นายท่านผู้เฒ่ารองตระกูลเลี่ยวย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา แต่เฉิงฉือกลับถามอะไรก็ตอบไม่รู้ทั้งสิ้น เขาจึงได้แต่เลิกถามไปอย่างเก้อกระดาก
แม้แต่ตระกูลอย่างตระกูลเลี่ยวยังทราบเรื่องแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ตระกูลฟาง ตระกูลหยวน ตระกูลหมิ่นหรือตระกูลกู้ตระกูลสามีของเฉิงเจิงจะไม่ทราบเรื่อง
หยวนเหวยชางมิได้กล่าวอะไร ทว่าตระกูลหมิ่นกลับยินดีที่จะเห็นจวนหลักแยกตระกูลได้สำเร็จ
เมื่อแยกตระกูลกันแล้ว หากไม่มีเฉิงสือกับเฉิงเจิ้งที่อายุมากกว่าเฉิงสวี่ เฉิงสวี่ก็จะเป็นคุณชายใหญ่และเป็นหลานชายสายตรงคนโตของจวนหลักแต่เพียงผู้เดียว อนาคตของตระกูลเฉิงก็ควรจะอยู่ภายใต้การดูแลจัดการของเขาโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
ทว่าตระกูลฟางกับตระกูลกู้กลับรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่าใดนัก โดยเฉพาะตระกูลกู้ นายท่านผู้เฒ่าสี่ที่อยู่จิงเฉิงถึงกับเรียกเฉิงเจิงไปสอบถามด้วยตนเอง
เฉิงเจิงได้แต่กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ข้าส่งคนไปสอบถามแล้วเจ้าค่ะ อีกไม่กี่วันก็คงจะทราบเรื่อง ถึงตอนนั้นจะมารายงานให้นายท่านผู้เฒ่าทราบอีกทีนะเจ้าค่ะ”
นายท่านผู้เฒ่าสี่ตระกูลกู้เป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ พอได้ยินแล้วก็ลูบเคราพลางพยักหน้า กล่าวว่า “จับเสือพี่น้องร่วมมือ ออกศึกพ่อลูกร่วมเคียง[1] พวกเจ้าย่อมรู้ความจริงมากกว่าข้า ข้าก็จะไม่พูดอะไรแล้ว เรื่องบางเรื่องทำลงไปแล้วก็เสมือนสาดน้ำออกไป ยากจะเก็บกลับมาได้อีก ต้องระมัดระวังให้ดีถึงจะถูก”
ต่อหน้าผู้อาวุโส เฉิงเจิงรับคำอย่างพินอบพิเทา ทว่าพอกลับถึงเรือนปีกตะวันออกที่ตนอาศัยกลับรู้สึกร้อนรนเหมือนมีไฟสุม แม้จะเดินวนไปมาอยู่ในห้องสองรอบแต่อารมณ์ก็มิได้สงบลงมาเลยสักนิด จึงไปยังเรือนที่ประตูเฉาหยาง
ใครจะรู้ว่าตั้งแต่เฉิงฉือจนถึงพ่อบ้านฉินจื่อจี๋ กระทั่งปี้อวี้ที่ดูแลเรือนชั้นในต่างไม่อยู่เลยทั้งสิ้น
สาวใช้เด็กที่อยู่เวรในบ้านแจ้งด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พ่อบ้านใหญ่ฉินมาจิงเฉิงเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวเจ้าค่ะ คืนวันก่อนก็มาถึงทงโจวแล้ว เช้าตรู่วันนี้นายท่านสี่เพิ่งจะได้รับจดหมายแจ้ง นายท่านผู้เฒ่ารอง นายท่านใหญ่ นายท่านรอง ฮูหยินรองและคุณชายรองรั่งล้วนเร่งรุดไปที่ประตูซีจื๋อเจ้าค่ะ…”
เฉิงเจิงทั้งประหลาดใจระคนยินดี ยินดีที่ท่านย่าที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปีมาจิงเฉิง ย่าหลานจะได้พบหน้ากัน นางจะได้แสดงความกตัญญูกตเวทีแก่ท่านย่า และประหลาดใจที่ไม่รู้ว่าท่านย่ามาจิงเฉิงครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการแยกตระกูลกับตระกูลเฉิงหรือไม่ เห็นได้ชัดว่าตระกูลกู้คิดว่าจวนหลักไม่ควรพูดถึงเรื่องการแยกจวนเลย… เกรงว่าคงจะมีความคิดเห็นต่างๆ นานาต่อนางผู้เป็นหลานสะใภ้เป็นแน่
ด้านหนึ่งนางส่งคนไปซอยซิ่งหลิน อีกด้านรีบไปที่ประตูซีจื๋อ
เฉิงเจิงไม่พบผู้ใดเลยสักคนที่ประตูซีจื๋อ ทว่าคนที่ส่งไปที่ซอยซิ่งหลินกลับพาหลี่ว์มามาบ่าวข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาพบ
“ต้ากูไหน่ไน!” หลี่ว์มามามิกล้าโอหังเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉิงเจิง คุกเข่าลงหน้าเฉิงเจิงดังตึง น้ำตาก็ร่วงลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกข้าคิดถึงแย่เลยนะเจ้าคะ! ท่านรีบตามข้าไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเถิด!”
เฉิงเจิงนึกถึงท่านย่าที่อบรมสั่งสอนตนเอง หยาดน้ำตาก็ไหลรินลงมาตามไปด้วย รีบดึงหลี่ว์มามาขึ้นมาแล้วเร่งรุดไปที่ซอยซิ่งหลิน
ซอยซิ่งหลินเป็นเรือนขนาดห้าวงหลังหนึ่ง เฉิงจิงกับเฉิงเว่ยอาศัยอยู่ร่วมกัน มีห้องหนังสือที่ลานชั้นนอกสองห้องสำหรับแต่ละคน ส่วนห้องโถงใช้ร่วมกัน เฉิงจิงอาศัยอยู่ในเรือนหลัก ส่วนเฉิงเว่ยอาศัยอยู่ในลานด้านหลัง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาถึง ตระกูลเฉิงก็เปิดประตูใหญ่ต้อนรับ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถูกเชิญให้ไปนั่งลงบนตั่งหลัวฮั่นในห้องโถงของเรือนหลัก หลังจากที่เฉิงจิง เฉิงเว่ย เฉิงฉือ ฮูหยินรองเว่ยและเฉิงรั่งบุตรชายเฉิงเว่ยโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว ทุกคนต่างนั่งล้อมรอบฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นเฉิงรั่งที่สุภาพอ่อนโยนยังเขินอายอยู่เหมือนเดิม ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ดึงตัวเฉิงรั่งไปไถ่ถามเรื่องการเรียนของเขา
พอทราบว่าเฉิงรั่งอ่าน ‘อรรถาธิบายหนังสือทั้งสี่’ จบแล้วรอบหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ยินดีเป็นอย่างมาก กล่าวว่า “ตอนที่ปู่ของเจ้าอายุเท่าเจ้า เพิ่งจะเริ่มอ่าน ‘อรรถาธิบายหนังสือทั้งสี่’ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามสิ่งสำคัญควรอยู่ที่ประสิทธิภาพมิใช่ความรวดเร็ว เจ้าต้องเข้าใจความนัยแฝงใน ‘หนังสือทั้งสี่’ ให้ดีถึงจะถูก หากมีส่วนใดที่ไม่เข้าใจ ก็ถามอาฉือของเจ้าได้ ความเรียงของอาสี่ของเจ้าก็เขียนได้ดีมากเช่นกัน ในปีนั้นยังเคยได้รับคำชมจากท่านปู่ของเจ้าด้วย”
เฉิงรั่งหน้าแดงพลางขานรับว่า “ขอรับ” แล้วมีสาวใช้เด็กเลิกผ้าม่านขึ้นพลางแจ้งว่า “ต้ากูไหน่ไนมาเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขอบตาแดงเรื่อ และมิได้สนใจสะใภ้รองที่เอ่ยทักทาย รีบกล่าวว่า “รีบเชิญนางเข้ามาๆ!”
เฉิงเจิงเข้ามาแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว พร้อมกับเอ่ยว่า “ท่านย่า” น้ำตาก็ร่วงเผาะๆ ดั่งสายฝนพรำก็ไม่ปาน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ร้องไห้ตามไปด้วย
เฉิงจิงและคนอื่นๆ ผินหน้าไปทางอื่น
ฮูหยินรองเว่ยก้าวไปช่วยประคองเฉิงเจิงด้วยดวงตาแดงก่ำ กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “ต้ากูไหน่ไนอย่าร้องไห้เลย! เจ้าร้องไห้อย่างนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ”
เฉิงเจิงก็รู้ตัวเช่นกัน เพียงแต่น้ำตานี้รินไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่เท่านั้นเอง
นางเช็ดขอบตาสองครั้ง แล้วจึงหยุดร้องไห้ คลี่ยิ้มพลางเอ่ยเรียกว่า “ท่านย่า”
ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ได้รับการปลอบประโลมจากเฉิงฉือก็หยุดร้องไห้แล้วเหมือนกัน เมื่อได้ยินแล้วก็ระบายยิ้มพลางจับมือของเฉิงเจิง ดวงหน้าเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีขณะกล่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามาจิงเฉิง ข้าเพียงกลัวว่าจะรบกวนการงานของพวกเจ้า จึงไม่ได้บอกใครเลยสักคน!”
เฉิงเจิงย่อมบอกไม่ได้ว่าผู้อาวุโสของตระกูลกู้ทราบเรื่องที่ตระกูลเฉิงต้องการแยกตระกูล นางอยากมาสอบถามสถานการณ์ จึงตอบยิ้มๆ ว่า “ข้าไม่มีอะไรทำเลยคิดจะไปเยี่ยมท่านอาฉือ ถึงได้ทราบว่าท่านมาจิงเฉิงเจ้าค่ะ!”
“เห็นได้ว่าต้ากูไหน่ไนของพวกเรากับท่านแม่มีวาสนาต่อกันนะเจ้าคะ!” ฮูหยินรองเว่ยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเย้าแหย่ “จู่ๆ นึกอยากมาเยี่ยมขึ้นมา ก็บังเอิญพบว่าท่านแม่มาจิงเฉิง… วันนี้ต้ากูไหน่ไนต้องรีบกลับไปหรือไม่ ไม่อย่างนั้นก็รั้งกินมื้อเย็นที่นี่เถอะ”
เฉิงเจิงพยักหน้าหงึกหงัก ส่งบ่าวรับใช้ไปรับบุตรชายกู้หนิงกับกู้จงมา จากนั้นก็ส่งจดหมายแจ้งกู้ซวี่ที่ทำงานอยู่ในที่ว่าการว่า ท่านย่ามาแล้ว!
บ่าวรับใช้ขานรับติดๆ กัน แล้วออกจากเรือนหลักไป
เฉิงจิงก็รีบจัดห้องหับให้มารดา
“พวกเจ้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวยิ้มๆ “ข้าเพียงมาจิงเฉิงเพื่อผ่อนคลายจิตใจเท่านั้น วันนี้พักอยู่ในเรือนรับรองแขกก็แล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะไปดูเรือนที่ประตูเฉาหยางของเจ้าสี่และพักอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน”
เฉิงเว่ยสองสามีภรรยาส่งสายตาให้กันและกัน
เฉิงจิงเอ่ยขึ้นอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ท่านแม่นั่งรถม้ามาตลอดทางคงจะเหนื่อยล้า ไม่สู้พักอยู่ที่นี่สักสองสามวันแล้วค่อยไปดีกว่านะขอรับ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาจิงเฉิง จะต้องเยี่ยมเยียนพบปะเครือญาติที่อาศัยอยู่ในจิงเฉิง เขาเป็นบุตรชายคนโต ควรจะปรนนิบัติดูแลมารดา ฮูหยินผู้เฒ่ากัวย้ายไปอยู่ที่ประตูเฉาหยาง ถ้าหากบรรดาญาติๆ มาเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ต้องไปที่ประตูเฉาหยางทางด้านโน้น อีกทั้งหยวนซื่อกำลังโวยวายจะแยกตระกูลที่บ้านเกิดอยู่ กลัวว่าคนที่มีเจตนาจะคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับหยวนซื่อแม่สามีและบุตรสะใภ้คู่นี้ไม่ลงรอยกัน
ขณะที่กล่าว เขาก็ส่งสายตาให้เฉิงเว่ย
บุ้ยใบ้ให้เฉิงเว่ยช่วยเกลี้ยกล่อมมารดา
เฉิงเว่ยไม่กล้าเอ่ยคำใด
มารดาปกปิดพวกเขาเรื่องที่มาจิงเฉิงกะทันหัน ซ้ำยังพาพ่อบ้านใหญ่ฉินมาด้วย แปดถึงเก้าในสิบส่วนจะต้องมาด้วยเรื่องการแยกตระกูล ไม่ว่ามารดาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เขายังไม่ทันได้พูดคุยกับมารดา ตอนนี้จึงไม่กล้าพูดส่งเดชออกไป


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน