เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 466

ได้ยิน​คำบอกเล่า​ของ​เฉิงเจีย​แล้ว​ โจว​เสาจิ่น​ปาก​อ้า​ตาค้าง​ กว่า​ครู่ใหญ่​ถึงได้​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “สมอง​ของ​อู๋​เป่า​จางมีปัญหา​เลอะเลือน​ไป​แล้ว​กระมัง​ นี่​เป็น​งานแต่ง​ของ​ตระกูล​เฉิง แม้น​จะกล่าวว่า​จวน​หลัก​และ​ซอย​จิ่ว​หรู​แยก​ตระกูล​กัน​แล้ว​ แต่​สุดท้าย​แล้วก็​มีบรรพบุรุษ​คน​เดียวกัน​ นาง​เอา​ข้า​ไป​พูด​เลื่อนเปื้อน​ไป​ทั่ว​เช่นนี้​ ไม่กลัว​จะทำให้​ตระกูล​เฉิงอับอาย​เสียชื่อเสียง​หรือ​ เมื่อก่อน​นาง​มิได้​เป็น​คน​เช่นนี้​นี่​นา​”

ถึงแม้ว่า​เมื่อก่อน​นาง​จะทำ​เรื่อง​ไม่ดี​ แต่​ก็​ลอบ​กระทำ​อย่าง​ลับ​ๆ แอบ​ขุด​หลุม​ดัก​ผู้อื่น​ลับหลัง​เงียบๆ​ หาก​เจ้าตกลง​ไป​ นาง​ยัง​แสร้ง​ทำเป็น​ยื่นมือ​ไป​ดึง​เจ้าหรือ​ประคอง​เจ้าขึ้น​มาด้วยซ้ำ​

ทว่า​ครั้งนี้​กลับ​เปลือย​แขน​ไป​ออกรบ​ เปิดเผย​เจตนา​ของ​ตัวเอง​ออกมา​ต่อหน้า​สายตา​ของ​ทุกคน​

โจว​เสาจิ่น​ตำหนิ​เฉิงเจีย​อย่าง​เคือง​ๆ ว่า​ “เจ้าเอง​ก็​เหมือนกัน​ ลดตัว​ลง​ไป​ถกเถียง​กับ​นาง​ทำไม​ เจ้าพูดว่า​นาง​เป็น​อนุ​ของ​พี่ชาย​นั่ว​ มิเท่ากับ​ทำลาย​ชื่อเสียง​ของ​พี่ชาย​นั่ว​หรอก​หรือ​ ควรจะ​บอก​ฮูหยิน​หยวน​ออกหน้า​ให้​ถึงจะถูก​ ปัญหา​ที่​นาง​กวน​ให้​ขุ่น​ขึ้น​มา ก็​ให้​นาง​เป็น​คน​จัดการ​เอง​ ไม่อย่างนั้น​ก็​ไปหา​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ นาง​ไม่กล้า​ละเลย​ทำเป็น​ไม่เห็น​อย่าง​แน่นอน​ นี่​กลับ​เอา​ตัวเอง​เข้าไป​ข้อง​เกี่ยวกับ​ปัญหา​ด้วย​”

เฉิงเจีย​โอดครวญ​ไม่หยุด​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ข้า​ไม่ได้​มีนิสัย​ดี​อย่าง​เจ้านี่​นา​ ขอ​ด่า​คน​ให้​สบายใจ​ก่อน​อย่าง​อื่น​ค่อย​ว่า​กัน​ทีหลัง​ อย่างไร​เสีย​ข้า​ก็​เป็น​สตรี​ที่​ออกเรือน​แล้ว​ แปด​ร้อย​ปี​ก็​มิได้​กลับ​ตระกูล​เดิม​สักครั้ง​ ต่อ​ให้ได้​กลับ​ตระกูล​เดิม​ ก็​ไป​ที่​จิน​ห​ลิง​ พวก​นาง​อยาก​พูดถึง​ข้า​อย่างไร​ก็​ปล่อย​พวก​นาง​พูด​ไป​เถอะ​ ข้า​ไม่ได้ยิน​ พวก​นาง​อยาก​พูด​ก็​เปล่าประโยชน์​อยู่ดี​”

โจว​เสาจิ่น​เม้มปาก​กลั้น​ยิ้ม​ กล่าว​ขอบคุณ​นาง​ “ข้า​รู้​ว่า​เจ้าทำ​ไป​ก็​เพื่อ​เป็นการ​ดี​ต่อ​ข้า​!”

“เจ้าเข้าใจ​ก็​ดีแล้ว​!” แต่​ผู้ใด​จะรู้​ว่า​เฉิงเจีย​ที่​ชายตามอง​นาง​ด้วย​ท่าทาง​ที่​บอ​กว่า​ ‘เจ้าไร้ประโยชน์​เกินไป​แล้ว​ ข้า​ไม่เถียง​กับ​เจ้าแล้ว​’ อย่าง​วางท่า​เมื่อ​ครู่​นั้น​ ต่อมา​จะมีอาการ​ห่อไหล่​ กล่าว​อย่าง​หดหู่​ขึ้น​ว่า​ “เพราะฉะนั้น​ ข้า​ก็​เลย​ถูก​ฮูหยิน​ใหญ่​กัว​ไล่​ออกมา​…”

ฮูหยิน​ใหญ่​กัว​คือ​พี่สะใภ้​ใหญ่​ฝั่งตระกูล​กัว​ของ​เฉิงฉือ​

โจว​เสาจิน​ประหลาดใจ​ ถามขึ้น​ว่า​ “ตอนนั้น​ฮูหยิน​ใหญ่​กัว​ก็​อยู่​ด้วย​หรือ​”

“ใช่น่ะ​สิ!” เฉิงเจีย​กล่าว​อย่าง​สลด​หดหู่​ “ตอนที่​ข้า​กล่าว​คำพูด​เหล่านี้​นั้น​นาง​ไม่ได้​ว่า​อะไร​ กระทั่ง​ข้า​พูด​จบ​แล้ว​ นาง​กลับ​ยืน​ขึ้น​มา ก้าว​ออกมา​อย่าง​ยิ้มแย้ม​กล่าว​อะไร​ทำนอง​ว่า​ ข้า​และ​เจ้าโตมา​ด้วยกัน​ ตอนที่​อู๋​เป่า​จางแต่ง​เข้ามา​นั้น​ข้า​กำลัง​วุ่น​เรื่อง​เตรียมตัว​ออกเรือน​อยู่​ จึงได้​เจอ​อู๋​เป่า​จางไม่เกิน​สอง​ครั้ง​เท่านั้น​ ก่อน​ออกเรือน​เป็น​บุตรสาว​คนเดียว​ของ​จวน​สาม เมื่อ​ออกเรือน​ก็ได้​แต่ง​กับ​ตระกูล​เก่าแก่​ของ​ลั่ว​หยาง​ ถูก​ตามใจ​จน​เคยตัว​ คำพูดคำจา​จึงไม่รู้จัก​หนัก​เบา​ ให้​อู๋​เป่า​จางไม่ต้อง​ลดตัวลงมา​ถกเถียง​กับ​ข้า​ ให้​คน​ลากตัว​ข้า​ออกมา​จากงานเลี้ยง​ที่​ห้องโถง​ ส่วน​ตัวนาง​กลับ​คล้อง​แขน​อู๋​เป่า​จางไว้​บอ​กว่า​อยาก​แนะนำ​นาง​ให้​รู้จัก​กับ​ฮูหยิน​ใหญ่​ตระกูล​เซิน​ของ​จิน​ห​ลิง​ บอ​กว่า​ฮูหยิน​ใหญ่​ตระกูล​เซิน​เป็น​ญาติ​กับ​ตระกูล​เดิม​ของ​ท่าน​อา​สะใภ้เวิ่น​ เนื่องจาก​ท่าน​อา​สะใภ้เวิ่น​ไม่ได้มา​ด้วย​ อู๋​เป่า​จางที่​เป็น​สะใภ้อย่างไร​ก็​ควรจะ​ไป​คารวะ​ทักทาย​ฮูหยิน​ใหญ่​ตระกูล​เซิน​สักครั้ง​ถึงจะถูก​…พี่สาว​เจิงช่วย​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​รับรอง​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​สอง​สามท่าน​อยู่​ที่​ลาน​ทิงเซียง​ พี่สาว​เซียว​ช่วย​ฮูหยิน​หยวน​รับรอง​บรรดา​ภรรยา​ของ​ขุนนาง​เหล่านั้น​ ส่วน​พี่สาว​เซิงก็​วุ่นอยู่กับ​การปรึกษาหารือ​เรื่อง​งานเลี้ยง​ของ​วันพรุ่งนี้​และ​มะรืน​นี้​กับ​พวก​ภรรยา​ของ​พ่อบ้าน​ใน​บ้าน​กัน​อยู่​ ข้า​ไม่มีที่​ไป​ก็​เลย​วิ่ง​มาหา​เจ้าที่นี่​”

ขณะที่​นาง​กล่าว​ ก็​หัวเราะ​เสียง​เบา​ออกมา​ กล่าว​ต่อว่า​ “ข้า​ได้​พบ​กับ​พี่เขย​สามีของ​พี่สาว​เซียว​ด้วย​ พี่เขย​หยวน​นั้น​เป็น​คน​ตลกขบขัน​ยิ่ง​ เขา​เอง​ก็​ช่วย​รับรอง​แขก​อยู่​ด้านนอก​ด้วย​เช่นกัน​ เขา​กล่าว​หยอก​ล้อเล่น​กับ​ห​ลี่​จิ้งว่า​ บุตร​เขย​และ​บุตรสาว​ของ​ผู้อื่น​เมื่อ​กลับ​บ้านเดิม​ล้วน​นั่ง​อยู่​ใน​งานเลี้ยง​ พวกเขา​ช่างดี​เหลือเกิน​ ไม่ต้อง​พูด​ถึงที่​แต่ละคน​ต่าง​ช่วย​งาน​กัน​อย่าง​เหน็ดเหนื่อย​ ตอน​งานเลี้ยง​เริ่ม​ก็​ยัง​พุ้ย​ข้าว​อย่าง​ลวกๆ​ อยู่​หน้า​ประตู​ครัว​ไป​เพียง​หนึ่ง​ถ้วย​เท่านั้น​ รอ​ให้​งานแต่ง​เสร็จสิ้น​แล้ว​ จะต้อง​ไป​ขอ​ซอง​แดง​จาก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ซอง​ใหญ่​ๆ สัก​ซอง​ถึงจะใช้การได้​ ไม่อย่างนั้น​คง​ขาดทุน​แย่​แล้ว​”

ใน​บ้าน​มีงานมงคล​ พวก​บุตร​เขย​ลุง​เขย​ควรจะ​ได้​นั่ง​อยู่​ใน​งานเลี้ยง​

หาก​จะกล่าวโทษ​ ก็​ต้อง​กล่าวโทษ​ที่​เรื่อง​ต่างๆ​ ภายในบ้าน​นั้น​พึ่งพา​แต่​เฉิงฉือ​มากเกินไป​ พอ​ถึงคราว​ที่​เฉิงฉือ​แต่งงาน​เอง​บ้าง​จึงไม่มีคน​มีความสามารถ​พอ​จะช่วย​งาน​ได้​

โจว​เสาจิ่น​เห็นใจ​เฉิงฉือ​ อด​ไม่ได้​กล่าว​ถากถาง​หยวน​ซื่อ​อยู่​ใน​ใจสอง​ประโยค​ว่า​ เฉิงฉือ​ก็​เป็น​จิ้น​ซื่อ​ขั้น​สอง​ผู้​หนึ่ง​ เขา​ดูแล​กิจการงาน​ของ​ตระกูล​เฉิงได้​ ยาม​เฉิงฉือ​แต่งงาน​ นาง​จะไม่ลงทุนลงแรง​ช่วยเหลือ​เฉิงฉือ​สักหน่อย​เลย​หรือ​

ต่อไป​ตอน​เฉิงสวี่​แต่งงาน​ นาง​ก็​จะไม่บอก​ให้​เฉิงฉือ​ไป​ช่วย​งาน​เหมือนกัน​

เหตุใด​ถึงชอบ​ใช้งาน​เฉิงฉือ​เสมือน​คน​ไม่มีงาน​ทำ​ด้วย​!

ไม่ให้เกียรติ​เฉิงฉือ​มากเกินไป​แล้ว​!

นาง​ถามขึ้น​ว่า​ “ใน​บ้าน​มีแขก​มาร่วมงาน​เป็น​จำนวนมาก​เลย​หรือ​”

“มาก​!” เฉิงเจีย​พยักหน้า​ “แค่​ลาน​ชั้นนอก​ก็​ตั้งโต๊ะ​ไป​แล้ว​หนึ่งร้อย​กว่า​โต๊ะ​ เห็น​ว่า​มีขุนนาง​ใหญ่​หยวน​ ขุนนาง​ใหญ่​ซ่ง ขุนนาง​ใหญ่​ชวี​…ยังมี​ใต้เท้า​อู๋​หัวหน้า​ราชบัณฑิต​หลวง​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ ใต้เท้า​เห​อ​ของ​สำนัก​สารบรรณ​กลาง​ และ​ใต้เท้า​โจว​เจ้ากรม​การตรวจตรา​ฝ่ายซ้าย​ของ​กรม​การตรวจตรา​ต่าง​ก็​มาร่วมงาน​กัน​หมด​!” ขณะที่​นาง​กล่าว​ ก็​หัวเราะ​คิก​ออกมา​อีกครั้ง​ “ห​ลี่​จิ้งบอ​กว่า​ ดู​คล้าย​กับ​เป็น​การประชุม​ใน​ราชสำนัก​ก็​ไม่ปาน​ นอกจาก​ขุนนาง​ใหญ่​สอง​สามท่าน​แล้ว​ ขุนนาง​ของ​หก​กรม​สามสำนัก​ต่าง​คน​ต่าง​นั่ง​ประจำ​ที่นั่ง​ ต่าง​คน​ต่าง​ไป​พูดคุย​กับ​หัวหน้า​ของ​ตัวเอง​…”

โจว​เสาจิ่น​ตะลึงงัน​ ครุ่นคิด​ภาพ​เหตุการณ์​นั้น​แล้วก็​หัวเราะ​ออกมา​ตาม​ไป​ด้วย​

เฉิงเจีย​ถามขึ้น​ว่า​ “เจ้าหิว​หรือไม่​ อยาก​ให้​ข้า​ช่วย​ไป​แอบ​เอา​ของกิน​อะไร​มาให้​เจ้าสักหน่อย​หรือไม่​”

“ไม่ต้อง​หรอก​!” โจว​เสาจิ่น​มอง​เจิน​จูครั้งหนึ่ง​ ถอด​ถุงขนาดเล็ก​ที่​ผูก​ไว้​ที่​เอว​ออกมา​แล้ว​เปิด​ออก​ กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ท่าน​พี่​เตรียม​ขนมหวาน​เอาไว้​ให้​ข้า​แล้ว​ บอ​กว่า​หาก​หิว​ก็​ให้​กิน​ขนมหวาน​สัก​สอง​สามชิ้น​”

เฉิงเจีย​หัวเราะ​ร่า​

เจิน​จูและ​อีก​หลาย​คน​ต่าง​ก็​หัวเราะ​ด้วย​เช่นกัน​ แต่​ทั้งหมด​ล้วน​ก้มหน้า​ลง​ด้วย​ท่าทาง​ที่​บอ​กว่า​ ‘ข้า​ไม่รู้ไม่เห็น​อะไร​ทั้งนั้น​’

โจว​เสาจิ่น​ถามว่า​ “พรุ่งนี้​และ​มะรืน​นี้​ใน​บ้าน​ยัง​ต้อง​จัดแสดง​งิ้ว​อีก​หรือ​”

จาก​ใน​ความทรงจำ​ของ​นาง​นั้น​ หลัง​จากไป​พบปะ​ญาติพี่น้อง​ใน​วัน​ที่สอง​หลัง​งานแต่ง​ก็​จะเริ่ม​รื้อ​ปะรำ​งานมงคล​ออก​กัน​แล้ว​

เฉิงเจีย​พยักหน้า​ กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ข้า​ได้ยิน​ภรรยา​ของ​พ่อบ้าน​กล่าวว่า​จะจัดแสดง​งิ้ว​อย่าง​ยิ่งใหญ่​ติดต่อกัน​สามวัน​”

นี่​ก็​ออกจะ​เอิกเกริก​มากเกินไป​แล้ว​กระมัง​!

เฉิงเจีย​พูดคุย​เจื้อยแจ้ว​กับ​โจว​เสาจิ่น​ไป​กว่า​ครึ่ง​ค่อนวัน​

แม้น​ส่วนใหญ่​แล้ว​จะเป็น​เฉิงเจีย​ที่​พูด​และ​โจว​เสาจิ่น​ที่​ฟังเสีย​มาก​ แต่​มีเฉิงเจีย​มาอยู่​ด้วย​ เวลา​จึงผ่าน​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​มาก​เป็นพิเศษ​ ราวกับว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​เพียง​พริบตาเดียว​ก็​ได้ยิน​ชุ่ย​หวน​ตะโกนเรียก​เฉิงเจีย​อยู่​นอก​หน้าต่าง​เรือนหอ​ว่า​ “ฮูหยิน​ใหญ่​ นาย​ท่าน​ใหญ่​ตามหา​ท่าน​ไป​ทั่ว​ทุกที่​ บอ​กว่า​เวลา​ไม่เช้าแล้ว​ พรุ่งนี้​ค่อย​มาใหม่​เจ้าค่ะ​”

เฉิงเจีย​ถึงได้​หันมา​ขยิบตา​ให้​โจว​เสาจิ่น​ กล่าว​สองแง่สองง่าม​ว่า​ “พรุ่งนี้​ข้า​ค่อย​มาหา​เจ้าใหม่​ พวกเรา​ค่อย​มาพูดคุย​เรื่องส่วนตัว​กัน​ดี​ๆ อีกครั้ง​”

จะพูด​เรื่องส่วนตัว​ก็​พูด​เรื่องส่วนตัว​ไป​ จำเป็นต้อง​แสดง​สีหน้าท่าทาง​เช่นนั้น​ด้วย​หรือ​

โจว​เสาจิ่น​ให้​เจิน​จูออก​ไป​ส่งเฉิงเจีย​ที่​ประตู​ด้วย​ความสงสัย​ นึก​ถึงที่​เฉิงเจีย​กล่าว​เมื่อ​ครู่​ว่าที่​ลาน​ชั้นนอก​มีแขก​มาร่วมงาน​เป็น​จำนวน​มากขึ้น​มา คิด​ว่า​เฉิงฉือคง​ไม่ได้​กลับ​เข้ามา​เร็ว​นัก​ จึงบอก​ให้​เจิน​จูไป​เก็บกวาด​ถั่วลิสง​ พุทรา​จีน​และ​ลำไย​ที่​โปรย​อยู่​บน​เตียง​ออก​ไป​ก่อน​ หลาย​วันนี้​นาง​เอาแต่​เป็น​กังวลใจ​เรื่อง​คืน​เข้า​หอ​ อีก​ทั้ง​วันนี้​ฟ้ายัง​ไม่ทัน​สว่าง​ก็​ต้อง​ตื่นขึ้น​มาอาบน้ำ​ เกล้าผม​และ​แต่งตัว​แล้ว​ รู้สึก​เหนื่อยล้า​ยิ่งนัก​ ตัดสินใจ​ว่า​จะเอนกาย​พัก​อยู่​บน​เตียง​สักครู่​รอ​เฉิงฉือ​กลับมา​

พวก​เจิน​จูได้รับ​คำสั่ง​จาก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​และ​เฉิงฉือ​มาตั้ง​แต่เช้า​แล้ว​ จึงกล่าว​รับคำ​ยิ้ม​ๆ ช่วย​ปู​เตียง​ให้​นาง​ใหม่​ ยก​ของหวาน​เข้ามา​ให้​ถ้วย​หนึ่ง​แล้วก็​ถอย​ออก​ไป​จาก​ห้องนอน​ ไป​เฝ้าอยู่​ใน​ห้องรับแขก​แทน​

โจว​เสาจิ่น​เอนตัว​นอน​อยู่​กับ​หัว​เตียง​ สะลึมสะลือ​หลับ​ไม่ลึก​มาก​นัก​

ไม่รู้​ว่า​ผ่าน​ไป​นาน​เท่าไร​ นาง​ได้ยิน​ว่า​มีเสียงดัง​อยู่​ด้านนอก​ ยัง​มีเสียง​ของ​เฉิงฉือ​ดัง​เข้ามา​เบา​ๆ ด้วยว่า​ “ฮูหยิน​สี่หลับ​หรือยัง​”

นาง​ตื่นขึ้น​มาในทันที​ ลุกขึ้น​แล้ว​รีบ​สาวเท้า​ไป​ที่​หน้า​ประตู​ เลิก​ผ้าม่าน​ขึ้น​

เฉิงฉือ​หน้าแดง​ด้วย​ฤทธิ์​สุรา​เล็กน้อย​ กำลัง​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​โดย​มีเจิน​จูคอย​กำกับ​ให้​หยวน​หยวน​และ​หมา​น​หม่า​น​ช่วย​เปลี่ยน​อาภรณ์​ให้​เขา​อยู่​

ดวง​หน้า​ของ​โจว​เสาจิ่น​พลัน​แดง​เรื่อ​ขึ้น​มาโดย​ไร้​สาเหตุ​

ฉับพลัน​นั้น​เฉิงฉือ​ก็​หัน​มอง​มา

โจว​เสาจิ่น​ยังคง​สวม​ชุด​มงคล​สีแดงสด​อยู่​ แม้น​จะถอด​เครื่อง​หัวออก​แล้ว​ ทว่า​ยัง​เกล้าผม​ทรง​เดียว​กับ​ตอนที่​แต่ง​เข้ามา​ทรง​นั้น​ ปัก​ปิ่น​ดอกไม้​หิน​โมราสี​ฟ้าและ​ปิ่น​ทอง​ฝังอัญมณี​หลาก​สีเอาไว้​ ภายใต้​แสงตะเกียง​นั้น​ ขับ​ให้​ใบหน้า​ของ​นาง​ใบหน้า​นั้น​ดู​งดงาม​ดุจ​บัว​แดง​ที่​วิจิตร​บอบบาง​ ดวงตา​แวววาว​ดั่ง​น้ำมัน​เคลือบ​เงาสีดำ​

เฉิงฉือ​หันมา​ยิ้ม​ให้​นาง​อย่าง​ห้าม​ไม่อยู่​

ดวง​หน้า​ของ​โจว​เสาจิ่น​ยิ่ง​แดง​เรื่อ​มากขึ้น​

กำลัง​ครุ่นคิด​ว่า​ควรจะ​ก้าว​ออก​ไป​ปรนนิบัติ​เขา​เปลี่ยน​อาภรณ์​หรือไม่​ แต่​ก็​กลัว​ว่า​จะไม่เหมาะสม​ขัดต่อ​ระเบียบปฏิบัติ​

ขณะที่​กำลัง​ลังเล​อยู่​นั้น​ เฉิงฉือ​ก็​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ขึ้น​ก่อน​ว่า​ “รีบ​เข้า​ห้อง​ไป​เถิด​ ข้า​ล้างหน้า​เสร็จ​แล้​วจะ​รีบ​ตาม​เข้าไป​”

โจว​เสาจิ่น​ถอยกลับ​เข้า​ห้องนอน​ไป​ด้วย​ความ​ขัดเขิน​

ทั้ง​ห้อง​เงียบสงบ​ไร้​ซึ่งสรรพ​เสียง​ใด​ทั้ง​สี่ด้าน​ ได้ยิน​เพียง​เสียง​ติ๊ก​ต็อก​ของ​นาฬิกา​จาก​แดน​ตะวันตก​เท่านั้น​ ยิ่ง​ทำให้​ดู​เงียบสงัด​มากยิ่งขึ้น​

โจว​เสาจิ่น​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​หลัง​ใหม่​อย่าง​กระวนกระวาย​อยู่​ไม่เป็นสุข​ ทว่า​ใน​ใจก็​คิด​อะไร​เรื่อยเปื่อย​ไป​ด้วย​ ความจริง​แล้ว​ใน​ห้อง​หอ​ก็​ยังมี​นาฬิกา​จาก​แดน​ตะวันตก​วาง​ประดับ​อยู่​ด้วย​อีก​เรือน​หนึ่ง​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​เป็น​เรือน​ที่​วาง​กับ​พื้นเรือน​นั้น​หรือว่า​เป็น​เรือน​ที่​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ตัว​ยาว​เรือน​นั้น​กัน​แน่​เท่านั้น​ นี่​ก็​เป็น​สินค้า​ที่มา​ขาย​พร้อมกับ​เรือ​ที่มา​เทียบท่า​หรือ​ ชาติก่อน​นาง​เคย​เห็น​อยู่​ไกลๆ​ ครั้งหนึ่ง​ใน​พระราชวัง​ ก็​ไม่รู้​ว่า​นาฬิกา​เรือน​นั้น​ทำ​ขึ้น​มาอย่างไร​ จึงทดแทน​นาฬิกาน้ำ​ได้​…

ตอนที่ 466 ร่วมหอ 1

ตอนที่ 466 ร่วมหอ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน