เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 391

มิใช่ว่าโจวเสาจิ่นไม่เคยเห็นทองคำแท่งมาก่อน

แต่ทองคำแท่งที่นางเคยเห็นล้วนเป็นทองคำแท่งขนาดเล็ก ที่ยาวไม่เกินสามชุ่นกว้างไม่เกินหนึ่งชุ่น เวลาวางอยู่บนฝ่ามือก็เล็กจนดูคล้ายกับของเล่นประเภทนั้น นางไม่เคยเห็นทองคำแท่งที่มีขนาดใหญ่เท่าก้อนอิฐสำหรับสร้างกำแพงบ้านอย่างที่เห็นอยู่ในเวลานี้มาก่อน

โจวเสาจิ่นมองจนตะลึงงันไปบ้างไม่มากก็น้อย รู้สึกราวกับตัวเองกำลังอยู่ในความฝันก็ไม่ปาน

ตกลงท่านน้าฉือขนย้ายเงินจากกองกลางมาเป็นจำนวนเท่าใดกันแน่

จะถูกจับได้หรือไม่

นางรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย!

ไหวซานกลับเอ่ยเสียงเบาว่า “นายท่านสี่ ตอนนี้มีเพียงเท่านี้เ พวกหลงจู๊จ้าวได้ออกไปขนย้ายตลอดทั้งคืนแล้วขอรับ”

ยัง…ยังมี….

โจวเสาจิ่นตัวสั่นมองเฉิงฉือด้วยความหวาดกลัว

เฉิงฉือเห็นนางราวกับถูกทำให้ตกใจกลัวไปแล้ว รีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “แค่นี้ก็พอแล้ว”

ถ้าหากผ่านไปช่วงหนึ่งแล้วเด็กน้อยมีรอยร้าวกับตนอีก ด้วยความชอบที่เสาจิ่นมีต่อเขาแล้ว คาดว่าเรื่อง ‘กินให้อิ่มจากถุงเงินกองกลาง’ นี้คงยังจะได้กระทำอีกสักครั้งหนึ่ง

ไหวซานไม่รู้เรื่องนี้ นึกถึงท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของเฉิงฉือเมื่อครู่ที่ต้องการให้เขาคิดหาวิธีไปขนทองคำแท่งบางส่วนเข้ามา แต่เพียงพริบตาเดียวก็บอกว่าไม่ต้องรีบแล้ว อดที่จะชำเลืองมองไปที่โจวเสาจิ่นอย่างรวดเร็วครั้งหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้

ไม่รู้ว่าคุณหนูรองอยากได้ทองคำพวกนี้ไปทำอะไร

เอามาแล้วไม่เก็บไว้ในห้องเก็บของ กลับฝังเอาไว้ใต้พื้นกระเบื้องของห้องนอนเช่นนี้…เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก

เฉิงฉือกลัวว่าโจวเสาจิ่นจะรู้สึกหวาดกลัว กระซิบกล่าวกับนางเสียงเบาว่า “พวกเราออกไปกันเถอะ ปล่อยให้พวกเขาจัดการให้เสร็จ”

“เจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นขานรับอย่างเชื่อฟัง หันศีรษะกลับไปมองทองคำแท่งพวกนั้นอีกครั้งหนึ่ง ถึงได้รู้สึกว่านี่คือความจริง ตามเฉิงฉือออกมาจากห้องนอน ตอนที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยแล้วก็คว้าจับแขนเสื้อของเฉิงฉือเอาไว้แน่น

มองมือขาวนวลเล็กของนางที่จับตนเอาไว้แล้ว เฉิงฉือรู้สึกหัวใจอ่อนยวบ ถามนางเสียงอบอุ่นว่า “ทำให้เจ้าตกใจกลัวแล้วใช่หรือไม่”

โจวเสาจิ่นรีบส่ายศีรษะ แต่แล้วก็พยักหน้าเบาๆ กล่าวเสียงค่อยว่า “ท่านผู้นำตระกูลจวนรองจะจับได้หรือไม่เจ้าคะ”

เฉิงฉือหยุดฝีเท้าลงยืนนิ่ง หันกลับมามองนาง มุมปากแฝงรอยยิ้มซุกซนเล็กน้อย โน้มตัวลงมาถามว่า “เป็นห่วงข้าหรือ”

โจวเสาจิ่นหน้าแดง

จะพูดคุยก็เพียงพูดคุยก็พอ ท่านน้าฉือจะเข้ามาใกล้นางขนาดนี้ไปทำไมกัน

อีกเพียงนิดเดียวก็จะชนแก้มของนางอยู่แล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องเช่นนี้ย่อมไม่อาจร้องตะโกนเสียงดังออกมาได้…นางนึกถึงคำพูดของเขาที่ว่า ‘ยากที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้’ ประโยคนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงหน้าจึงยิ่งแดงก่ำมากยิ่งขึ้น

เฉิงฉือได้ในสิ่งที่เขาอยากได้แล้ว รู้ว่าหากตนขยับเข้าไปมากกว่านี้ เด็กน้อยก็จะตั้งกำแพงใจขึ้นมาอีก

นางยิ้มพลางยืดตัวขึ้นตั้งตรง จับมือของนางเอาไว้ เอ่ยขึ้นว่า “ไปกันเถอะ กลับไปเล่นหมากกัน”

ยังจะเล่นอีกหรือ

โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลง

เฉิงฉือยิ้มพลางโน้มตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าจะบอกเจ้าเรื่องพรรคเจ็ดดารา!”

โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็ตกตะลึงงัน เลือดในกายกลับพรั่งพรูพวยพุ่งขึ้นไปไม่หยุด รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

พรรคเจ็ดดารา…ชื่อนี้ช่างตั้งได้แปลกประหลาดนัก! เหมือนกับชื่อของจอมยุทธ์ที่มีเขียนเอาไว้ใน ‘สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ เหล่านั้น…นี่คงมิใช่ความลับของท่านน้าฉือหรอกกระมัง

โจวเสาจิ่นปล่อยให้เฉิงฉือจับมือนางเดินนำไปข้างหน้าอย่างเบื้อใบ้

ชั่วขณะที่เฉิงฉือก้าวเท้าออกมาจากปากประตูห้องโถงจังหวะนั้นได้ชำเลืองมองไปทางเรือนปีกตะวันออกอย่างไม่ตั้งใจครั้งหนึ่ง ทว่าก็ปล่อยมือของโจวเสาจิ่นออก

หลี่ซื่อเห็นเฉิงฉือมองมาทางนี้ ก็ตกใจเป็นการใหญ่ คิดจะถอยออกมาเพื่อซ่อนตัวตามสัญชาตญาณ จากนั้นไม่นานก็คิดได้ว่าตนเพียงผลักหน้าต่างออกเป็นช่องเล็กๆ ช่องหนึ่งเท่านั้น เฉิงฉือน่าจะมองไม่เห็น ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตบหน้าอกตัวเองเบาๆ บังเกิดความรู้สึกคล้ายกับได้รอดชีวิตออกมาจากมหันตภัยร้าย หลังจากที่มองดูเฉิงฉือและโจวเสาจิ่นเดินเรียงหน้าคนหนึ่งหลังคนหนึ่งออกจากเรือนหลักไปแล้ว ก็กลับมานั่งในห้องนอน กระซิบถามหลี่มามาว่า “เจ้าคงเห็นชัดเจนแล้วว่าบ่าวข้างกายของนายท่านสี่คนที่เคร่งขรึมไม่พูดไม่ยิ้มผู้นั้นนำคนขนหีบเข้าไปห้าหีบแล้วกระมัง”

หลี่มามาพยักหน้า น้ำเสียงเบายิ่งกว่าของหลี่ซื่อเสียอีก “ข้าลอบนับดูแล้ว หีบไม่มากนัก ไม่มีทางนับผิดอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่ออดพึมพำกล่าวไม่ได้ว่า “ตกลงนายท่านสี่มีของอะไรอยู่ในเรือนหลักที่ไม่ทันได้ขนออกไปกันนะ”

คำพูดของเฉิงฉือทำให้นางเข้าใจผิด นางเข้าใจว่าเฉิงฉือกำลังนำของออกมามิใช่กำลังนำของเข้าไปเก็บข้างใน

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นางตัดสินใจแล้วว่าจะแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด รอให้เสร็จพิธีครบรอบร้อยวันของกวนเกอนางก็จะพาเสาจิ่นกลับเมืองเป่าติ้งแล้ว จะสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไมกัน

นางย้ำกำชับหลี่มามาว่า “เจ้าเองก็ต้องปิดปากให้สนิท”

หลี่มามากล่าวยิ้มๆ ว่า “บ่าวชราทราบแล้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้หากพูดออกไป มิใช่เรื่องตลกล้อเล่นเป็นแน่”

นายท่านสี่ของตระกูลเฉิงเรียกคุณหนูรองออกไปกลางดึกสงัดแล้วให้คนเข้ามาขนย้ายของ ของพวกนี้จะต้องมิใช่ของธรรมดาเป็นแน่ เรื่องพวกนี้นางยังพอมีแววตาอยู่

หลี่ซื่อวางใจลงมาได้ เป่าดับไฟที่ตะเกียง กล่าวกับหลี่มามาว่า “นอนเถิด! พรุ่งนี้ยังต้องไปหาต้ากูไหน่ไนตั้งแต่เช้าตรู่อีก” จากนั้นก็คิดถึงกวนเกอที่ยิ่งโตก็ยิ่งน่ารักน่าทะนุถนอมและคิดถึงบุตรสาวที่มักจะพาดตัวอยู่ข้างๆ นั่งเฝ้าเขาตาไม่กะพริบแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขึ้นเตียงไปด้วยความรู้สึกเปรมปรีดิ์มีความสุข

***

โจวเสาจิ่นตามเฉิงฉือกลับมาที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นนอกอีกครั้งหนึ่ง

เฉิงฉือให้หลั่งเย่ว์ย้ายชุดชงน้ำชาเข้ามา ชงชาด้วยตัวเอง

นี่คงหมายความว่าต้องสนทนากันยาวแล้ว!

โจวเสาจิ่นมีความรู้สึกทำนองว่าเวลายังเช้าอยู่ พวกเรายังมีเวลาสนทนากันได้อีกนานขึ้นมา

นี่ทำให้นางรู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง

นางนั่งอยู่ข้างๆ อย่างยิ้มแย้ม มองเฉิงฉือชงชาด้วยท่วงท่าสง่างามและเชี่ยวชาญอยู่เงียบๆ

ตอนที่ 391 ความลับ 1

ตอนที่ 391 ความลับ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน