โจวเจิ้นประหลาดใจเป็นอย่างมาก ความจริงใจที่เผยออกมาผ่านคำพูดของเฉิงฉือยิ่งทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกดีๆ มากขึ้น
สีหน้าของเขาอ่อนโยนลงมาอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องนี้หรือไม่”
เฉิงฉือพลันรู้ว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว
เวลานี้ทุกประโยคที่เขากล่าวล้วนกลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นมาทั้งสิ้น กระทั่งว่าประโยคไหนรอด ประโยคไหนตาย ล้วนขึ้นอยู่กับว่าเขาจะตอบอย่างไรแล้ว
“ข้าได้บอกกล่าวมารดาของข้าอย่างชัดเจนตั้งแต่นางมาถึงจิงเฉิงแล้วขอรับ” เฉิงฉือกล่าว “เพียงแต่เวลานั้นในบ้านกำลังวุ่นเรื่องแยกตระกูลกันอยู่ ตามความคิดของมารดาก็คือ ไม่อาจให้คุณหนูรองกลายเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนในเวลานี้ได้ ฉะนั้นจึงยังมิได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ ข้ามาเมืองเป่าติ้งในครั้งนี้ ก่อนมาได้แจ้งมารดาของข้าเอาไว้แล้ว นางจึงทราบเรื่องแล้วขอรับ!”
โจวเจิ้นรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่งอย่างอธิบายไม่ได้
บางทีจากมุมมองของเขาแล้ว การแต่งงานของบุตรชายหญิงที่ไม่ได้รับการอำนวยพรจากบิดามารดาก็เท่ากับการลักลอบหนีตามกัน และเรื่องของตระกูลเฉิงที่ไม่ได้รับการพยักหน้าอนุญาตจากฮูหยินผู้เฒ่ากัว ก็มักจะไม่มีผลลัพธ์ที่ดีอะไรนัก
โจวเจิ้นยกจอกชาขึ้นมาค่อยๆ จิบไปคำหนึ่ง อดมองสำรวจเฉิงฉือขึ้นมาไม่ได้
กิริยามารยาทสง่างาม สุขุมใจเย็น มีความรู้และความมั่นใจอย่างเป็นธรรมชาติสมเป็นสายเลือดตระกูลชั้นสูง….ไม่ว่าจะมองอย่างไร เฉิงฉือก็ถือเป็นบุรุษรูปงามที่พบเพียงหนึ่งในหมื่นจริงๆ
บางทีบนโลกใบนี้อาจไม่มีเรื่องที่สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด!
โจวเจิ้นรู้สึกจิตใจสงบขึ้นเล็กน้อย
เขาถามเฉิงฉือว่า “แล้วทางด้านของเฉิงเจียซ่าน พวกเจ้าคิดว่าจะทำอย่างไร”
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “มารดาของข้าซื้อบ้านที่ประตูเฉาหยางให้ข้าหลังหนึ่งเอาไว้ตั้งนานแล้ว ต่อไปข้าจะพักอาศัยอยู่ที่นั่น”
บ้านที่ซอยซิ่งหลินเป็นบ้านหลักของตระกูลเฉิง แน่นอนว่าย่อมตกเป็นของบุตรชายคนโตอย่างเฉิงจิง
เฉิงฉือกล่าว “ดังนั้นรอให้ข้ากลับมาจากจี่หนิงแล้ว อาจจะได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นอีก ถึงเวลานั้นก็จะพาเสาจิ่นไปด้วยก็ได้แล้วขอรับ”
เช่นนี้สามีภรรยาก็ไม่ต้องแยกจากกัน
บุตรชายคนเล็กก็มีข้อดีของบุตรชายคนเล็กเช่นกัน
ตอนนี้เองโจวเจิ้นถึงได้เริ่มพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของงานแต่งงานในครั้งนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง
เขาพยักหน้าน้อยๆ พลางถามขึ้นว่า “เจ้านึกถึงเรื่องช่วยหยางโซ่วซานจัดการแม่น้ำเหลืองได้อย่างไร”
เฉิงฉือจึงเล่าเรื่องที่ตนมีความเชี่ยวชาญด้านการคำนวณมาตั้งแต่เด็ก เมื่อพบเจอเรื่องอุทกวิทยาก็อยากจะลองดู จากนั้นได้พบกับนายท่านผู้เฒ่าซ่งได้อย่างไร คำนวณระดับน้ำอย่างไร เอาน้ำออกจากกลางแม่น้ำอย่างไร…เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้โจวเจิ้นฟัง
โจวเจิ้นรู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง สอบถามเรื่องการคำนวณระดับน้ำอย่างละเอียด
เมืองเป่าติ้งเองก็แห้งแล้งมีฝนน้อย หากทำการชลประทานได้ เกษตรกรก็มิต้องมีชีวิตอย่างลำเค็ญเช่นนี้แล้ว
มีคำถามอะไรเฉิงฉือก็ตอบได้ทั้งหมด
อย่างค่อยเป็นค่อยไป สีหน้าของทั้งสองคนก็เคร่งขึ้นเล็กน้อย ถกเรื่องการทำชลประทานขึ้นมา
ด้านนอกห้องโถง หลี่ซื่อถามหลี่มามาที่กำลังเงี่ยหูฟังอย่างละเอียดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินนายท่านสี่คุยอะไรกับนายท่านบ้างหรือไม่ นายท่านและนายท่านสี่ทะเลาะกันอีกหรือไม่”
หลี่มามาส่ายศีรษะติดๆ กัน
หลี่ซื่อโล่งอกไปครั้งหนึ่ง
กระทั่งถึงเวลารับประทานมื้อเที่ยงทั้งสองคนถึงออกมาจากห้องหนังสือ แม้นออกมาแล้ว แต่หลังจากที่ใช้เวลาสั้นๆ บนโต๊ะอาหารอย่างเงียบเชียบแล้ว ทั้งสองคนก็กลับไปที่ห้องหนังสือ ถกเรื่องการเกษตรและการชลประทานกันต่อ
หลี่ซื่อดูดีใจเป็นอย่างยิ่ง
นายท่านใหญ่หลี่เร่งเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย รีบกล่าวว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าเรียกข้ามาอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ ทางด้านโน้นข้ายังมีสุรารอส่งให้จิงเฉิงอยู่เลย!”
นับตั้งแต่ทำการค้ากับสำนักพระราชวังเป็นต้นมา ตระกูลหลี่ก็คล้ายกับกลายมาเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงซี นายท่านใหญ่หลี่ยิ่งดูมีความสุขและเปล่งปลั่ง ต่อให้เหนื่อยล้าก็บดบังความภาคภูมิใจเอาไว้ไม่มิด
หลี่ซื่อกลับบ่นขึ้นว่า “เหตุใดท่านถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้ หากรู้เช่นนี้แต่เนิ่นๆ ข้าไม่ส่งจดหมายไปให้ท่านจะดีกว่า รอจนกว่าท่านจะมาถึง อาหารก็เย็นหมดแล้ว!”
นายท่านใหญ่หลี่ไม่ใส่ใจ
สองพี่น้องโต้แย้งกันไปมา
ณ จิงเฉิง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกำลังส่งเทียบเชิญออกไป
วันที่เก้าเดือนเก้าเป็นวันคล้ายวันเกิดของนาง
เฉิงจิงเองก็ตั้งใจจะจัดงานเฉลิมฉลองให้นาง
นี่เป็นงานเลี้ยงเฉลิมฉลองครั้งแรกของครอบครัวหลังจากที่พวกเขาแยกตระกูล จะได้ถือโอกาสเชิญญาติสนิทมิตรสหายที่เคยให้ความช่วยเหลือพวกเขาช่วงแยกตระกูลมารวมตัวกันด้วยพอดี
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตั้งใจส่งเทียบเชิญไปให้โจวเสาจิ่นสองพี่น้องเป็นพิเศษ ยังบอกหลี่ว์มามาด้วยว่า “เจ้าไปหยิบยาบำรุงร่างกายนำไปให้ตระกูลเลี่ยวด้วยสักหน่อย ให้มอบเทียบเชิญทั้งสามใบให้ฮูหยินใหญ่เลี่ยว ส่วนยาบำรุงร่างกายนั้นให้มอบให้สะใภ้ใหญ่ตระกูลเลี่ยวและคุณหนูรองตระกูลโจวคนละหนึ่งส่วน”
เรื่องตระกูลฟางนั้น ฮูหยินใหญ่เลี่ยวลอบลงแรงอย่างลับๆ ไปไม่น้อย
นางจะต้องมาร่วมงานอย่างแน่นอน
และเมื่อเทียบเชิญของตระกูลโจวผู้เป็นพี่สาวส่งถึงมือของนางแล้ว ต่อให้โจวชูจิ่นคิดจะกีดกันโจวเสาจิ่น แต่เกรงว่าฮูหยินใหญ่เลี่ยวก็คงไม่ยอม
ส่วนตระกูลฟางนั้น คาดว่าต่อให้นางไม่เชิญก็คงจะมาร่วมงานเช่นกัน
หลี่ว์มามายิ้มพร้อมกับขานรับ “เจ้าค่ะ” ส่งเทียบเชิญไปที่ซอยอวี๋ซู่
แม้นจะได้รับอานิสงส์จากสองพี่น้องตระกูลโจว แต่ทำให้มามาคนสนิทข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากัวนำเทียบมาส่งให้ตนได้ ฮูหยินใหญ่เลี่ยวจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
โจวชูจิ่นกลับลอบก่นด่าเฉิงฉือว่าช่างเจ้าเล่ห์นัก
เขาต้องคิดจะใช้วิธีเช่นนี้เพื่อให้ได้พบหน้าเสาจิ่นเป็นแน่!



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน