ตอนงานครบเดือนของกวนเกอ เฉิงเก้าเคยบอกโจวชูจิ่นว่า งานแต่งงานของเฉิงสวี่กับคุณหนูใหญ่ตระกูลหมิ่นกำหนดไว้ช่วงเดือนเก้า ช่วงเดือนสี่ฮูหยินหยวนอาจจะมาจิงเฉิงเพื่อจัดเตรียมเรื่องงานแต่งของเฉิงสวี่
โจวชูจิ่นเอ่ยถามว่า “ฮูหยินหยวนมาถึงจิงเฉิงแล้วหรือยัง พวกข้าไม่ได้ยินข่าวอะไรเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางมาถึงจิงเฉิงแล้วหรือยัง” ตอนนี้ฮูหยินใหญ่เลี่ยวกำลังทุกข์ใจเรื่องของตัวเอง จึงไม่ได้สนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก กล่าวเบาๆ ว่า “ข้าได้ยินท่านยายของพวกเจ้าบอกมาว่า เดิมทีตระกูลเฉิงตั้งใจให้เจียซ่านแต่งงานในจิงเฉิง จะได้เชิญสหายร่วมราชสำนักของลุงเจ้ามาร่วมงาน กล่าวคือจวนหลักตระกูลเฉิงไม่ได้จัดงานมงคลสมรสมาเกือบยี่สิบปีแล้ว อีกทั้งเจียซ่านก็เป็นเจี้ยหยวน ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจัดงานให้ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้กำหนดวันไว้เป็นช่วงเดือนเก้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนวันเป็นเดือนสองปีหน้าไปเสีย”
ก็หมายความว่า ข่าวนี้ได้รับมาจากฮูหยินหยวนหรือไม่ก็จากตระกูลฟางบ้านเดิมของฮูหยินใหญ่เลี่ยวนั่นเอง
น่าจะมิใช่ข่าวปลอม!
โจวชูจิ่นเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลเฉิงถึงเลื่อนวันแต่งออกไปเจ้าคะ”
มิใช่ว่าฮูหยินหยวนรอคอยให้เฉิงสวี่แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหมิ่นได้โดยเร็วมาตลอดหรอกหรือ
“ข้าไม่รู้” ฮูหยินใหญ่เลี่ยวมิได้รู้สึกดีกับฮูหยินหยวนเท่าใดนัก แต่เพราะพูดคุยกับบุตรชายและบุตรสะใภ้เป็นการส่วนตัว จึงกล่าวตรงๆ ว่า “นางผู้นี้ เป็นผู้ที่ชอบเอาชนะผู้อื่นมาตลอด ส่วนฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นผู้ที่มีทิฐิสูงผู้หนึ่ง แม้แต่บุตรชายของตนยังไม่ได้แต่งงาน ไหนเลยจะมีใจไปสนใจหลานชายเล่า บางทีนี่คงเป็นความคิดของฮูหยินหยวน หนำซ้ำแต่ไรมาเมื่อนางตัดสินใจแล้วก็ต้องดึงดันทำให้สำเร็จ” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของนางก็ฉายแววฉงน เอ่ยว่า “อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นางทำเกินไปจริงๆ” ขณะที่ฮูหยินใหญ่เลี่ยวกล่าวอยู่นั้นจู่ๆ นางก็นึกถึงเรื่องในตระกูลของตนขึ้นมา กล่าวว่า “ช่างนางเถิด! หากว่าเจียซ่านแต่งงานในเมืองหลวง พวกเราก็ไปร่วมแสดงความยินดี แต่ถ้าหากแต่งที่จินหลิง ใครจะไปก็ตามใจ แต่ข้าไม่ไป”
ไม่ว่าเฉิงสวี่จะแต่งงานที่ใด โจวชูจิ่นไม่อยากไปร่วมงานทั้งนั้น
เฉิงสวี่ทำเรื่องเช่นนั้นลงไปกลับยังคงได้แต่งงานกับหญิงสาวสมดังหมายราวกับคนที่ไม่ได้ทำผิดอะไร ทว่าเรื่องแต่งงานของเสาจิ่นยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร… นางรู้สึกสลดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นท้องฟ้าใกล้มืดแล้ว อีกทั้งแม่สามีเร่งเดินทางมาไกลนับพันหลี่ ทั้งโดยเรือและรถม้า จะต้องเหนื่อยมากเป็นแน่ หลังจากกล่าวอีกสองสามประโยค สองสามีภรรยาก็ลุกขึ้นกล่าวขอตัว
ทว่าฮูหยินใหญ่เลี่ยวอยากใช้เวลากับกวนเกอหลานชายคนนี้จริงๆ จึงหารือกับโจวชูจิ่นสามีภรรยาให้กวนเกอนอนกับนางคืนนี้
คนเป็นย่าโปรดปรานหลานชาย จึงเป็นธรรมดาที่โจวชูจิ่นสามีภรรยาจะตอบรับด้วยความยินดี
โจวชูจิ่นช่วยแม่นมจัดเตรียมให้บุตรชายนอนในห้องของฮูหยินใหญ่เลี่ยวเสร็จแล้วถึงได้กลับมายังห้องปีกตะวันออกที่ตนอาศัย
เลี่ยวเส้าถังอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งอยู่หน้าเตียงเตาตัวใหญ่ข้างหน้าต่างขณะถือหนังสือเล่มหนึ่งอย่างเหม่อลอย กระทั่งโจวชูจิ่นเดินเข้ามาใกล้ถึงได้พบว่าสามีถือหนังสือกลับด้าน
นางไม่ได้สนใจ ออกไปอาบน้ำอย่างเบามือเบาเท้า สามียังคงถือหนังสือด้วยท่าทางเช่นเดิม ไม่แม้แต่จะพลิกหน้าหนังสือ ประหนึ่งรูปปั้นคนรูปหนึ่งก็ไม่ปาน
โจวชูจิ่นยิ้มน้อยๆ พลางเร่งเขาว่า “รีบเข้านอนเถอะเจ้าค่ะ! มีเรื่องอะไรค่อยคิดพรุ่งนี้ ท่านขอลาหยุดเพียงหนึ่งวันมิใช่หรือ เรื่องที่สำนักฮั่นหลินคงไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไรหรอกเจ้าค่ะ”
งานตรวจทานและคัดลอกประเภทนี้เป็นงานที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อย ไม่อาจให้เกิดข้อผิดพลาดได้แม้นิดเดียว
เลี่ยวเส้าถังพยักหน้ายิ้มๆ แล้วขึ้นเตียงกับโจวชูจิ่น
ทว่าแม้ขึ้นเตียงไปแล้ว แต่ก็ยังเบิกตาจ้องมองเพดานอย่างใจลอย
โจวชูจิ่นลอบทอดถอนใจ คิดถึงว่าพรุ่งนี้ยังต้องไปเป็นแขกที่ซอยอวี๋เฉียน จึงข่มตาบังคับตนเองให้หลับ
ทว่าวันรุ่งขึ้นกลับถูกเลี่ยวเส้าถังทำให้ตื่น
ด้วยหนวดเคราที่ดูยุ่งเหยิง เขากระซิบว่า “ชูจิ่น ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาเจ้า”
น้ำเสียงมัวหมอง คล้ายกับไม่ได้นอนมาทั้งคืนอย่างไรอย่างนั้น
โจวชูจิ่นตกใจสะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นมานั่ง กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านว่ามาเถิด! ข้าฟังอยู่เจ้าค่ะ”
เลี่ยวเส้าถังลังเลอยู่นาน ถึงได้กล่าวขึ้นว่า “ตอนที่พวกเราแต่งงาน ท่านแม่มอบบ้านสวนเล็กๆ หลังหนึ่งให้พวกเรามิใช่หรือ ข้าอยากจะคืนบ้านสวนหลังนี้ให้ท่านแม่ ให้นางมีเงินส่วนตัวในมือบ้าง… เมื่อนางอยู่ต่อหน้าพวกเราที่เป็นบุตรธิดาก็จะได้มีเกียรติ…”
บัดนี้โจวชูจิ่นตื่นเต็มตาแล้ว
ถ้าหากการคืนบ้านสวนเล็กๆ หลังนั้นแก่แม่สามีทำให้แม่สามีมี ‘เกียรติ’ เหตุใดนางจะไม่คืนให้เล่า
มิใช่ว่านางไม่มีสินเดิมของตนเอง หรือใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินน้อยนิดส่วนนั้นจากกองกลางของตระกูลเลี่ยวสักหน่อย
เพียงแต่นางรู้จักนิสัยของเลี่ยวเส้าถังดี เขาไม่มีทางที่จะใช้ทรัพย์สินของพวกเขาไปประจบประแจงแม่สามีอย่างไร้เหตุผล จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ นอกจากนี้ยังต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่แม่สามีคุยกับเขาเมื่อวานอีกด้วย
โจวชูจิ่นตอบรับในทันที กล่าวยิ้มๆ ว่า “เดิมทีนั่นก็เป็นสินเดิมของแม่สามีอยู่แล้ว ในบ้านยังมีพวกน้องชายน้องสาวอีก ความจริงข้าก็กังวลว่าการที่พวกเราได้รับสินเดิมของแม่สามีจะทำให้พวกน้องๆ ไม่พอใจ เพื่อเงินทองแล้วทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยเจ้าค่ะ ท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกโล่งใจ”
เลี่ยวเส้าถังรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก จับมือของโจวชูจิ่นไว้พลางกล่าวว่า “ไม่แปลกเลยที่ผู้เฒ่าผู้แก่ล้วนบอกว่าในบ้านมีศรีภรรยา เปรียบเสมือนมีสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน เรื่องบางเรื่องมิใช่ว่าข้าอยากจะปิดบังเจ้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าควรจะบอกเจ้าอย่างไรดี… ท่านพ่อของข้า เขาแอบนำสินเดิมของท่านแม่ของข้าไปขายจนหมดเกลี้ยง ตอนงานครบร้อยวันของกวนเกอ ท่านแม่ของข้าอยากจะหาของขวัญดีๆ มอบให้กวนเกอสักหน่อย ถึงได้ค้นพบ… เพียงแต่ไม่กล้าเปิดเผย กลัวจะทำให้ชื่อเสียงของท่านพ่อของข้าเสื่อมเสีย ทำให้พวกน้องๆ ไม่อาจหาคู่ครองที่ดีได้ ตอนนี้ในมือท่านแม่ไม่เหลือสมบัติดีอะไรแล้ว ทว่าน้องหญิงใหญ่ถึงวัยออกเรือนแล้ว… แม้ว่าท่านแม่จะไม่ได้กล่าวอะไร แต่ในเมื่อนางทราบข่าวที่เฉิงเจียซ่านต้องการแต่งงานโดยเร็วได้ เกรงว่ากลับไปแล้วคงจะรุดไปบ้านเดิมหาพวกท่านลุงเป็นแน่… ชีวิตของท่านแม่นี้ ทุกข์ยากลำบากเกินไปแล้ว!”
โจวชูจิ่นจึงทำเรื่องดีให้ถึงที่สุดไปเลย กล่าวว่า “หรือไม่ก็นำเครื่องประดับของข้าเหล่านั้นไปหลอมใหม่ที่ร้านเครื่องประดับ ทำเป็นแบบลายใหม่ๆ สองสามชิ้นรอตอนที่น้องหญิงใหญ่ออกเรือนก็ให้ท่านแม่นำกลับไปด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่จำเป็นๆ” เลี่ยวเส้าถังโอบโจวชูจิ่น “เพียงเจ้าตกลงให้ข้าคืนบ้านสวนแก่ท่านแม่ได้ข้าก็ซาบซึ้งใจเหลือล้นแล้ว ยังจะไปแตะต้องสินเดิมของเจ้าได้อย่างไร ไม่จำเป็นหรอก! ต่อไปข้าจะต้องเพียรพยายามนำบ้านสวนหลังหนึ่งกลับมาให้ได้”
ทองพันชั่งยากจะซื้อความร่วมใจของสามีภรรยาได้
โจวชูจิ่นตัดสินใจว่า ตอนที่น้องสะใภ้ใหญ่ออกเรือน อย่างไรนางก็ต้องให้แม่สามีส่งเครื่องประดับศีรษะสองสามชุดกลับไปให้นางเพื่อเป็นการซื้อใจแม่สามีกับน้องสะใภ้ใหญ่
หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้ว สองสามีภรรยาก็ไปคารวะยามเช้าฮูหยินใหญ่เลี่ยว
ฮูหยินใหญ่เลี่ยวก็ดูเหมือนไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืนเช่นกัน มีเพียงตอนที่เห็นกวนเกอเท่านั้นถึงจะแย้มรอยยิ้มออกมาจากใจเล็กน้อย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน