เนื่องจากท่านลุงใหญ่ตระกูลหลี่เป็นคนเล่าให้หลี่ซื่อฟัง คาดว่าคงเป็นเพราะเขาอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับซอยจิ่วหรูกันแน่
พ่อค้ามักคำนึงถึงผลกำไร
โจวเสาจิ่นอดที่จะระแวดระวังตัวอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินท่านน้าฉือพูดถึงเหมือนกัน ซอยจิ่วหรูแยกตระกูลแล้วไม่ดีหรือเจ้าคะ อย่างไรเสียก็แยกจวนกันมาตั้งนานแล้ว ก็เพียงอาศัยอยู่รวมกันก็เท่านั้น ตอนนี้ท่านลุงและท่านน้าทั้งสามคนล้วนอยู่จิงเฉิง ทั้งยังมีบุตรชายบุตรสาวหรือแม้กระทั่งมีเหลนกันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านลุงใหญ่จิงทางด้านโน้น ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมแล้ว ทว่าภายในจวนกลับไม่มีคนคอยดูแลเรื่องภายในเรือนเลยแม้แต่คนเดียว แต่ถ้าหากว่าฮูหยินหยวนมาอยู่จิงเฉิง ก็จำต้องทิ้งฮูหยินผู้เฒ่าไว้ที่จินหลิงอย่างโดดเดี่ยวเพียงผู้เดียวหรือไม่ก็ต้องให้พี่ชายสวี่สองสามีภรรยาอยู่ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าที่บ้านเดิม แต่พี่ชายสวี่ก็หวังจะได้รับการแต่งตั้งยศในการสอบครั้งถัดไป สองปีนี้จึงเป็นเวลาที่ต้องเร่งรัดพอดี ข้าคิดว่า พวกฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องไตร่ตรองและพิจารณามาพอสมควรแล้วถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้”
สีหน้าของหลี่ซื่อสงบลงเล็กน้อย พยักหน้าหงึกๆ ไม่หยุด เอ่ยขึ้นว่า “เพียงแต่ว่าจวนหลักนั้นมีสามบุตรชายสามจิ้นซื่อ หนึ่งในนั้นยังเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักอีกด้วย ทว่าจวนรองนั้นไม่มีจิ้นซื่อสักคนมาหลายรุ่นแล้ว เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองครอบครัวแล้ว การแยกตระกูลไม่เป็นผลดีต่อจวนรองมากกว่า และทุกคนต่างก็ชอบเห็นใจคนที่อ่อนแอกว่า ฉะนั้นถึงมีคำกล่าวที่ว่าทุกบ้านต่างมีคัมภีร์ที่อ่านยากเป็นของตัวเอง แม้แต่ครอบครัวที่ดีอย่างจวนหลักเช่นนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น พี่ชายของข้าเพียงเป็นกังวลว่าหากจวนหลักจัดการเรื่องนี้ไม่ดีอาจถูกผู้อื่นหยิบมาเป็นปัญหาไปฟ้องร้องทางการให้มาตรวจสอบได้”
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ต่อให้มีคนคิดจะฟ้องร้อง ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ท่านลุงและท่านน้าทั้งหลายล้วนเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกันทั้งนั้น พวกเรายังคิดได้ พวกเขาก็ต้องคิดได้อย่างแน่นอน”
หลี่ซื่อคิดๆ ดูแล้วก็เห็นเป็นจริงดังนั้น รู้สึกกระดากอายต่อความวู่วามของตนเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูรอง ยังคงเป็นเจ้ามีปัญญาเห็นแจ้ง!”
ที่ผ่านมาไม่เคยมีคนกล่าวเช่นนี้กับนางมาก่อน!
โจวเสาจิ่นขัดเขิน
หลี่ซื่อคุยกับโจวเสาจิ่นอีกสองสามประโยคแล้วขอตัวลา
โจวเสาจิ่นเดินไปส่งนางที่ประตู แล้วกลับไปเอนตัวอยู่บนตั่งตัวใหญ่ข้างหน้าต่างภายในห้อง พลางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้
ไม่รู้ว่ามีเรื่องที่นางพอจะช่วยได้บ้างหรือไม่
ยังมีจวนสี่อีก ก่อนหน้านี้นางให้คนนำจดหมายไปส่งให้ ท่านลุงใหญ่เหมี่ยนเอาแต่บอกว่าให้นางไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็มีผู้ใหญ่คอยออกหน้าอยู่ หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรมาอีกเลย ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
นางไปห้องหนังสือ ฝนหมึกพร้อมกับครุ่นคิดว่าจะเขียนจดหมายฉบับนี้อย่างไรดี
ทางด้านของหลี่ซื่อนั้นเมื่อออกมาจากเรือนหลักแล้วก็มีสาวใช้เด็กมาขวางเอาไว้ กล่าวว่า “ฮูหยิน นายท่านใหญ่ตระกูลหลี่ยังรอท่านอยู่ในห้องรับรองแขก บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านเจ้าค่ะ”
บางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เฉิงฉือพักอยู่ในห้องหนังสือ โจวเสาจิ่นจึงลอบบอกเป็นนัยให้คนในบ้านรู้ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจว่า วันใดวันหนึ่งเฉิงฉืออาจจะมาพักที่ห้องหนังสืออีกก็เป็นได้ หลี่ซื่อจึงจัดแต่งห้องรับรองแขกขึ้นมาใหม่อีกห้องหนึ่งให้พี่ชายของนางได้พักผ่อน
นางได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงไปที่ห้องรับรองแขก
นายท่านใหญ่ตระกูลหลี่กำลังยืนมองภาพเสือลงหุบเขาที่แขวนอยู่ในห้องภาพนั้นอย่างละเอียดด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปมมุ่น เมื่อเห็นน้องสาวเข้ามา คิ้วที่ขมวดมุ่นนั้นยิ่งย่นเข้าหากันแน่นขึ้น เอ่ยถามขึ้นว่า “คุณหนูรองว่าอย่างไรบ้าง”
หลี่ซื่อบอกเล่าถ้อยคำของโจวเสาจิ่นให้นายท่านใหญ่ตระกูลหลี่ฟัง
สีหน้าของนายท่านใหญ่ตระกูลหลี่กลับมิได้ดูดีขึ้น กล่าวเสียงเคร่งว่า “เรื่องที่ซอยจิ่วหรูแยกตระกูลกันนั้น คนของตระกูลเฉิงต่างมีแผนการของตัวเอง ข้ามิได้เป็นห่วงข้อนี้ ที่ข้าเป็นห่วงคือการค้าของข้า…ไม่ว่าเมื่อก่อนตระกูลเฉิงจะแยกจวนกันหรือไม่ แต่เมื่อออกมาข้างนอกล้วนถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ต้ากูไหน่ไนเป็นหลานสาวของจวนสี่ ทว่าคุณหนูรองกลับมิใช่หลานสาวแท้ๆ แต่คนที่มีความสัมพันธ์ดีกับเจ้ากลับเป็นคุณหนูรอง ทางด้านของต้ากูไหน่ไนนั้น กลับติดต่อด้วยไม่ง่ายเลย…ไม่รู้ว่าต่อไปตระกูลเฉิงยังจะสนิทสนมกับคุณหนูรองเหมือนก่อนหน้านี้อยู่หรือไม่”
หลี่ซื่อกล่าวยิ้มๆ ว่า “พี่ใหญ่ท่านกังวลใจจนฟุ้งซ่านไปแล้วจริงๆ! แยกตระกูลเป็นเรื่องที่ง่ายดายเพียงนั้นเชียวหรือ เรื่องที่ซอยจิ่วหรูแยกตระกูลกันนั้นพวกเราเพิ่งจะรู้ข่าวกันตอนนี้ก็จริง แต่ไม่แน่ว่าผู้อื่นเขาอาจจะมีเรื่องกันมาหลายปีแล้วก็เป็นได้ ท่านดูที่จวนหลักปฏิบัติต่อเสาจิ่น แม้แต่บ้านที่ดีขนาดนี้พอบอกว่าจะยกให้ก็ยกให้จริงๆ ท่านยังไม่ได้เห็นที่ประตูเฉาหยางว่าดีต่อคุณหนูรองอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะมีของกินของใช้ของเล่นอะไร ก็ต้องมีส่วนแบ่งของซอยอวี๋เฉียนด้วยหนึ่งส่วน แม้แต่พ่อบ้าน สาวใช้ ป้ารับใช้ในบ้านก็มาจากบ้านที่ประตูเฉาหยางทางด้านโน้น บ้านหลังนี้ก็เหมือนกับเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของตระกูลเฉิง”
นายท่านใหญ่ตระกูลหลี่หลุดหัวเราะออกมา เอ่ยขึ้นว่า “ข้าเองก็ร้อนใจจนเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ ทางด้านสำนักอาหารและเครื่องดื่มได้ส่งใบรายการมาให้พวกเราแล้วหนึ่งใบ จะขนสินค้าขึ้นเรือภายในสองวันนี้แล้ว ข้าก็เลยกลัวว่าหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วทางสำนักอาหารและเครื่องดื่มจะไม่รับผิดชอบ เนื่องจากข้าและพวกเขาเพิ่งจะเคยติดต่อค้าขายกัน หากไม่มีตระกูลเฉิงช่วยพูดให้ การค้านี้ของข้าคงไม่มั่นคงเป็นแน่แล้ว!”
หลี่ซื่อปลอบโยนพี่ชายว่า “ข้าเองก็ทราบดี ทำการค้ากับหลวงและทำการค้าทั่วๆ ไปนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องดึงดัน การได้มีชีวิตที่สงบสุขและปลอดภัยนั้นสำคัญที่สุด”
นายท่านใหญ่ตระกูลหลี่พยักหน้า
แต่หลี่ซื่อคิดไม่ถึงว่าเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นโจวเสาจิ่นจะได้รับจดหมายของโจวเจิ้นที่เร่งส่งมาจากเป่าติ้งกว่าหกร้อยหลี่ เนื้อความในจดหมายถามนางถึงเรื่องการแยกตระกูลของตระกูลเฉิงด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
โจวเสาจิ่นถึงได้สัมผัสได้ถึงผลกระทบของการแยกตระกูลของตระกูลเฉิงขึ้นมาจริงๆ
นางเลือกบางส่วนที่พูดได้เล่าให้บิดาฟัง
ไม่นาน เรื่องของตระกูลเฉิงก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ขุนนางจากเจียงหนาน
จึงมีแขกมาเยี่ยมเยียนที่ซอยซิ่งหลินทุกวัน
โจวเสาจิ่นลอบรู้สึกดีใจอย่างช่วยไม่ได้ โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและฮูหยินรองเว่ยต่างย้ายไปอยู่บ้านทางด้านประตูเฉาหยางกันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงถูกผู้อื่นมาสืบความเรื่องแยกตระกูลทุกวัน เกรงว่าคงไม่มีเวลาได้อยู่อย่างสงบสุขเป็นแน่
เฉิงฉือมาหาอย่างกะทันหัน และพักอยู่ที่ซอยอวี๋เฉียน
หลี่ซื่อทราบข่าวแล้วก็รีบให้คนไปซื้อผลไม้สดใหม่มีราคาแพงจำนวนมากจากตลาดมาให้การรับรองเฉิงฉือ ทั้งยังกำชับหลี่มามาและคนอื่นๆ ว่าให้ดูแลเขาให้ดี กล่าวว่า “เกรงว่าเรื่องที่บ้านคงทำให้จิตใจว้าวุ่นไม่เป็นสุข จึงมาสงบสติอารมณ์ที่นี่ ให้บ่าวไพร่ที่ดูแลเรือนชั้นนอกระวังปากให้ดี อย่าได้พูดเลื่อนเปื้อนไปทั่ว”
หลายวันก่อนนายท่านใหญ่ตระกูลหลี่สืบได้ความมาว่าการแยกตระกูลของซอยจิ่วหรูในครั้งนี้นั้น จวนหลักรักษาสุสานและระเบียนประวัติของตระกูลเอาไว้ได้ทว่ากลับต้องนำเงินออกมาจ่ายเป็นค่าชดเชยให้จวนรองเป็นจำนวนมาก ตอนนี้จึงสูญทรัพย์สินและกำลังวังชาไปไม่น้อย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน