เฉิงเว่ยประหลาดใจเล็กน้อย
คนเป็นปู่ให้ความสำคัญกับหลานชายคนโต แต่บิดามารดารักใคร่เอ็นดูบุตรชายคนเล็ก
เขาเป็นบุตรชายคนกลางที่มีอุปนิสัยอ่อนโยนผู้นั้น บุตรชายที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้รับมาทั้งมิได้เป็นบุตรที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น หนำซ้ำหยวนซื่อยังเป็นคนที่ชอบเอาชนะคนอื่นผู้หนึ่ง เขาจึงมิได้เรียกร้องอะไรมากจากบุตรชาย
ทว่าผู้เป็นพ่อเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงบุตรไปตลอดชีวิต อย่างไรก็หวังว่าตอนที่ไม่มีตนคอยดูแลลูกๆ จะมีชีวิตที่ดีได้
หากได้รับการชี้แนะจากมารดา การปฏิบัติตัวกับผู้อื่นและจัดการธุระต่างๆ ของบุตรชายย่อมต้องก้าวหน้ามากขึ้นอย่างแน่นอน
เฉิงเว่ยรีบตอบตกลงในทันที
เฉิงฉือมิได้กล่าวอะไรอีก
เฉิงจิงคิดอยู่เสมอว่าหากตระกูลอยากจะเจริญรุ่งเรือง คนรุ่นก่อนต้องอุ้มชูคนรุ่นหลัง
หากเฉิงรั่งมีวาสนานี้ สองพี่น้องร่วมมือร่วมใจกันได้ คนข้างนอกก็ต้องมองตระกูลเฉิงเพิ่มมากขึ้นเป็นแน่
เขาจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเฉิงฉือเป็นอย่างมาก
สามพี่น้องก็ไปดื่มชาเป็นเพื่อนเฉิงเซ่าที่ห้องหนังสือเรือนชั้นนอก
ภายในห้อง เฉิงเจิงไถ่ถามเรื่องการแยกตระกูล
สุดท้ายหญิงสาวที่ออกเรือนไปแล้ว ด้านหนึ่งคือบ้านสามี อีกด้านหนึ่งคือบ้านเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้ามือหรือหลังมือล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสิ้น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องไปยุ่ง หากคนของตระกูลกู้ซักถาม เพียงบอกว่าไม่รู้ก็แล้วกัน”
ในใจของเฉิงเจิงเต็มไปด้วยความขมขื่น
ไม่ว่าตระกูลนี้จะแยกตระกูลสำเร็จหรือไม่ กลัวว่าข้อกล่าวหาของต้นเหตุการแยกตระกูลนี้คงจะตกกับฮูหยินหยวนมารดาของนางเป็นแน่
แต่นางก็รู้ดีว่า ถึงพูดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
เฉิงเจิงจับมือของฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้วสะอื้นไห้ขึ้นมาว่า “อุปนิสัยของมารดาข้าก็รู้ดี ไม่ต้องพูดถึงข้า แม้แต่ท่านก็ยากจะเกลี้ยกล่อมนางได้… แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นมารดาของข้า ข้าจะมองนางโดยไม่ไยดีเลยไม่ได้ อย่างอื่นข้าก็มิกล้าคาดหวังนัก ขอเพียงท่านย่าเห็นแก่เจียซ่านว่ามีฐานะเป็นหลานชายคนโตของท่าน ก็โปรดช่วยเขาด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เอ่ยคำใดกว่าครู่ใหญ่
หลังจากหยวนซื่อแต่งเข้ามาแล้วให้กำเนิดเฉิงเจิงบุตรสาวคนโตในปีนั้น หลายปีต่อมาก็มิได้ตั้งครรภ์อีกเลย นางจึงไปไหว้พระบนบานกับเทพ ปรากฏว่ากลับให้กำเนิดบุตรสาวอีกคนหนึ่ง ในใจของนางย่อมร้อนรนเหลือหลาย นอกจากจะไปหาหมอขอยาบำรุงแล้ว ก็ยังไปทำบุญตามวัดแต่ละแห่งอีกด้วย ไหนเลยจะมีใจหรือเวลามาดูแลบุตรสาวทั้งสอง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นแล้วก็รับเฉิงเซิงกับเฉิงเซียวทั้งสองคนมาเลี้ยงดูในเรือน จวบจนหยวนซื่อให้กำเนิดเฉิงสวี่ เฉิงเจิงก็กลายเป็นเด็กสาวน้อยวัยสิบสองขวบแล้ว แม้แต่เฉิงเซียวผู้นั้นก็รู้ความแล้วเหมือนกัน ย่อมต้องใกล้ชิดกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวมากกว่าหยวนซื่อเป็นธรรมดา หลายปีแรกหยวนซื่อยุ่งอยู่กับการเลี้ยงดูเฉิงสวี่ผู้เป็นทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียวผู้นี้ จึงมิได้สนใจบุตรสาว ครั้นมีเวลามาสนใจ เฉิงเจิงก็ออกเรือนไปเสียแล้ว ส่วนเฉิงเซียวก็ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานแล้วเช่นกัน
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดเฉิงเซียวถึงได้แต่งงานกับหยวนหมิงญาติผู้พี่ของตนเอง
ด้วยเหตุนี้เมื่อถึงคราวของเฉิงสวี่ นางจึงกีดกันฮูหยินผู้เฒ่ากัวราวกับป้องกันขโมยอยู่ก็ไม่ปาน ไม่เพียงมิให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสอดมือยุ่งกับเรื่องอาหารการกินและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มต่างๆ ของบุตรชายแล้ว แม้แต่เรื่องการศึกษาเล่าเรียน ก็มิได้หยิบยืมมือของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเลยสักนิด
แต่ก่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังพูดแนะนำอยู่บ้าง ให้นางอย่ามุ่งเน้นแต่การศึกษาของบุตร แต่ต้องให้บุตรได้เดินออกไปบ้างจะได้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่และมีความรับผิดชอบ
หยวนซื่อรับปากสัญญา ทว่าพอหมุนกายออกไปก็ยังคงทำตามความคิดเห็นของตนอยู่เช่นเดิม
ทว่าการเล่าเรียนของเฉิงสวี่กลับยอดเยี่ยมยิ่ง เมื่อผู้อื่นเอ่ยถึงก็ต้องยกนิ้วโป้งชมว่าดี แม้แต่จิงเฉิงที่อยู่คั่นกลางระหว่างทั้งสองคนก็รู้สึกลำบากใจเหลือล้น
ยังเป็นฮูหยินผู้เฒ่ากวนจากจวนสี่ที่ปลอบฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นการส่วนตัวประโยคหนึ่งว่า บุตรหลานล้วนมีความสุขเป็นของตนเอง สอดมือยุ่งมากจนเกินไปจะกลายเป็นศัตรูไปเสีย ในตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่ากัวกำลังทุกข์ร้อนใจด้วยเรื่องของเฉิงฉือพอดี จึงได้วางมือลงอย่างช่วยไม่ได้ แล้วไปมาหาสู่กับฮูหยินผู้เฒ่ากวน
ตอนนี้เฉิงเจิงมาขอร้องให้นางดูแลเฉิงสวี่ เป็นไปได้ว่าคงขบคิดมาแล้วว่าหยวนซื่อออกมาก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ สุดท้ายเป็นเพราะขาดคุณธรรมที่สตรีพึงมี หากนางเอ่ยปากอีกครั้งว่าจะเลี้ยงดูสั่งสอนเฉิงสวี่แทน ในตอนนี้ไม่ว่าหยวนซื่อหรือเฉิงจิงย่อมมิกล้าเอ่ยคำว่า ‘ไม่’ ออกมา
แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเสียใจจากความผิดหวังไปแล้ว ไม่อยากดูแลใครแทนอีกแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงพูดถึงว่านางเลี้ยงดูฟูมฟักเฉิงเจิงกับเฉิงเซียวจนเติบใหญ่ ก็พอจะกล่าวได้ว่าพวกนางกตัญญูกตเวทีต่อนาง แต่หากว่านางเกิดความหมางใจกับหยวนซื่อขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าพวกนางคงจะเอนเอียงไปทางหยวนซื่อมากกว่าเล็กน้อย แต่ก็มิใช่จะบอกว่าเด็กเหล่านี้ผิดแต่อย่างใด ทว่านี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ผู้ใดก็หลีกเลี่ยงมิได้
อีกทั้งนางมิได้ไม่มีบุตรชายเสียหน่อย
เจ้าใหญ่ให้นางอยู่ที่นี่ เจ้ารองกับเจ้าสี่ล้วนไม่ได้ว่าอะไร!
เห็นได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ให้กำเนิดก็สนิทชิดเชื้อกับผู้นั้น หาไม่แล้วเหตุใดตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันนี้ถึงต้องโต้เถียงกันด้วยเรื่อง ‘บุญคุณผู้ให้กำเนิด’ กับ ‘บุญคุณผู้เลี้ยงดู’ เล่า
ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องและความเข้าใจที่มีต่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวของเฉิงเจิง ย่อมคาดเดาความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้สี่ถึงห้าส่วน
นางไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้เอ่ยปากก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านย่า ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ท่านลำบากใจมากเช่นกัน ข้าไม่กล้าขอให้เจียซ่านเป็นผู้ที่โดดเด่นเหมือนบิดา ท่านอารอง หรือท่านอาสี่เช่นนั้นได้ เพียงหวังว่าเขาจะเป็นคนเอาการเอางาน ท่านเห็นว่าเขายังมีผู้ช่วยคนหนึ่ง ท่านช่วยย้ำเตือนชี้แนะเขาสักเรื่องสองเรื่องนะเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนึกถึงดวงหน้าที่แต่ก่อนเปล่งประกายสดใสดุจดั่งกลางฤดูคิมหันต์ทว่าตอนนี้กลับเหงาหงอยราวหิมะ สุดท้ายใจของนางก็ทนไม่ได้ ถอนหายใจยาวอย่างห้ามไม่อยู่พร้อมกับเอ่ยว่า “ประเดี๋ยวเจียซ่านมาจิงเฉิงแล้วค่อยว่ากันอีกทีเถอะ!”
เฉิงเจิงเห็นว่าน้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่ากัวผ่อนคลายลงบ้าง ก็รู้สึกดีใจเหลือแสน จับมือของฮูหยินผู้เฒ่ากัวขณะกล่าวขอบคุณไม่หยุด
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นแล้วก็คลี่ยิ้มขึ้นมาตามไปด้วย กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เจ้าเด็กโง่ ทำให้เจ้าลำบากใจแล้ว!”
“ขอเพียงทั้งครอบครัวใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและปรองดองกันได้ จะบอกว่าได้รับความลำบากใจได้อย่างไรกันเจ้าคะ” เฉิงเจิงกล่าวยิ้มๆ “อีกอย่างท่านย่าเป็นอิสตรีที่โดดเด่นไม่เป็นรองบุรุษผู้หนึ่ง หากได้รับการสั่งสอนจากท่าน จะต้องดีกว่าท่านพ่อเป็นแน่เจ้าค่ะ…”
นางหลอกล่อฮูหยินผู้เฒ่ากัว แม้แต่ฮูหยินรองเว่ยที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้ามาพอได้ยินแล้วก็ระบายยิ้มออกมา
ทั้งสามคนพูดคุยเรื่องการเลี้ยงดูบุตรอีก จนกระทั่งมีสาวใช้เด็กมาแจ้งว่ากู้ซวี่มาถึงแล้ว บทสนทนาถึงได้หยุดลง แล้วบอกให้สาวใช้เด็กนำกู้ซวี่กับบุตรชายทั้งสองคนเข้ามาทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัว
***
ทว่าโจวเสาจิ่นที่อยู่ซอยอวี๋เฉียนกลับนั่งไม่ติดกับที่เล็กน้อย
วันนี้เฉิงฉือติดธุระมาอยู่เป็นเพื่อนนางไม่ได้ อีกทั้งหลี่ซื่อกำหนดวันที่หนึ่งเดือนหกเป็นวันออกเดินทางกลับเป่าติ้ง บอกว่ามิอาจพลาดงานวันคล้ายวันเกิดของโจวเจิ้นได้
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน