เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 455

แม่สามีและบุตรสะใภ้ทั้งสองคนที่ประตูเฉาหยางทางด้านโน้นผลัดกันเจ้าประโยคหนึ่งข้าประโยคหนึ่ง ส่วนฮูหยินใหญ่เลี่ยวที่ซอยอวี๋ซู่ทางด้านนี้กลับตกตะลึงงันไปทั้งร่าง

สุดท้ายแล้วตระกูลเฉิงลอยแพตระกูลฟางและไปสู่ขอโจวเสาจิ่นของตระกูลโจวแทน

หยวนซื่อบอกว่าจะเป็นสะพานเชื่อมผูกด้ายแดงให้เฉิงฉือและอาเซวียนมิใช่หรือ

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่เนิ่นๆ พวกนางจะผลักดันอาเซวียนไปตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปทำไม!

ตอนนี้มิเท่ากับว่าให้ผู้อื่นเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันไปโดยเปล่าประโยชน์แล้วหรอกหรือ

ฮูหยินใหญ่เลี่ยวนั่งนิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว เรียกเกี้ยวหมายจะมุ่งหน้าไปที่ตระกูลฟาง

แต่เมื่อออกประตูมา เบื้องหน้ากลับพบโจวชูจิ่นโดยบังเอิญ กำลังยืนอยู่ตรงเฉลียงทางเดินหน้าเรือนปีกของตัวเองพลางคุยอะไรบางอย่างกับป้ารับใช้ผู้หนึ่งด้วยร้อยยิ้มเต็มดวงหน้าอยู่

นางพลันรู้สึกมีลมหนึ่งจุกแน่นอยู่ที่หน้าอก

นางไม่พึงพอใจลูกสะใภ้คนนี้มาโดยตลอด

ต่อมาด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้ต้องกลืนความไม่พอใจนั้นลงไป แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่เช่นเดิม

คำพูดที่นางเปล่งออกมาจึงให้ความรู้สึกแข็งกระด้างเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ชูจิ่น เช้าตรู่ขนาดนี้ กวนเกอเล่า อีกประเดี๋ยวร้านขายของที่หน้าปากซอยก็จะมาเก็บเงินแล้ว รายการบัญชีตรวจสอบดูดีหรือยัง อย่าปล่อยให้ผู้อื่นมาขบขันพวกเราว่าซื้อสินค้าแล้วไม่จ่ายเงิน คิดจะเอาแต่ได้เพียงอย่างเดียวเชียว”

คนอย่างพวกนางนี้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อฟืน ข้าวสาร น้ำมัน เกลือ หรือว่าจะเป็นเข็มและด้ายสำหรับงานเย็บปักล้วนส่งพ่อบ้านในบ้านหรือไม่ก็มามาที่มีหน้ามีตาเป็นคนไปติดต่อจัดหา มิได้นำเงินให้บ่าวไพร่ไปซื้อของโดยตรง ปกติล้วนเป็นการไปเชื่อสินค้ากับร้านที่คุ้นเคยด้วยก่อน จากนั้นกำหนดวันชำระเงินภายในสิบวันหรือไม่ก็หนึ่งเดือน

วันนี้จึงเป็นวันที่ร้านขายของใช้หน้าปากซอยจะมาวางใบเสร็จและเรียกเก็บเงิน

โจวชูจิ่นแต่งเข้ามาก็รู้แล้วว่าแม่สามีไม่พึงพอใจตน และก็รู้ด้วยว่าเหตุใดแม่สามีถึงอดทนอดกลั้นเอาไว้ แต่สตรีที่แต่งเข้ามาในเรือนชั้นในแล้วนั้น แม่สามีเป็นดั่งแผ่นฟ้า ต่อให้นางเอาชนะแม่สามีได้แต่ก็ต้องแบกรับชื่อเสียงว่า ‘อกตัญญู’ เอาไว้ อนาคตจะมีผลกระทบไปถึงบุตรชายหญิงยามเจรจาเรื่องแต่งงาน แล้วเหตุใดนางจะต้องทำเรื่องที่ต้องลงแรงมากแต่ได้ผลตอบแทนน้อยพรรค์นั้นด้วยเล่า

“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ!” โจวชูจิ่นขานตอบอย่างนอบน้อม “กวนเกอเพิ่งจะหลับไปเมื่อครู่ เห็นว่าใบไม้ร่วงที่ลานบ้านด้านหลังไม่ได้กวาดมาหลายวันแล้วก็เลยมาบอกป้าผู้นี้สักคำเจ้าค่ะ”

เห็นท่าทางว่าง่ายยอมจำนนของบุตรสะใภ้แล้ว นางยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองใจมากขึ้น

ถ้าหากอาเซวียนอายุมากกว่านี้และสามีเป็นคนที่พึ่งพาได้สักหน่อย ตอนแรกคงไม่ตอบรับการหมั้นหมายให้บุตรชายง่ายดายขนาดนั้น คงจะได้สู่ขออาเซวียนให้บุตรชายไปแล้ว

งานแต่งที่ดีเช่นนี้ ตระกูลเฉิงกลับมิชอบ!

ไม่แน่ว่าอาจเป็นพี่น้องตระกูลโจวที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมก็เป็นได้

ไม่อย่างนั้นจะให้เฉิงฉือแต่งกับหญิงสาวของตระกูลโจวโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยได้อย่างไร

โจวเสาจิ่นผู้นั้นเมื่อหลายวันก่อนยังพักอยู่ในบ้านของพวกเขา เพิ่งจะย้ายกลับไปเมื่อสองวันนี้เอง

ความคิดวาบผ่าน นึกถึงว่านับตั้งแต่บุตรชายแต่งงานกับบุตรสะใภ้เป็นต้นมา ทุกวันเมื่อกลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่ทำคือไปอยู่กับบุตรสะใภ้อย่างรักใคร่อ่อนหวานกันครู่หนึ่งก่อน ความขุ่นเคืองในใจของนางจึงเพิ่มมากขึ้นหลายส่วน

โจวเสาจิ่นเป็นแค่เด็กสาวที่ยังไม่ปักปิ่นผู้หนึ่งจะไปรู้เรื่องอะไร หากทำไม่ดีก็ต้องเป็นเพราะมีบุตรสะใภ้คนดีของนางผู้นี้ค่อยยุยงอยู่ตรงกลางมากกว่า ไม่อย่างนั้นตระกูลเฉิงที่ไม่เคยเอ่ยถึงโจวเสาจิ่นมาก่อนทั้งตอนแรกและตอนหลัง แต่พอแยกตระกูลก็แต่งโจวเสาจิ่นเข้าบ้านเลยทันทีได้อย่างไร

น้ำเสียงของฮูหยินใหญ่เลี่ยวจึงยิ่งไม่พอใจเพิ่มมากขึ้น “น้องสาวของเจ้ากับนายท่านสี่ตระกูลเฉิงหมั้นหมายกัน เจ้าควรจะทราบเรื่องถึงจะถูก เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าสักคำเล่า”

ที่แท้ก็ออกหน้าแทนฟางเซวียนนี่เอง

โจวชูจิ่นแสยะยิ้มเย็นอยู่ในใจ กล่าวขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า “ข้าเป็นสตรีออกเรือนแล้ว เรื่องงานแต่งของน้องสาวย่อมต้องให้บิดามารดาเป็นผู้ตัดสินใจ เพียงแต่เพราะว่าข้าและน้องสาวต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งน้องสาวก็ยังมิได้ปักปิ่น ยามมีเรื่องอะไร บิดามารดาก็เลยบอกกล่าวข้ามากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่เรื่องแต่งงานจำพวกนี้ บ้านใดบ้างที่ไม่รอให้เรื่องชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลงแน่แล้วถึงจะกล้าประกาศออกไปกัน” กล่าวถึงตรงนี้ นางหัวเราะออกมา “ท่านก็ทราบ ข้าเป็นคนปิดปากไม่สนิทรักษาความลับไม่ได้ บิดามารดาคงกลัวว่าหากข้ารู้เรื่องแล้วจะบอกเสาจิ่นกระมัง”

ฮูหยินใหญ่เลี่ยวกลับสูดหายใจเอาลมเย็นเข้าไปครั้งหนึ่ง

รู้สึกว่าไม่ว่าจะฟังอย่างไรคำพูดของโจวชูจิ่นก็มีความนัยแฝงอยู่

นี่นางกำลังเหน็บแนมตนว่าในงานวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้นตนและฮูหยินรองฟางร่วมมือกันผลักดันฟางเซวียนต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวไม่เป็นท่ากระมัง

ดวงหน้าของฮูหยินใหญ่เลี่ยวพลันแดงก่ำ แต่ก็ไม่อาจเปิดเผยเรื่องราวต่อบุตรสะใภ้ได้ หากเปิดเผยออกไป มิเท่ากับว่าตนยอมรับความพ่ายแพ้แล้วหรอกหรือ

นางโกรธจนตัวสั่นระริก ครู่ใหญ่กว่าจะกล่าวออกมาได้ว่า “ต่อให้เป็นเช่นนั้น ได้ยินว่าตอนนี้ถึงเวลาหารือเรื่องวันตบแต่งกันแล้วก็ยังไม่พูดไม่ได้อีกหรือ ข้าว่ามิใช่เพราะพูดไม่ได้ แต่เป็นเพราะมีเรื่องเหม็นคาวอะไรในนั้นมากกว่ากระมัง นึกถึงตอนแรก ตอนที่ตระกูลเฉิงยังมิได้แยกตระกูลกันนั้น น้องสาวของเจ้าก็เคยปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาก่อนระยะหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวทั้งมอบบ้านและเครื่องประดับต่างๆ ให้น้องสาวของเจ้า…”

คำพูดนี้หากกล่าวต่อไป คงจะไม่น่าฟังสักเท่าไรแล้ว

โจวชูจิ่นทำหน้าเคร่ง เอ่ยเสียงต่ำครั้งหนึ่งว่า “แม่สามีโปรดระวังคำพูดด้วย” จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ในเมื่อท่านทราบอยู่แล้วว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวโปรดปรานเสาจิ่นมาตั้งแต่ตอนที่ตระกูลเฉิงยังไม่ได้แยกตระกูลกันแล้ว ฉะนั้นตอนนี้หากอยากสู่ขอเสาจิ่นไปเป็นบุตรสะใภ้มีอะไรน่าแปลกประหลาดหรือเจ้าคะ แต่ถ้อยคำของแม่สามีกลับทำให้ข้ารู้สึกแปลกใจ ว่ากันตามหลักแล้ว เสาจิ่นเป็นน้องสาวของข้า วันนี้เสาจิ่นแต่งเข้าตระกูลเฉิงจวนหลัก ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของพวกเราและตระกูลเฉิงจวนหลักน่าจะแนบแน่นมากขึ้นถึงจะถูก แต่เหตุใดแม่สามีถึงได้มีท่าทีคล้ายกับไม่ดีใจสักเท่าไรเล่าเจ้าคะ”

ฮูหยินใหญ่เลี่ยวถูกตั้งคำถามจนพูดไม่ออก

โจวชูจิ่นกล่าวต่อว่า “คำพูดที่แม่สามีได้ฝากฝังเอาไว้กับข้าข้าไม่กล้าลืมเลยแม้แต่ประโยคเดียว ตอนนี้สามีมีนายท่านผู้เฒ่ารองตระกูลเฉิงเป็นผู้ให้คำชี้แนะ ไม่เพียงได้ติดตามร่ำเรียนตำรากับนายท่านผู้เฒ่ารองเท่านั้น ยังได้ไปช่วยคัดลอกผังเมืองที่สำนักฮั่นหลินอีกด้วย ตอนที่ซอยจิ่วหรูแยกตระกูลกันนั้น ข้ายังกลัวว่าจะกระทบต่อการร่ำเรียนตำราของสามีหรือไม่ ที่ผ่านมาน้องสาวเป็นคนที่พูดจาพอจะมีน้ำหนักต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาโดยตลอด ข้ายังขอให้น้องสาวไปสอบถามฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นพิเศษว่าจวนหลักมีแผนการอย่างไรบ้าง ด้วยกลัวว่านับจากนี้ไปตระกูลโจวและตระกูลเฉิงจวนหลักจะต้องตัดขาดความสัมพันธ์ไปด้วย…”

ฮูหยินใหญ่เลี่ยวตัวสั่นไปทั้งร่าง ในที่สุดก็คิดได้แล้ว

จริงด้วย!

เนื่องจากตระกูลฟางเป็นเพียงตระกูลฝั่งมารดาของนาง บุตรชายและตระกูลฟางยังกางกั้นกันไว้อีกหนึ่งชั้น แต่ตระกูลโจวเป็นตระกูลฝังภรรยาของบุตรชาย โจวเสาจิ่นผู้นั้นก็เป็นน้องภรรยาของบุตรชาย เมื่อเทียบกับฟางเซวียนที่เป็นเพียงญาติผู้น้องที่ปกติก็ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันผู้นี้แล้ว ย่อมต้องใกล้ชิดกับโจวเสาจิ่นผู้เป็นน้องสาวที่บุตรสะใภ้รักใคร่เอาใจใส่ผู้นี้มากกว่าอยู่แล้ว!

เหตุใดยามคับขันนางถึงได้เลอะเลือนได้ขนาดนี้!

ฮูหยินใหญ่เลี่ยวขมวดคิ้วมุ่นอย่างอดไม่อยู่

โจวชูจิ่นบังเกิดความรู้สึกรังเกียจ

แม่สามีมักจะพร่ำบ่นพ่อสามีทุกเมื่อเชื่อวันว่าชอบประจบประแจงผู้มีอำนาจและเหยียบย่ำผู้ต่ำต้อยกว่า ซึ่งตัวเองก็มิได้ต่างกัน

ตอนที่ 455 ระงับอารมณ์ 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน