เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 408

สามพี่น้องตระกูลเฉิงต่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก

เฉิงเจิงรีบกล่าวขอบคุณยิ้มๆ

เฉิงเซียวชำเลืองมองเฉิงเซิงทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “จะให้เจ้ามอบของให้พวกข้าได้อย่างไร พวกข้าเป็นพี่สาว ควรจะเป็นพวกข้าที่มอบของให้เจ้าถึงจะถูก”

เป็นครั้งแรกที่โจวเสาจิ่นคบหาสมาคมกับผู้อื่นอย่างนี้ จึงทำใจกล้าตอบไปว่า “มิใช่ของดีอะไรเจ้าค่ะ เป็นน้ำจิตน้ำใจส่วนหนึ่งของข้าเท่านั้นเอง!”

เฉิงเซิงก็เม้มปากกลั้นยิ้มขณะกล่าวว่า “เสาจิ่น เจ้าโตขึ้นแล้วจริงๆ! ยังรู้จักมอบของขวัญให้พวกข้าอีกด้วย”

ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นร้อนผะผ่าว

แต่ก่อนนางไม่เคยเข้าใจเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ คิดว่าเฉิงเซิงเป็นบุตรสาวที่ทุกคนโปรดปราน ทุกคนในซอยจิ่วหรูต่างแย่งกันประจบประแจง หากตนก้าวเข้าไปใกล้ รังแต่จะทำให้ผู้อื่นดูแคลน ดังนั้นสมัยที่เรียนอยู่ในสำนักศึกษากับเฉิงเซิงนอกจากจะไม่มอบของอะไรให้เฉิงเซิงแล้ว บางครั้งเวลาที่เฉิงเซิงได้รับของที่พ่อแม่ฝากมาให้จากจิงเฉิงแล้วมอบให้นาง นางก็มักจะปฏิเสธไม่รับตรงๆ

ทว่าผู้ใดจะมีความอดทนคอยหลอกล่อผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรนักกับตนเองบ้างเล่า

เฉิงเซิงจึงค่อยๆ พบปะนางน้อยลง

โจวเสาจิ่นนึกถึงเฉิงฉืออีกครั้ง

หากว่าท่านน้าฉือไม่ได้โน้มน้าวนาง ต่อให้นางกลับชาติมาเกิดใหม่ เกรงว่าในใจคงจะเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เฉกเช่นผู้ที่ไม่เป็นที่รักใคร่ชื่นชอบคนหนึ่ง

ในใจของนางพลันรู้สึกหวานฉ่ำประดุจน้ำผึ้ง

ท่านน้าฉือจะกลับมาเมื่อใดกันนะ

นางไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว

ก่อนที่ท่านน้าฉือจะกลับมานางอยากจะเร่งทำรองเท้าให้เขาอีกสักสองสามคู่

ทั้งยังอยากจะปักถุงหอมสวยงามสักสองสามถุงให้ท่านน้าฉือใช้เก็บของจุกจิก…จะต้องปักอย่างประณีตให้ได้ ทำให้คนอื่นเห็นแล้วตาลุกวาว

ท่านน้าฉือผู้นี้ดูเหมือนไม่สนใจสิ่งใด แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่ละเอียดลออยิ่งนัก

สิ่งของที่ปักออกมาต้องทำให้เขาชื่นชอบถึงจะถูก

โจวเสาจิ่นมุมปากกระตุกขณะกลับไปซอยอวี๋ซู่

เนื่องจากโจวเสาจิ่นออกไปข้างนอกกับเฉิงเจิงพวกนาง หลี่ซื่อจึงพาโจวโย่วจิ่นไปเยี่ยมที่ซอยอวี๋ซู่ พอได้ยินว่าโจวเสาจิ่นกลับมาถึงแล้วก็ออกไปต้อนรับที่ประตูชั้นใน

โจวเสาจิ่นมอบดอกว่านสิบแสนให้แก่โจวชูจิ่นประหนึ่งมอบของล้ำค่า

โจวชูจิ่นรู้สึกปลาบปลื้มยินดีคล้ายกับมีดอกไม้ผลิบานอยู่ในใจก็ไม่ปาน

เดี๋ยวนี้น้องสาวยิ่งโตยิ่งรู้ความแล้ว ต่อไปนางก็ไม่ต้องห่วงว่าหลังจากนางออกเรือนแล้วเหตุเพราะไม่รู้จักสานสัมพันธ์กับคนอื่นจึงถูกแม่สามีดูแคลน

โจวเสาจิ่นหยิบโถแก้วขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากรถม้าราวกับกำลังเล่นกลอย่างไรอย่างนั้น ในโถยังมีปลาทองสองตัวสีแดงตัวหนึ่งสีดำตัวหนึ่งอีกด้วย

“อันนี้ให้โย่วจิ่น!” นางน้อมกายลงมอบโถแก้วให้โจวโย่วจิ่น “ชอบหรือไม่”

“อื้ม!” โจวโย่วจิ่นเบิกดวงตาโตจับจ้องโถแก้วใบนั้นขณะพยักหน้าไม่หยุด แต่ไม่กล้ายื่นมือไปรับโถแก้วใบนั้น

หลี่ซื่อรู้สึกปีติยินดีเหลือแสน

แม้ว่าสิ่งของนั้นมีค่าไม่มาก แต่เป็นการปฏิบัติต่อโย่วจิ่นเสมือนเป็นน้องสาวตนเอง

นางรีบรับโถแก้วแทนบุตรสาว แล้วกล่าวกับโจวโย่วจิ่นยิ้มๆ ว่า “ยังไม่รีบขอบคุณพี่รองอีก!”

โจวโย่วจิ่นร้องขึ้นอย่างออดอ้อนน่าเอ็นดูว่า “พี่รอง” แล้วกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “ขะ…ขอบคุณเจ้าค่ะ!”

โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “ข้าเห็นพี่สาวเจิงพาคุณชายใหญ่กับคุณชายรองของพวกนางไปซื้อปลาทอง ข้าก็เลยซื้อกลับมาฝากโย่วจิ่นสองตัว”

“ทำให้ท่านต้องลำบากแล้ว” ดวงหน้าหลี่ซื่ออาบด้วยรอยยิ้มละไม

โจวชูจิ่นรีบบอกให้โจวเสาจิ่นเข้ามาในเรือนว่า “มีอะไรก็ให้นั่งลงคุยกัน ยืนอยู่ตรงนี้ไม่เหมาะสมสักเท่าใด” จากนั้นก็กล่าวกับโจวเสาจิ่นอีกว่า “เมื่อครู่ยังพูดกับฮูหยินอยู่เลยว่า ไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมารับมื้อเย็นหรือไม่” แล้วบอกฉือเซียงว่า “เจ้าให้ห้องครัวทำกับข้าวที่คุณหนูรองชอบกินมาเพิ่มอีกสองสามจาน” ทั้งกล่าวอีกว่า “เจ้ากับฮูหยินกินมื้อเย็นที่นี่แล้วค่อยกลับไปแล้วกัน”

โจวเสาจิ่นยิ้มร่าพลางพยักหน้า นำโจวโย่วจิ่นไปหากวนเกอ จวบจวนป้ารับใช้จัดเตรียมอาหารเสร็จแล้วถึงออกมา

รอจนกระทั่งกลับถึงซอยอวี๋เฉียน ตอนที่ฝานหลิวซื่อเข้ามาปรนนิบัติโจวเสาจิ่นเข้านอน โจวเสาจิ่นเอ่ยถามฝานหลิวซื่อที่กำลังจัดเตียงให้นางขึ้นว่า “ตอนที่ข้าเป็นเด็กกว่าจะพูดเป็นก็ช้ามากเหมือนกันหรือไม่”

“ใครว่าเล่าเจ้าคะ” ฝานหลิวซื่อคลี่ยิ้มขณะตบหมอนรองศีรษะ แล้วจัดวางอย่างเรียบร้อยที่หัวเตียงพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “คุณหนูรองตอนเป็นเด็กเฉลียวฉลาดยิ่งนักเจ้าค่ะ เก้าเดือนก็เรียกคนเป็นแล้ว หนึ่งขวบก็เดินเป็นแล้ว คำแรกที่พูดออกมาก็คือ ‘ท่านพ่อ’ ทำเอานายท่านปลื้มปีติยิ่งนัก อุ้มท่านทั้งวันไม่ยอมปล่อยเลยเจ้าค่ะ มักจะบอกว่าไม่เคยเห็นเด็กที่ฉลาดและงดงามขนาดนี้มาก่อน ถ้าหากฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าจะมีความสุขมากเพียงใด…”

น้ำเสียงของนางลดต่ำลง หางตามีหยาดน้ำระยับวูบไหว

โจวเสาจิ่นก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

ถ้าหากมารดาผู้ให้กำเนิดนางยังมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างคงจะไม่เหมือนกันแล้ว… นางอาจจะไม่ได้พบกับท่านน้าฉือก็ได้…

เห็นได้ว่าล้วนเป็นโชคชะตาที่กลั่นแกล้งคน!

นางถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวอย่างค่อนข้างเป็นกังวลว่า “ข้าเห็นโย่วจิ่นโตถึงเพียงนี้แล้ว แต่ยังพูดจาได้ไม่คล่องเท่าเด็กคนอื่นๆ…

ฝานหลิวซื่อกล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่เป็นเพราะตระกูลโจวร่ำรวย บุตรสาวบุตรชายไม่เคยขาดคนดูแลเหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา ตั้งแต่เป็นทารกก็มีผู้ใหญ่ดูแลอยู่ตลอด ดังนั้นการพูดหรือเดินล้วนทำได้รวดเร็ว ท่านลองไปแถบชนบทของพวกข้าดูสิ มีผู้ใหญ่บ้านใดบ้างไม่ต้องไปไร่ไปนา เด็กๆ ต่างถูกเลี้ยงมาโดยใช้เชือกผูกติดเอาไว้ใต้ต้นไม้ เด็กบางคนกว่าจะเอ่ยปากพูดก็มีอายุสามถึงห้าขวบแล้ว ข้าไม่เห็นว่ามีตรงไหนช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ เลยเจ้าค่ะ!”

โจวเสาจิ่นฉีกยิ้มออกมาพลางกล่าวว่า “สงสัยข้าจะกังวลเกินไป!” จากนั้นก็พูดหยอกล้อกับฝานหลิวซื่อว่า “เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าข้าเฉลียวฉลาดเชาวน์ไว ที่แท้ก็เป็นถ้อยคำเกรงใจนี่เอง! เป็นเพราะข้าอยู่กับผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กถึงได้พูดเดินเร็วขนาดนี้!”

ฝานหลิวซื่อยิ้มพลางกล่าวว่า “คุณหนูรองช่างแทะกระดูกในไข่ไก่จริงๆ นะเจ้าคะ ต่อให้เป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย แต่เด็กที่พูดเดินเร็วเท่าคุณหนูรองนี้ก็ยังมีน้อยอยู่ดีเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นหัวเราะเริงร่า

ฝานหลิวซื่อก็รู้สึกเบิกบานตามไปด้วย แล้วพูดกับซางมามาเป็นการส่วนตัวว่า “ดูเหมือนว่าคุณหนูรองชอบออกไปเที่ยวข้างนอกกับต้ากูไหน่ไนของตระกูลเฉิง วันนี้ยังพูดหยอกเย้ากับข้าอีกด้วย!”

ซางมามายิ้มน้อยๆ แต่ไม่ตอบคำใด ในใจครุ่นคิดว่า ยังคงเป็นนายท่านสี่ที่เก่งกาจ ทำให้เจิงต้ากูไหน่ไนยอมเคลื่อนไหวออกมา

ตอนที่ 408 แม่สามี 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน