ช่างเป็นเล่ห์เหลี่ยมที่เยี่ยมยอดจริงๆ
ไม่แปลกที่จะหลอกล่อจนน้องสาวหัวหมุนได้
เขาคำนวณมาแล้วว่านางไม่กล้ากักบริเวณน้องสาวเอาไว้ในบ้าน?
เขาคำนวณมาแล้วว่าตนไม่กล้าสร้างรอยบาดหมางกับแม่สามี?
ถ้าหากเป็นเรื่องอื่น นางก็คงจะปล่อยผ่านไปแล้ว แต่นี่เกี่ยวข้องกับความสุขในอนาคตของน้องสาว นางจะปล่อยไปง่ายๆ โดยไม่สนและไม่สอบถามเลยเช่นนี้ได้อย่างไร
โจวชูจิ่นมองน้องสาวที่ร้องขอความเมตตาจากนางนั้นแล้วนางก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น กว่าครู่ใหญ่ถึงทำให้ตัวเองสงบอารมณ์ลงมาได้ กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่กับข้าชั่วคราวไปก่อน ก่อนที่ข้าจะส่งเจ้ากลับเมืองเป่าติ้งนั้น เจ้าห้ามออกจากเรือนของตัวเองเป็นอันขาด หากข้าพบว่าเจ้าลักลอบพบหน้ากับผู้อื่น ข้าจะไปขอสัญญาซื้อขายตัวของชุนหว่านและฝานหลิวซื่อจากท่านพ่อและขายพวกนางไปยังที่ห่างไกลทันที”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าอย่างเชื่อฟังคล้ายกับลูกแมวตัวหนึ่ง
โจวชูจิ่นมองแล้วก็ห้ามใจไม่อยู่ น้ำเสียงจึงอบอุ่นขึ้นหลายส่วน กล่าวว่า “หากเจ้ารู้สึกเบื่อก็อ่านบทกวีอยู่ในบ้าน หรือไม่ก็ปักลายดอกไม้ทำงานเย็บปักก็ได้ หากไม่ได้การอีกก็ให้เสี่ยวถานเล่นเตะลูกขนไก่เป็นเพื่อนเจ้า…”
จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพียงไม่อนุญาตให้พบหน้าท่านน้าฉืออีกเท่านั้น
โจวเสาจิ่นเข้าใจเจตนาของพี่สาว กล่าวให้คำมั่นซ้ำๆ โจวชูจิ่นถึงได้มีสีหน้าสงบลงมาเล็กน้อย
ทางด้านของเฉิงฉือเมื่อได้รับข่าวแล้ว รู้ว่าโจวเสาจิ่นสบายดี เพียงแต่ถูกกักบริเวณไม่อนุญาตให้พบเขาเท่านั้น หัวใจที่แขวนอยู่ถึงได้วางลงมาได้
เวลาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น คนจำนวนมากมักจะโยนความรับผิดชอบไปไว้ที่สตรีโดยตรง กฎที่เบาหน่อยก็ดุด่า กฎที่หนักหน่อยก็โบยตี เขากลัวว่าเสาจิ่นจะได้รับความลำบากเพราะเขา
โชคดีที่โจวชูจิ่นเป็นอย่างที่เสาจิ่นพูดเอาไว้ เป็นทั้งแม่และพี่สาว รักใคร่นางเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ไม่ให้พวกเขาพบหน้ากันเท่านั้น
เฉิงฉือไปกล่าวอำลาฮูหยินผู้เฒ่ากัว “…คิดไม่ถึงว่าจะถูกชูจิ่นมองระแคะระคายออก เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางจะต้องขอให้ใต้เท้าโจวช่วยตัดสินใจเป็นแน่ ข้าคิดว่าถือโอกาสตอนที่จดหมายของชูจิ่นยังไปไม่ถึงเมืองเป่าติ้งนี้ไปเมืองเป่าติ้งด้วยตัวเอง ไปพบใต้เท้าโจวสักครั้งหนึ่ง ไปพูดเรื่องสู่ขอกับเขา”
เขายังหน้าไม่หนาพอจะพูดต่อหน้ามารดาว่าเขาปรารถนาจะล่วงเกินเสาจิ่นแล้วถูกโจวชูจิ่นมาเจอเข้าโดยไม่ตั้งใจ
บุตรชายของตัวเองตนจะไม่รู้หรือ
หากเขาไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ ย่อมมีวิธีทำให้ผู้อื่นไม่รู้
ต่อให้เป็นการเปิดเผยหน้ากากออกมา โดยมากก็โจวเสาจิ่นที่ปิดไม่มิด
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ไม่คิดจะเปิดโปง กล่าวยิ้มๆ ว่า “หากว่าจดหมายของชูจิ่นส่งไปถึงเมืองเป่าติ้งแล้วเล่า”
เฉิงฉือกล่าวอย่างสงบว่า “ไม่มีทางขอรับ ข้าย่อมไปถึงเมืองเป่าติ้งก่อนจดหมายของชูจิ่นอย่างแน่นอน”
ซึ่งก็หมายความว่าต้องใช้กลอุบายแล้ว!
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วรู้สึกกังวลใจแทนเสาจิ่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เด็กคนนี้ ที่ได้พบกับเจ้าสี่นี้ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือไม่ดีกันแน่
นางกล่าว “เจ้ารีบไปเถิด! หากว่ายังหาของขวัญที่เหมาะสมไม่ได้ในตอนนี้ ก็ไปเอาจากในห้องเก็บของของข้า เมื่อพบใต้เท้าโจวแล้ว ก็ต้องระมัดระวัง ยามใดควรก้มหัวก็ก้มหัว ยามใดควรกล่าวขอโทษก็กล่าวขอโทษ เชิดหน้ายามแต่งบุตรสาว ก้มหน้ายามสู่ขอภรรยา บุตรสาวที่ผู้อื่นเลี้ยงดูขึ้นมาประหนึ่งไข่มุกดุจหยก ต้องมาช่วยดูแลบ้านของพวกเรา ช่วยเจ้าแสดงความกตัญญูต่อผู้อาวุโส คลอดและให้การอบรมบุตรชายหญิง เจ้าต้องรู้จักซาบซึ้งใจถึงจะถูก อย่าเอานิสัยน่ารังเกียจตอนเจ้าอยู่ข้างนอกนั่นไปใช้ที่ตระกูลโจว ยิ่งไม่ต้องหลงระเริงคิดว่าเสาจิ่นชอบเจ้า เจ้าก็เลยรู้สึกมีความมั่นใจ ยิ่งเป็นเช่นนี้ เจ้ายิ่งต้องให้เกียรติตระกูลโจว ยิ่งต้องดีกับเสาจิ่นให้มากถึงจะถูก คู่สามีภรรยาเช่นนี้ถึงจะครองคู่กันยาว ยิ่งอยู่ก็จะยิ่งดี” กล่าวจบ ก็ทอดถอนใจกล่าวอย่างอดไม่ได้ว่า “เสียดายที่ข้ามีเพียงบุตรชายสามคนเท่านั้น หากมีบุตรสาวสักคนหนึ่ง ก็จะได้เป็นดั่งบ้านที่มีบุตรสาวมีคนมาสู่ขอเป็นร้อยนั่น และได้มีช่วงเวลาที่คนต้องมาดูสีหน้าของข้าบ่อยๆ แล้ว!”
เฉิงฉือหัวเราะฮ่า พลางกล่าว “ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด! ข้ามิใช่คนไม่รู้จักเข้าหาคนประเภทนั้น ยังพอรู้หลักการนี้ดีขอรับ หากว่าท่านอยากลิ้มลองรสชาติของคนที่มีบุตรสาวแล้วมีคนมาสู่ขอเป็นร้อยนั่น ให้เสาจิ่นแต่งเข้ามาแล้วคลอดหลานสาวให้ท่านสักคน ถึงเวลานั้นให้ท่านเป็นคนตัดสินใจเรื่องแต่งงานของนางก็ได้แล้วมิใช่หรือ”
“พวกเจ้าก็เพียงพูดไปอย่างนั้นก็เท่านั้น!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่หลงกล “รอให้บุตรชายหญิงถือกำเนิดมาแล้ว คงจะหวงแหนจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีแล้ว เจ้าไม่ต้องมาหลอกให้ข้าดีใจเล่นอยู่ตรงนี้ รีบไปโน้มน้าวใต้เท้าผู้เป็นว่าที่พ่อตาให้ได้ก่อนถึงจะมั่นใจ ไม่อย่างนั้นจะไปเอาภรรยาและบุตรชายหญิงมาจากที่ใดกัน”
นึกถึงตอนนั้น นางก็พูดกับบุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองเช่นนี้เหมือนกัน
ผลปรากฏว่าหลังจากแต่งงานแล้ว แต่ละคนต่างก็ไปมีครอบครัวเล็กๆ ของตัวเองกันหมด
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครก็เช่นนี้กันทั้งนั้น
ตอนนางเป็นสาวก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ล้วนนึกถึงครอบครัวเล็กๆ ของตัวเองก่อนเป็นลำดับแรก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มน้อยๆ
เฉิงฉือกลับกล่าวล่อหลอกฮูหยินผู้เฒ่าว่า “เสาจิ่นไม่เหมือนผู้อื่น เป็นคนที่ท่านดูแลมาจนเติบใหญ่ ต่อไปเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว เรื่องภายในเรือนหลังนี้ก็ต้องให้ท่านช่วยชี้แนะอยู่ดี ขอเพียงเมื่อถึงเวลานั้นท่านอย่าได้ปัดความรับผิดชอบทิ้งก่อนก็แล้วกัน!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวส่ายศีรษะยิ้มๆ กล่าวว่า “ภายใต้โลกหล้านี้เป็นดินแดนของคนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้า ข้าแก่แล้ว บางเรื่องพวกเจ้าก็ต้องตัดสินใจจัดการด้วยตัวเอง”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน