจิ่นแลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่ง

ดูแล้วฮูหยินซ่งคงยังไม่ทราบเรื่องที่โจวเสาจิ่นออกมาจากตระกูลเฉิงแล้ว

แน่นอนว่าพวกนางเองก็ย่อมจะไม่เอ่ยถึงอย่างคนไม่รู้ความขนาดนั้นเช่นกัน

เนื่องจากเรื่องที่โจวเสาจิ่นออกมาจากตระกูลเฉิงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีสักเท่าไร พูดออกไปอาจจะทำให้เฉิงสวี่เสื่อมเสียชื่อเสียงได้ พวกเขาที่เป็นญาติเหล่านี้ก็ย่อมจะถูกผู้อื่นขบขันไปด้วยเช่นกัน

คนทั้งกลุ่มยิ้มพร้อมกับพาฮูหยินซ่งไปนั่งในห้องโถง

หลี่ซื่อนั่งลงเป็นเพื่อนฮูหยินซ่ง

ฮูหยินซ่งมองสำรวจการตกแต่งภายในห้อง ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าไม่หยุด “ภาพดอกท้อส่งกลิ่นหอมหวานกลางห้องโถงภาพนี้ช่างเข้ากับฤดูกาลเสียจริง”

โจวชูจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “เป็นผลงานเก่าของสืออวี้ซี บิดามอบให้ข้าตอนแต่งงานเจ้าค่ะ”

สืออวี้ซีเป็นปรมาจารย์ด้านภาพบุปผาและสกุณาผู้เลื่องชื่อในรัชสมัยก่อน

โจวเสาจิ่นรับจอกน้ำชาที่สาวใช้ยกเข้ามาให้นำไปวางลงตรงหน้าฮูหยินซ่ง

ฮูหยินซ่งรับจอกน้ำชาไปจิบคำหนึ่ง เพิ่งจะกล่าว “บิดาของเจ้าช่างคิดเผื่อเจ้าได้อย่างรอบด้าน จัดเตรียมสินเจ้าสาวได้ประณีตถึงเพียงนี้” ไปหนึ่งประโยค จู่ๆ ก็มีเสียงอึกทึกดังเข้ามาจากด้านนอกเสียงหนึ่งอย่างกะทันหัน

หลี่ซื่อพลันมีสีหน้ามืดครึ้ม โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ขึ้นก่อนว่า “คาดว่าคงมีเรื่องอะไร ข้าจะออกไปดูสักหน่อยนะเจ้าคะ”

ฮูหยินซ่งมาด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะยังระลึกถึงวาสนาที่ได้ร่วมเดินทางบนเรือลำเดียวกับโจวเสาจิ่นในตอนนั้น นอกจากนี้ในเมื่อมาแล้ว นางก็คิดจะไปมาหาสู่กับสตรีของตระกูลโจว จึงเป็นธรรมดาที่ย่อมจะไม่คิดจุกจิกกับเรื่องพวกนี้

นางพยักหน้ายิ้มๆ ยังหาทางลงให้โจวเสาจิ่นด้วยว่า “ในบ้านมีคนมาก เรื่องจึงมากไปด้วย จึงย่อมมีเวลาที่ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

โจวเสาจิ่นขานรับคำ “เจ้าค่ะ” อย่างซาบซึ้งใจ หมุนกายกำลังจะออกจากประตูไป พอเลิกผ้าม่านขึ้น ก็เห็นเด็กหนุ่มสวมอาภรณ์สีน้ำเงินไพลินผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา กอดเอวของโจวเสาจิ่นเอาไว้แน่น ตะโกนร้องว่า “พี่นางฟ้า” จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สาวดีที่สุด รู้ว่าข้ามาถึง ก็ออกมาต้อนรับข้า!”

นี่มันเรื่องจากที่ใดกัน

ตอนที่ 373 สหายเก่า 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน