ทางด้านของฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้น เวลาเพียงสองวันก็จัดเตรียมทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยหมดแล้ว
เชิญกู้ซื่อบุตรสะใภ้ของอู๋เจ่าซิ่วผู้ซึ่งเป็นราชบัณฑิตหลวงของสำนักฮั่นหลินและเป็นลูกศิษย์ของนายท่านผู้เฒ่ามาเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยพรทุกประการ ให้ติดตามคณะแม่สื่อไปวางของหมั้นที่เมืองเป่าติ้ง
กู้ซื่อผู้นั้นเป็นญาติสายรองของตระกูลกู้ที่ไห่หนิง กู้ซวี่สามีของเฉิงเจิงดำรงตำแหน่งเป็นราชครูเล็กอยู่ที่สำนักราชครู ขณะเดียวกันก็เป็นราชบัณฑิตหลวงของสำนักฮั่นหลินด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นในบรรดาญาติที่เกี่ยวดองกับเฉิงจิง คนที่ทราบเรื่องงานแต่งของเฉิงฉือเป็นคนแรกก็คือกู้ซวี่นั่นเอง
เนื่องจากครอบครัวของอู๋เจ่าซิ่วนั้นคนทั้งหกรุ่นต่างอาศัยอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน กู้ซื่อมีชื่อเสียงในด้านการรับหน้าที่เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยพรทุกประการในจิงเฉิง คนที่มาหานางเพื่อทำหน้าที่ไปสู่ขอนั้นมีเป็นจำนวนมาก กู้ซวี่จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ กระทั่งตอนที่ตระกูลโจวและตระกูลเฉิงทั้งสองตระกูลแลกใบดวงชะตากันและเตรียมจะวางของหมั้นกันแล้วนั้น เช้าวันหนึ่งกู้ซวี่จึงเอ่ยถามเฉิงเจิงโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “ท่านอาฉือใกล้จะแต่งงาน ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว เจ้าไม่ไปช่วยสักหน่อยหรือ”
“อะไรนะเจ้าคะ” เฉิงเจิงตกตะลึงงัน “ท่านอาฉือจะแต่งงานหรือ ท่านได้ยินใครพูดมา เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่อง ท่านอาฉือจะแต่งกับบุตรสาวตระกูลใดหรือ”
เรื่องงานแต่งของเฉิงฉือเป็นเรื่องของตระกูลเฉิง อีกทั้งพวกเขายังเป็นคนรุ่นเด็กกว่า แน่นอนว่าย่อมไม่ต้องมาบอกพวกเขาให้ทราบ
แต่น้ำใจคนย่อมอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ เฉิงเจิงเป็นหลานสาวคนที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้ความสำคัญมากที่สุด ตอนยังอยู่บ้านที่จินหลิงยามมีเรื่องอะไรฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังเขียนจดหมายมาบอกเฉิงเจิงให้ทราบเรื่องสักฉบับหนึ่งเลย เฉิงฉือกำลังจะแต่งงาน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ด้วยเหตุและผลแล้ว ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะมิได้มาหารือกับเฉิงเจิงว่าหญิงสาวจากตระกูลใดถึงจะเหมาะสม แต่ก็น่าจะบอกนางให้ทราบเรื่องล่วงหน้าถึงจะถูก
สองสามีภรรยาแลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้
เฉิงเจิงลงจากเตียงในทันใด เอ่ยกับกู้ซวี่ว่า “วันนี้ข้าอาจจะกลับช้าสักหน่อย ท่านไม่ต้องรอข้าแล้ว”
กู้ซวี่กลับกล่าวขึ้นว่า “ได้ยินว่าเป็นบุตรสาวคนรองของใต้เท้าโจวเจ้าเมืองเป่าติ้ง ซึ่งก็คือคุณหนูรองคนที่เคยได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าผู้นั้น”
หัวสมองของเฉิงเจิงพลันเดือดปะทุปุดๆ
ท่านย่าสู่ขอคุณหนูรองตระกูลโจวให้ท่านน้าฉือได้อย่างไร
เจียซ่านจะ…
ต่อไปทุกคนต่างต้องกินข้าวหม้อเดียวกัน แล้วจะเข้าหน้ากันได้อย่างไร
เสาจิ่นอายุน้อยกว่าเขาตั้งสิบกว่าปีมิใช่หรือ
นี่คงไม่ต้องพูดถึง งานแต่งของท่านอาฉือล่าช้ามานานขนาดนี้ การหาหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเขาสักสิบกว่าปีก็เป็นเรื่องปกติ แต่โจวเสาจิ่นเป็นหลานสาวของจวนสี่ ลำดับอาวุโสยังนับเป็นคนละรุ่นกับท่านอาฉือด้วยนี่นา ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้แยกตระกูล ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน...แต่หลังจากแยกตระกูลแล้ว…
คล้ายมีของอะไรบางอย่างวาบผ่านหัวสมองของเฉิงเจิงไปโดยที่คว้าเอาไว้ไม่ทัน
นางรู้สึกปวดศีรษะราวกับมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แม้นจะบอกว่าทั้งสองครอบครัวมิได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่สุดท้ายแล้วก็เคยเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันมาอย่างเนิ่นนาน บางเรื่องยังควรที่จะให้ความสนใจสักหน่อยถึงจะถูก
ทั้งๆ ที่ท่านอาฉือกำลังจะไปรับราชการแล้วแท้ๆ…นี่มิเท่ากับว่าเป็นการยื่นจุดอ่อนให้ผู้อื่นเล่นงานหรอกหรือ
เฉิงเจิงหยุดฝีเท้าลง หมุนกายกลับมามองกู้ซวี่นิ่ง “ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ยินมาจากใต้เท้าอู๋” กู้ซวี่ไม่ได้คิดมากเหมือนเฉิงเจิง เพียงแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างผิดจากหลักปกติที่คนปฏิบัติกันก็เท่านั้น เฉิงเจิงจึงควรจะกลับไปดูสักหน่อยว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ “เจ้าก็รู้ บุตรสะใภ้สามของครอบครัวใต้เท้าอู๋คือหญิงสาวจากตระกูลกู้ นางให้กำเนิดบุตรชายห้าคนบุตรสาวสามคน มักจะทำหน้าที่เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยพรทุกประการให้ผู้อื่นบ่อยๆ ข้าได้ยินเรื่องนี้มาจากใต้เท้าอู๋”
แน่นอนว่ายามกู้ซวี่อยู่ที่สำนักฮั่นหลิน ใต้เท้าอู๋ดูแลเขาเป็นพิเศษ และทั้งสองครอบครัวก็ถือได้ว่าค่อนข้างสนิทสนมกัน
เฉิงเจิงพยักหน้าอย่างลวกๆ เมื่อจัดการบุตรชายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปล้างหน้าล้างตาและแต่งตัวใหม่ครั้งหนึ่ง แล้วไปที่ประตูเฉิงหยางอย่างรีบร้อน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกำลังสนทนากับฮูหยินสามอู๋บุตรสะใภ้คนที่สามของอู๋เจ่าซิ่วอยู่ “กล่าวเช่นนี้แสดงว่านายท่านฝั่งสะใภ้มิได้ว่ากล่าวอะไรเลยใช่หรือไม่”
ฮูหยินสามอู๋พยักหน้ายิ้มๆ พลางกล่าว “ไม่เพียงนายท่านฝั่งสะใภ้ที่ไม่ว่ากล่าวอะไรทั้งนั้น แม้แต่ฮูหยินฝั่งสะใภ้ตอนที่เห็นพวกข้าไปวางของหมั้นนั้น นางยิ้มไม่หุบมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเลยเจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่าตระกูลโจวพึงพอใจกับการเกี่ยวดองในครั้งนี้เป็นอย่างมาก”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวดีใจเป็นอย่างยิ่ง
การที่ตระกูลฝั่งสะใภ้พึงพอใจกับการเกี่ยวดองในครั้งนี้ก็เท่ากับว่าพึงพอใจในตัวบุตรชายของนาง นางเองก็รู้สึกว่าได้รับเกียรติไปด้วย
นางเพิ่มเงินในซองแดงให้ฮูหยินสามอู๋อีกหนึ่งเท่าตัว “ทำให้ท่านต้องลำบากแล้ว”
การรับซองแดงเพื่อเป็นการขอบคุณของคนเป็นแม่สื่อนี้มีกฎและระเบียบปฏิบัติของมันอยู่ ไม่อาจปฏิเสธได้
ฮูหยินสามอู๋กล่าวขอบคุณยิ้มๆ และรับเอาไว้ หารือเรื่องฤกษ์วันแต่งกับฮูหยินผู้เฒ่า “นี่เป็นวันมงคลที่นายท่านตระกูลฝั่งสะใภ้เลือกมา ท่านลองดูว่ามีเวลาใดที่เหมาะสมบ้างหรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวดูแล้วล้วนเป็นวันที่ในปีหน้าทั้งสิ้น จึงพับจดหมายในมือลง กล่าวขึ้นว่า “เกรงว่าคงต้องรบกวนให้ท่านเดินทางไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว พวกข้าอยากจะกำหนดวันแต่งให้อยู่ภายในปีนี้ ท่านเองก็ทราบ เจ้าสี่ของพวกข้าอายุมากกว่าคุณหนูรองตระกูลโจวมาก อีกทั้งใกล้จะต้องไปรับราชการที่จี่หนิงแล้ว อีกสามถึงห้าปีกว่าจะกลับมา หากล่าช้าไปจนถึงเวลานั้น คุณหนูรองตระกูลโจวก็อายุมากเกินไปแล้ว”
ฮูหยินสามอู๋มิได้แปลกใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า “นายท่านฝั่งสะใภ้เองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เนื่องจากหญิงสาวยังมิได้ปักปิ่น ทั้งยังมิได้มาจากตระกูลยากจนที่เลี้ยงดูต่อไปไม่ไหวแล้วประเภทนั้น ข้าพิจารณาแล้วพวกเราทางด้านนี้ควรจะต้องให้เกียรตินายท่านฝั่งสะใภ้เพิ่มอีกสักหน่อยถึงจะถูก จะให้ดีที่สุดควรจะเชิญเถ้าแก่ไปช่วยเร่งวันแต่งงานเจ้าค่ะ”
หากเป็นเช่นนี้ก็ต้องเชิญซ่งจิ่งหรานและจางฮุ่ยไปเมืองเป่าติ้งด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่ง
ทั้งสองคนล้วนเป็นขุนนางใหญ่คนสำคัญในราชสำนัก โดยเฉพาะซ่งจิ่งหรานผู้เป็นเจ้ากรมการคลังและที่ปรึกษาประจำพระที่นั่งตะวันออก แม้แต่เวลาจะกลับไปกินข้าวที่บ้านยังไม่มี ไหนเลยจะมีเวลาเดินทางไปเมืองเป่าติ้งด้วยตัวเองกัน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ลังเลใจเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นข้าจะหารือกับบุตรชายดูก่อนก็แล้วกัน”
ฮูหยินสามอู๋เองก็รู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นปัญหา จึงกล่าวว่า “หรือไม่ เชิญนายท่านผู้เฒ่ารองของพวกท่านไปก็ได้เจ้าค่ะ! ก็เพียงต้องการให้ผู้คนด้านนอกเห็นความจริงใจของตระกูลเฉิง ให้เห็นว่าที่ต้องการตบแต่งคุณหนูรองตระกูลโจวเข้ามาด้วยระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้มิใช่เพราะดูแคลนนาง แต่เพราะตระกูลเฉิงอยากจะตบแต่งนางเข้ามาให้เร็วสักหน่อยต่างหาก”
ตัวเลือกนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า
สาวใช้เด็กเข้ามารายงานว่าต้ากูไหน่ไนกลับมาแล้ว
ฮูหยินสามอู๋ถือโอกาสกล่าวขอตัวลา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน