เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 380

เที่ยงของวันถัดมา โจวชูจิ่นมอบหมายให้โจวเสาจิ่นนำจดหมายไปส่งให้เฉิงฉือ

โจวเสาจิ่นถือจดหมายเอาไว้ไม่ขยับ ดวงตากลอกไปมาไม่หยุด เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าท่านพี่บอกข้าว่าเมื่อวานท่านน้าฉือคุยอะไรกับท่านบ้าง ข้าก็จะไปส่งจดหมายให้ท่านน้าฉือเจ้าค่ะ”

เมื่อวานหลังจากที่เฉิงฉือจากไปแล้วนางก็เฝ้าเพียรถามพี่สาว ทว่าพี่สาวกลับยังคงเงียบ ปิดปากแน่นสนิท

“เจ้ายังจะมาต่อรองกับข้าอีกหรือ!” โจวชูจิ่นเดินไปบีบจมูกของโจวเสาจิ่น กล่าวว่า “เจ้าไม่อยากไปใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะให้ฉือเซียงไปก็แล้วกัน! อย่างไรเสียก็เพียงไปส่งจดหมายฉบับหนึ่งเท่านั้น ให้เจ้าไป ก็เพียงเพราะต้องการแสดงความเคารพของพวกเราที่มีต่อท่านน้าฉือก็เท่านั้น…”

ได้เจอหน้าเฉิงฉือ อีกทั้งยังได้พูดคุยกับเฉิงฉือด้วย โอกาสเช่นนี้โจวเสาจิ่นจะปล่อยไปได้อย่างไร!

นางหันหน้าหนี หลบมือของโจวชูจิ่น ยู่ปากพึมพำกล่าวว่า “ไปก็ไป! ท่านพี่ทำเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ! หากบีบจมูกของข้าจนหักไป คอยดูข้าจะร้องไห้ให้ท่านดู!”

“ข้าเคยแต่ได้ยินว่าถูกชนจนจมูกหัก ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีใครถูกบีบจนจมูกหัก” โจวชูจิ่นอดหัวเราะไม่ได้ กล่าวว่า “แค่เอาจดหมายไปส่งฉบับเดียวใครใช้ให้เจ้าพูดมากถึงเพียงนี้”

โจวเสาจิ่นก็แค่อยากรู้

นางสัมผัสได้รางๆ ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับตนเองเป็นแน่

นางกอดแขนของโจวชูจิ่นเอาไว้อย่างออดอ้อน ร้องคำว่า “ท่านพี่” ไม่หยุด

โจวชูจิ่นเห็นว่าใกล้เวลาเข้าไปทุกทีแล้ว เกรงว่าหากขึงขังต่อไปมีแต่จะเสียเรื่อง จึงกึ่งแสร้งทำท่าทีไร้ทางเลือกออกมาพลางกล่าว “เป็นเรื่องของเฉิงลู่ ท่านน้าฉือของเจ้าไม่ให้ข้าบอกเจ้า เจ้าไปถามเขาเอาเองก็แล้วกัน”

โจวเสาจิ่นได้ยินเช่นนั้นดวงตาก็เป็นประกาย เอ่ยถามขึ้นว่า “แสดงว่าเรื่องของเฉิงลู่นั่นเป็นฝีมือของท่านน้าฉือหรือเจ้าคะ”

โจวชูจิ่นพยักหน้ายิ้มๆ กล่าวอย่างมีนัยแอบแฝงว่า “ท่านน้าฉือของเจ้าล้วนหวังดีต่อเจ้า ต่อไปอยู่ต่อหน้าท่านน้าฉือเจ้าต้องเชื่อฟังเสียบ้าง!”

โจวเสาจิ่นพยักหน้าพร้อมกับยิ้มตาหยี กล่าวอย่างลิงโลดว่า “ข้าเชื่อฟังมากอยู่แล้ว ท่านพี่ยังจะให้ข้าเชื่อฟังอย่างไรอีกหรือเจ้าคะ โดนตีก็ให้อดทนไว้ โดนด่าก็ให้อดทนไว้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ”

โจวชูจิ่นมองท่าทางของโจวเสาจิ่นแล้วก็รู้ได้ว่าเฉิงฉือจะต้องตามใจนางมากเป็นแน่ เพราะฉะนั้นนางถึงได้ไม่กลัวท่านน้าผู้ดูแลกิจการของซอยจิ่วหรูผู้นี้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ก็ได้!” นางเอ่ยเย้าน้องสาวยิ้มๆ ว่า “ถึงเวลานั้นหากท่านน้าฉือตีเจ้าหรือด่าเจ้า เจ้าก็ต้องอดทนไว้ ห้ามร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับมาเป็นเด็ดขาด”

“ท่านใช่พี่สาวของข้าหรือไม่” โจวเสาจิ่นผลักพี่สาวครั้งหนึ่งด้วยท่าทางกรุ่นโกรธ จากนั้นก็หัวเราะคิกคักวิ่งออกจากห้องชั้นในไป

ตอนที่หลี่ซื่อยกน้ำแกงปลาไนเข้ามานั้นได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบิกบานอย่างมีความสุขของโจวเสาจิ่นเท่านั้น

นางอดหัวเราะตามขึ้นมาด้วยไม่ได้ เอ่ยถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ คุณหนูรองถึงได้ดูมีความสุขเพียงนั้น”

ใบหน้าของโจวชูจิ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีปรีดาที่ปิดไม่มิด เม้มปากกลั้นยิ้มพลางตอบว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงกล่าวเย้าหยอกกับนางไปสองประโยคเท่านั้น!”

เวลานี้ยังมิใช่เวลามาพูดเรื่องของโจวเสาจิ่น ประเดี๋ยวรอให้น้องสาวกลับมาก่อน ก็จะรู้แล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

นางรับถ้วยกระเบื้องเคลือบมาจากมือของหลี่ซื่อพร้อมกับกล่าวยิ้มๆ ว่า “ระยะนี้ท่านเองก็เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย อีกสองวันข้าก็จะอยู่เดือนครบแล้ว เรื่องบางอย่างข้าทำเองได้แล้ว ท่านเองก็จะได้พักผ่อนบ้างแล้ว!”

นึกถึงว่าน้องสาวใกล้จะได้แต่งงานกับคนดีๆ สักคนหนึ่งแล้ว สีหน้าของโจวชูจิ่นดูอ่อนโยนขึ้นเป็นอย่างมาก

หลี่ซื่อเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม เอ่ยซ้ำๆ ว่า “มิกล้า”

โจวเสาจิ่นกลับถึงห้อง เปลี่ยนไปสวมชุดเพ่ยจื่อผ้าไหมหังโจวสีขาวพระจันทร์ลายข้าวหลามตัดคู่ กระโปรงจีบสีชมพูเข้มลายดอกอวี้จาน เส้นผมดุจไหมสีดำม้วนขึ้นเป็นมวยมวยหนึ่ง ประดับหวีสับฝังมุกใต้เอาไว้เพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น ยิ่งเผยให้ดวงหน้าขาวนวลเนียนดูอ่อนโยนงดงามมากยิ่งขึ้น นำลูกประคำไม้กฤษณาหนึ่งร้อยแปดเม็ดเส้นนั้นมาพันสวมไว้ที่ข้อมือ ส่องกระจกครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้ออกมาจากเรือนด้านหลังด้วยใบหน้าแต้มยิ้มและขึ้นเกี้ยวไป

ครั้งนี้เฉิงฉือรอนางอยู่ในห้องรับแขกอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ว่านางเพิ่งจะมอบจดหมายให้เฉิงฉือเสร็จ นายท่านผู้เฒ่าซ่งผู้นั้นก็มาหาเสียแล้ว

โจวเสาจิ่นยู่ปาก

เฉิงฉือยิ้มขื่นพลางเอ่ยขึ้นว่า “นายท่านผู้เฒ่าซ่งมาหาข้าเพราะมีธุระ หลายวันมานี้องค์ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งเรียกตัวขุนนางและเจ้าพนักงานไปร่วมกันถกเรื่องการป้องกันปัญหาอุทกภัยของแม่น้ำเหลือง นายท่านผู้เฒ่ามาหาข้า ให้ข้าช่วยเขาเขียนแนวทางแก้ปัญหาอุทกภัยด้วยกันสักข้อหนึ่ง เดิมทีข้าเข้าใจว่าเป็นขุนนางใหญ่ซ่งที่ต้องการใช้ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าตอนที่ขุนนางใหญ่ซ่งส่งเข้าไปในสำนักพระราชวังนั้นกลับเขียนชื่อของข้าเอาไว้ในสารฉบับนั้น ตอนนั้นพี่ชายใหญ่ของข้าก็อยู่ด้วย ภาพเหตุการณ์นั้น เจ้าคงพอจะจินตนาการได้กระมัง เมื่อวานพี่ใหญ่เรียกข้าไปต่อว่าอย่างรุนแรงไปชุดหนึ่ง เช้าตรู่ของวันนี้ก็มีจดหมายจากซอยซวงอวี๋ให้ข้าเข้าไปหาครั้งหนึ่งอีกด้วย…แต่ข้าอยากจะหารือเรื่องนี้กับนายท่านผู้เฒ่าซ่งก่อนจะทำอย่างไรดี”

โจวเสาจิ่นได้ยินเช่นนั้น ไหนเลยจะยังเคืองโกรธอะไรได้อีก รีบกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นรีบเชิญนายท่านผู้เฒ่าซ่งเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ” ยังเอ่ยถามเขาอย่างเป็นห่วงว่า “นายท่านผู้เฒ่ารองคงไม่ลงโทษท่านหรอกกระมัง”

“ไม่รู้เหมือนกัน” เฉิงฉือกล่าว “เมื่อวานพี่ใหญ่ของข้าเอาแต่ตำหนิข้า ข้าเองก็เอาแต่โมโห จึงไม่ได้ถามว่าพวกขุนนางและเจ้าพนักงานทั้งหลายมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง คงได้แต่ต้องดูว่านายท่านผู้เฒ่าซ่งจะทราบหรือไม่เท่านั้นแล้ว สรุปแล้วเรื่องนี้ช่างวุ่นวายจริงๆ!”

โจวเสาจิ่นยิ้มตาหยีขณะมองเขา คล้ายกับลูกแมวที่แอบขโมยกินปลาเข้าไป

เฉิงฉือใจเต้นขึ้นมาในทันใด เอ่ยถามว่า “มีอะไรหรือ”

“เปล่าเจ้าค่ะๆ” โจวเสาจิ่นกล่าว ทว่าก็ยังคงกล่าวคำพูดในใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ว่า “ถ้าหากว่าองค์ฮ่องเต้ทรงให้ท่านไปเป็นขุนนางเนื่องด้วยเรื่องนี้ก็คงจะดียิ่งนักเจ้าค่ะ! ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นท่านผู้นำตระกูลจวนรองก็ไม่อาจขัดขวางท่านได้แล้ว”

ที่แท้เด็กน้อยก็คิดเช่นนี้นี่เอง!

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าอยากให้ข้าเป็นขุนนางมากถึงเพียงนี้เชียว!”

“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นดีใจที่เฉิงฉือมีโอกาสดีๆ เช่นนี้ ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “เมื่อได้เป็นขุนนางแล้ว ท่านผู้นำตระกูลจวนรองก็จะยุ่งเรื่องของท่านไม่ได้อีก คราวนี้ท่านอยากทำอะไรก็จะได้ทำอย่างนั้นแล้วเจ้าค่ะ!”

เฉิงฉือตะลึงงัน

ชิงเฟิงวิ่งเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “นายท่านผู้เฒ่าซ่งและคุณชายใหญ่ซ่งมาแล้วขอรับ!”

ตอนที่ 380 ดูตัว 1

ตอนที่ 380 ดูตัว 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน