โจวชูจิ่นไม่มีทางเลือก ได้แต่กำชับนางว่า “เจ้าอยู่ในบ้านตามลำพังต้องระวังประตูเอาไว้ให้ดี ต่อให้ใครมาก็อย่าเปิดประตูชั้นใน มีเรื่องอะไรก็ส่งฝานฉีกับพ่อบ้านเซี่ยงไปทำแทน ห้ามออกไปเองโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะยามที่ทุกคนออกไปดูงานรื่นเริงกันหมดเช่นนี้ ยิ่งเป็นเวลาที่คนก่ออาชญากรรมทำผิดกฎหมายเหล่านั้นออกมา เด็กน้อยหายตัวไป เด็กสาวถูกลักพาตัว ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นในเวลานี้ เจ้าต้องระวังด้วย…”
โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม รอให้พี่สาวพูดเสร็จก็กล่าวว่า “หลายวันก่อนตอนที่ข้าออกไปข้างนอกกับพี่สาวเจิงท่านก็ใช้ถ้อยคำนี้ย้ำเตือนข้าไปคำรบหนึ่งแล้ว ท่านวางใจเถิด ข้าจะไม่ออกไปที่ใดเลยเจ้าค่ะ ข้างนอกมีคนจอแจพลุกพล่านขนาดนั้น ออกไปแล้วมีอะไรดีหรือ ท่านพากวนเกอไปชมงานแข่งเรือมังกรอย่างสบายใจเถิด! ข้าขอหลบอยู่ในนี้! แต่ท่านต้องระวังกวนเกอสักหน่อย อย่าพาไปที่ที่มีคนแออัด เขายังอายุน้อย ทนลำบากเช่นนั้นไม่ได้หรอก พี่สาวเจิงจองห้องส่วนตัวไว้ที่เหลาสุรา หากรู้สึกร้อนเกินไป ท่านก็ขอยืมห้องนางเพื่อพักผ่อนสักหน่อย อย่าได้รู้สึกขลาดอาย แล้วอดทนเอาไว้ตลอด ท่านเป็นผู้ใหญ่ ยังพอทนได้ แต่กวนเกอยังเล็ก…” กล่าวถึงประโยคสุดท้าย ก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี จึงกล่าวขึ้นว่า “หรือไม่ท่านก็ฝากกวนเกอไว้กับข้าที่นี่เถอะ! ข้าจะช่วยดูแลเขาให้ท่านเอง”
คราวนี้ถึงตาโจวชูจิ่นหัวเราะขึ้นมาบ้าง กล่าวว่า “ข้าเป็นพี่สาวหรือเจ้าเป็นพี่สาวกันแน่ เจ้าถึงสั่งสอนข้าแทนอย่างนี้!”
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านพี่ ที่ข้าพูดไปล้วนเป็นคำพูดจากใจ ท่านฝากกวนเกอกับข้าที่นี่เถอะเจ้าค่ะ! แม่สามีของท่านอยากจะออกไปดูงานรื่นเริง หากท่านไม่ไปด้วยก็คงไม่ดี แต่ก็มิอาจให้กวนเกอทนลำบากไปด้วยได้ ท่านกลับไปปรึกษากับพี่สามี ทางที่ดีที่สุดคือฝากกวนเกอไว้กับข้าที่นี่เจ้าค่ะ!”
เด็กน้อยยังไม่ครบร้อยวันเลยนะ!
โจวชูจิ่นอดลังเลขึ้นมาไม่ได้
นางกลับไปแล้วก็ปรึกษากับเลี่ยวเส้าถัง
เลี่ยวเส้าถังก็รู้สึกลำบากใจกับเรื่องนี้เหมือนกันพอดี เมื่อได้ยินแล้วก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ลำบากน้องรองช่วยพวกเราดูแลดีกว่า ประเดี๋ยววันหลังพวกเราค่อยเชิญนางมาเที่ยวที่บ้านแล้วกัน”
โจวชูจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “โชคดีที่น้องรองมาจิงเฉิง ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจริงๆ!” ขณะที่นางกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็อยากรั้งโจวเสาจิ่นไว้ให้อยู่จิงเฉิงต่อไป หากทำเช่นนี้ประการแรกจะได้หลีกเลี่ยงคุณชายหวงหรือคุณชายไป๋อะไร อีกทั้งจะได้ไหว้วานญาติพี่น้องเหล่านั้นในจิงเฉิงช่วยหาคู่หมั้นที่ดีสักคนหนึ่งให้น้องสาว ประการที่สามพี่น้องยังช่วยดูแลซึ่งกันและกันได้อีกด้วย ยิ่งกว่านั้นท่านน้าฉือยังมอบเรือนหลังหนึ่งให้เสาจิ่น หากว่าเสาจิ่นอยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็ให้นางอยู่ที่นี่ ถ้าหากอยากจะอยู่อย่างเงียบๆ ก็ใช้ชีวิตตามลำพัง ไม่รู้ว่ามีอิสรเสรีมากเพียงใด แม้แต่นางที่ออกเรือนไปแล้ว เมื่อคิดดูแล้วก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
นางจึงเล่าความคิดของตนให้เลี่ยวเส้าถังฟัง
เลี่ยวเส้าถังเองก็คิดว่าดี ตอบว่า “จวนเป่าติ้งยังมีวงสังคมที่ค่อนข้างแคบ หากคุยเรื่องแต่งงานในเมืองหลวง ตระกูลฟาง ตระกูลหลี่ หรือตระกูลหมิ่น ไม่ว่าตระกูลใดก็นับเป็นตระกูลบัณฑิตเก่าแก่กว่าร้อยปี ย่อมดีกว่าแต่งงานกับตระกูลเล็กตระกูลน้อยเหล่านั้น”
ช่างตระกูลหมิ่นนั่นไปเถอะ!
โจวชูจิ่นสบถเย็นในใจ
คิดว่าตระกูลฟางก็ไม่เลว
ในบรรดาลูกหลานมีผู้โดดเด่นมากมาย
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว นางก็นึกถึงซ่งมู่
น่าเสียดายจริงๆ
เป็นโจวเสาจิ่นที่ไร้วาสนานี้
นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านไปพูดกับท่านพ่อของข้าเถิดเจ้าค่ะ!”
นี่หมายความว่าต้องการยกความดีความชอบให้กับเขา!
เลี่ยวเส้าถังโอบกอดภรรยาเบาๆ ยิ้มพลางตอบว่า “ข้าจะเขียนจดหมายถึงพ่อภรรยาก็แล้วกัน!”
โจวชูจิ่นหยักมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “ทางด้านท่านแม่ ท่านก็ไปบอกนางสักหน่อยนะเจ้าคะ”
“เข้าใจแล้ว!” เลี่ยวเส้าถังตอบเสียงดัง
ตกเย็น เขาก็แจ้งเรื่องที่จะฝากกวนเกอให้โจวเสาจิ่นดูแลชั่วคราวในเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างให้ฮูหยินใหญ่เลี่ยวฟัง
ฮูหยินใหญ่เลี่ยวหน้าแดงเรื่อ
นางไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะลืมกวนเกอไปได้ ต้องรู้ว่า ตอนนี้พวกเขามิได้อยู่ที่เจิ้นเจียง ขอเพียงบอกว่าจะไปชมการแข่งขันเรือมังกร ไม่ว่าเมื่อไรก็จองห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่เหลาสุราริมแม่น้ำให้พวกนางพักผ่อนได้
แต่พูดเรื่องนี้ตอนนึ้ก็สายเกินไปเสียแล้ว
พวกลูกๆ เพื่อให้นางมีความสุขถึงได้จัดเตรียมการเที่ยวครั้งนี้ขึ้นมา
นางรีบกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ขอบคุณน้องภรรยารองของเจ้าแทนข้าด้วย วันหลังก็เชิญนางมาเที่ยวเล่นที่บ้านแล้วกัน”
แม่สามีตอบรับแล้วก็ดี
โจวชูจิ่นยิ้มพลางพูดถึงโจวเสาจิ่นในแง่ดีสองสามประโยค กระทั่งถึงเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่าง ครั้นแสงสีขาวจับขอบฟ้าก็นำสิ่งของที่กวนเกอใช้เป็นประจำและพาบ่าวรับใช้ไปฝากกวนเกอที่ซอยอวี๋เฉียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เลี่ยว
โจวเสาจิ่นรับกวนเกอมาอย่างระมัดระวัง รับปากซ้ำและซ้ำเล่าว่าจะดูแลกวนเกอให้ดี
ฮูหยินใหญ่เลี่ยวก็กล่าวขอบคุณติดๆ กันไม่หยุด เมื่อมองท้องฟ้าที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ จึงปฏิเสธไม่รับประทานมื้อเช้าที่ซอยอวี๋เฉียนอย่างสุภาพ หลังจากหลี่ซื่อกับโจวโย่วจิ่นเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็มุ่งไปทะเลสาบสือช่าไห่ด้วยกัน
โจวเสาจิ่นมองดูดวงหน้าขาวเนียนละเอียดน้อยๆ ของกวนเกอ ก็รู้สึกใจละลาย
นางหยิกหน้าน้อยๆ ของเขา ตอนแรกกวนเกอหัวเราะร่า ทว่าเพียงครู่เดียวกลับแผดเสียงร้องไห้จ้าขึ้นมา
โจวเสาจิ่นตกใจสะดุ้งโหยง รีบตะโกนเรียกแม่นมของกวนเกอ
แม่นมเดินปรี่เข้ามา พอเห็นกวนเกอแล้วก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “กวนเกอหิวแล้วเจ้าค่ะ!”
โจวเสาจิ่นโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แล้วยื่นเด็กน้อยให้แม่นม
เนื่องจากในบ้านไม่มีผู้ใด แม่นมจึงนั่งอยู่ข้างๆ ให้นมเด็กน้อย
โจวเสาจิ่นเห็นเขาดูดนมเอาดูดนมเอา ก็อดคลี่ยิ้มพลางลูบศีรษะของเด็กน้อยไม่ได้
จากนั้นก็ให้บ่าวรับใช้นำผ้าลายเสือ ตุ๊กตารูปคน และตุ๊กตาล้มลุกที่นางบอกให้ไปซื้อมาจากตลาดเมื่อสองสามวันก่อนมา เตรียมจะเล่นกับกวนเกอ
ใครจะรู้ว่ากวนเกอกินนมเสร็จแล้วก็ผล็อยหลับไปทันที
โจวเสาจิ่นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แม่นมรีบกล่าวขอโทษว่า “เนื่องจากวันนี้ต้องมาหาคุณหนูรองที่นี่ กวนเกอเลยตื่นเช้ากว่าปกติเจ้าค่ะ…”
เป็นธรรมดาที่เด็กน้อยอยากจะกินก็กินอยากจะนอนก็นอน!
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่มิใช่ความผิดของเจ้า เจ้าไม่ต้องขอโทษอะไรหรอก ปกติเขานอนบนเปลไกวหรือเตียงเตา? หากนอนบนเตียงเตา ก็วางเขาไว้ที่นี่แล้วกัน ข้าจะดูแลเขาเอง!”
เด็กทางตอนใต้นอนบนเปลไกว ส่วนเด็กทางตอนเหนือนอนบนเตียงเตา

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน