เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 468

คำตอบ​ของ​เฉิงฉือ​ทำให้​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ยิ้ม​จน​ตาหยี​ กระทั่ง​ตอนที่​โจว​เสาจิ่น​เปลี่ยน​สรรพนาม​เรียกขาน​นาง​ว่า​ “ท่าน​แม่” นั้น​ ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ก็​อดทน​ต่อไป​ไม่ได้​อีก​ กอด​โจว​เสาจิ่น​เอาไว้​กล่าว​ชมนาง​อย่าง​โปรดปราน​ว่า​ “เด็กดี​” แล้ว​บอก​โจว​เสาจิ่น​เสียง​อบอุ่น​ว่า​ “รีบ​ไป​หอ​บรรพชน​กับ​เจ้าสี่เถิด​ เสร็จ​จาก​ทำความรู้จัก​ญาติพี่น้อง​แล้ว​ จะได้มา​อยู่​เป็นเพื่อน​ข้า​”

โจว​เสาจิ่น​ไม่กล้า​เงยหน้า​ขึ้น​มา

หลี่ว์​มามาจะต้อง​เป็น​คน​ทำหน้าที่​ไป​แอบ​ฟังห้อง​หอ​ของ​บ่าวสาว​ผู้​นั้น​แน่ๆ​

ชาติก่อน​ ตอนที่​นาง​และ​หลิน​ซื่อ​เซิ่งแต่งงาน​กัน​นั้น​ อาจจะ​เป็น​เพราะ​กลัว​ว่า​ใน​ใจของ​หลิน​ซื่อ​เซิ่งยังมี​คุณหนู​ใหญ่​ตระกูล​มู่ผู้​นั้น​อยู่​ นาย​หญิง​ผู้เฒ่า​หลิน​จึงทำหน้าที่​ดักฟัง​ห้อง​หอ​ของ​บ่าวสาว​ด้วยตัวเอง​

ทั้งสอง​คน​ค่อยๆ​ ออกจาก​เรือน​หลัก​ของ​ลาน​ทิงเซียง​ช้าๆ

เฉิงฉือ​เรียก​เกี้ยว​มาให้​จริงๆ​ พา​นาง​ที่นั่ง​อยู่​บน​เกี้ยว​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​หอ​บรรพชน​ไป​ด้วย​ กล่าว​สนทนา​กับ​นาง​ไป​ด้วยว่า​ “…ตอนที่​เจ้าแวะ​มาเมื่อ​หลาย​วันก่อน​นั้น​ลาน​ทิงเซียง​ยัง​สร้าง​ไม่เสร็จ​ดี​ ตั้งใจ​ไว้​ว่า​จะเอาไว้​ให้​เจ้าใช้รับรอง​สหาย​สนิท​ใน​ยาม​ปกติ​ พอ​ท่าน​แม่ย้าย​เข้าไป​อยู่​ข้า​จึงเพิ่ม​ระเบียง​บริเวณ​ด้านหน้า​ของ​เรือน​หลัก​ ทำเป็น​โถงรับรอง​สัก​ห้อง​หนึ่ง​ รอ​ให้​แขกเหรื่อ​ใน​บ้าน​กลับ​ไป​และ​ท่าน​แม่ย้าย​กลับ​ไป​อยู่​ที่​เรือน​เฮ่อ​โซ่ว​ถังแล้ว​ นอกจาก​จะใช้ที่นั่น​เป็น​ที่รับรอง​แขก​สตรี​แล้ว​ เจ้ายัง​ใช้ที่นั่น​เป็นที่​อบรม​ให้​คำ​ชี้แนะ​บรรดา​ภรรยา​ของ​พ่อบ้าน​ได้​อีกด้วย​…หอ​บรรพชน​นั้น​เพิ่ง​สร้าง​ขึ้น​มาใหม่​ พวกเรา​เป็น​สามีภรรยา​คู่​แรก​ที่​ได้​ไป​กราบไหว้​บรรพบุรุษ​ที่นั่น​…”

รอ​ให้​ต่อไป​เมื่อ​พวกเขา​แก่​ชรา​และ​จากไป​แล้ว​ ป้าย​วิญญาณ​ก็​จะถูก​บรรดา​บุตรหลาน​นำ​ไป​ตั้ง​ใน​หอ​บรรพชน​และ​ได้รับ​การกราบไหว้​จุด​ธูป​เทียน​จาก​คนรุ่นหลัง​สืบ​ต่อไป​เช่นกัน​

พวกเขา​จะครอง​คู่​กัน​อย่าง​กลมเกลียว​ใน​บ้าน​หลัง​นี้​ และ​มีบุตรหลาน​มากมาย​ใน​บ้าน​หลัง​นี้​เช่นกัน​ จะมีกันและกัน​ไป​จน​แก่เฒ่า​…

คิด​เช่นนี้​แล้ว​ เฉิงฉือ​พลัน​รู้สึก​ว่า​ทัศนียภาพ​ตรงหน้า​นี้​ดู​งดงาม​ขึ้น​มาใน​ทันใด​

โจว​เสาจิ่น​กลับ​รู้สึก​ไม่สบายใจ​เป็น​อย่างยิ่ง​

นาง​นั่ง​อยู่​บน​เกี้ยว​ ทว่า​เฉิงฉือ​กลับ​ประคอง​เกี้ยว​เดิน​อยู่​ข้างๆ​ นาง​ นาง​เงยหน้า​ขึ้น​เป็น​ภาพ​วิว​ทิวทัศน์​อัน​งดงาม​ของ​ขุนเขา​และ​ทะเลสาบ​ของ​เรือน​ชั้นใน​ ทว่า​เมื่อ​ก้มหน้า​ลง​กลับ​เห็น​เพียง​เส้น​ผม​ดำ​เงางามและ​ปิ่น​หยก​ขาว​ลาย​ดอกบัว​ที่​เสียบ​มวยผม​ของ​เขา​เอาไว้​เท่านั้น​

ราวกับ​นั่ง​อยู่​บน​หัวไหล่​ของ​เฉิงฉือ​ก็​ไม่ปาน​

นาง​ยิ่ง​กลัว​ว่า​จะถูก​ผู้อื่น​พบเห็น​เข้า​

เนื่องด้วย​งานแต่ง​ของ​พวกเขา​ ญาติสนิท​มิตรสหาย​เก่าแก่​ของ​ตระกูล​เฉิงที่มา​ร่วมงาน​ได้​ล้วน​มากัน​เกือบ​หมด​ คน​ที่มา​ไม่ได้​ก็​พยายาม​หาทาง​มาให้ได้​ เนื่องจาก​ส่วนมาก​ล้วน​มิได้​อาศัย​อยู่​ที่​จิงเฉิง ทั้งหมด​จึงพัก​อยู่​ที่​เรือน​ตะวันออก​ พวกเขา​จะไป​หอ​บรรพชน​ จึงต้อง​เดินผ่าน​เรือน​ตะวันออก​

นี่​หากว่า​ถูก​ผู้คน​พบเห็น​เข้า​ นาง​คง​หนี​ไม่พ้น​ข้อครหา​ว่า​เป็น​คน​เอาแต่ใจ​และ​นิสัย​แย่​ผู้​หนึ่ง​เป็นแน่​ และ​หาก​พูด​ให้​ลึก​ลง​ไป​อีก​ อาจ​ถึงขั้น​ถูก​พูด​ต่อไป​ว่า​เป็น​คน​หยิ่ง​ทะนง​ชอบ​บงการ​ ไม่เคารพ​ผู้อาวุโส​ เช่นนั้น​ชีวิต​นี้​นาง​อย่า​ได้คิด​จะมีที่​ให้​ยืน​ได้​แล้ว​

ต่อให้​นี่​จะเป็น​สิ่งที่​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​จัดเตรียม​เอาไว้​ให้​ แต่​นาง​ก็​คง​ไม่อาจ​อธิบาย​ให้​ทุก​คนฟัง​ทุกครั้งที่​พบ​หน้า​หรอก​กระมัง​

ไม่แน่​ว่า​ผู้อื่น​อาจจะ​คิด​ว่า​นี่​นาง​กำลัง​ถือ​ขนไก่​แสดงอำนาจ​นึก​ว่า​เป็น​ลูกธนู​ ยิ่ง​ปกปิด​ก็​ยิ่ง​ทำให้​เรื่อง​แจ่มชัด​มากขึ้น​

นาง​โน้มตัว​ไป​สะกิด​ไหล่​ของ​เฉิงฉือ​เบา​ๆ กระซิบ​กล่าว​เสียง​ค่อย​ว่า​ “นาย​ท่าน​สี่ ข้า​…ข้า​ลง​ไป​เดิน​เอง​ดีกว่า​! ข้า​ไม่เป็นไร​จริงๆ​ เจ้าค่ะ​!”

เฉิงฉือ​รู้​ว่า​นาง​ขี้กลัว​และ​ระมัดระวัง​ รู้​ว่า​นาง​ไม่คุ้นชิน​ แล้ว​เขา​จะทน​ทำให้​นาง​ลำบากใจ​ได้​อย่างไร​

แต่​จะให้​นาง​เดิน​ไป​ที่​หอ​บรรพชน​ด้วย​สภาพ​เช่นนี้​ เขา​ก็​กลัว​ว่า​นาง​จะไม่ไหว​จริงๆ​

หาก​จะกล่าวโทษ​ ก็​ต้อง​กล่าวโทษ​ที่​เขา​ไม่รู้จัก​พอ​

แต่​เขา​ก็​คิดไม่ถึง​ว่า​มัน​จะหนักหนา​ถึงเพียงนี้​

มาเสียใจ​เอา​ตอนนี้​ก็​ไม่ทันการ​แล้ว​

เฉิงฉือ​กระซิบ​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ “รอ​ให้​ถึงหน้า​ประตู​หอ​บรรพชน​ก่อน​พวกเรา​จะเดิน​เข้าไป​กัน​”

นี่​ถือ​เป็นการ​ให้เกียรติ​และ​เคารพ​บรรพบุรุษ​ด้วย​

โจว​เสาจิ่น​พยักหน้า​หงึก​

กระทั่ง​ถึงหน้า​ธรณีประตู​สีดำ​ของ​หอ​บรรพชน​แล้ว​ เฉิงฉือ​ประคอง​โจว​เสาจิ่นลง​จาก​เกี้ยว​ ทั้งๆ ที่​รู้​ว่า​นาง​ต้อง​เดิน​เข้าไป​ด้วยตัวเอง​ แต่​ก็​ยังคง​ถามขึ้น​อย่าง​ห้าม​ไม่อยู่​ว่า​ “เจ้าไหว​หรือไม่​”

โจว​เสาจิ่น​เขินอาย​ยิ่งนัก​ ไหน​เลย​จะกล้า​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​กับ​เขา​ พยักหน้า​ให้​ส่งๆ ด้วย​ความ​อับอาย​

เฉิงฉือ​ยิ้ม​พลาง​เดิน​เข้าไป​ใน​หอ​บรรพชน​พร้อมกับ​นาง​

คน​ที่​ช่วย​เตรียม​เครื่องเซ่นไหว้​บูชา​อยู่​ภายใน​หอ​บรรพชน​คือ​พ่อ​บ้านใหญ่​ฉิน​

เขา​มอง​เฉิงฉือ​และ​โจว​เสาจิ่น​ด้วย​ความปลาบปลื้ม​ใจ แบ่ง​ธูป​และ​เทียน​ยื่น​ส่งให้​พวกเขา​ นำ​พวกเขา​ไป​โขก​ศีรษะ​ต่อหน้า​ป้าย​วิญญาณ​ของ​บรรพบุรุษ​

ภายใน​หอ​บรรพชน​ยัง​อบอวล​ไป​ด้วย​กลิ่น​น้ำมัน​เคลือบ​มะเยา​หิน​ ป้าย​วิญญาณ​ก็​เพิ่ง​ทำ​มาใหม่​ ขาด​รายละเอียด​ของ​ตระกูล​เก่า​กว่า​ร้อย​ปี​และ​ความ​ขึงขัง​ของ​พิธีการ​ที่​ปฏิบัติ​สืบทอด​กัน​มาเป็น​เดือน​ปี​นั้น​ไป​

พ่อ​บ้านใหญ่​ฉิน​ทอดถอนใจ​แล้วก็​อด​ไม่ได้​กล่าว​กับ​เฉิงฉือ​อย่าง​กระตือรือร้น​ว่า​ “เริ่มต้น​ชีวิต​ใหม่​แล้ว​ เจ้าต้อง​พยายาม​ขยาย​กิ่ง​ก้านใบ​ออก​ไป​อย่าง​ขยันขันแข็ง​ ช่วยกัน​เอาใจใส่​ดูแล​และ​ขยับขยาย​ตระกูล​เฉิงกับ​พวก​พี่​ๆ ถึงจะถูก​”

เฉิงฉือ​ขาน​รับคำ​ว่า​ “ขอรับ​” เสียง​หนึ่ง​อย่าง​นอบน้อม​

โจว​เสาจิ่น​รู้​ว่า​เขา​มิใช่บ่าว​รับใช้​ธรรมดา​ทั่วไป​ แต่​เป็น​ผู้​มีบุญคุณ​ของ​ตระกูล​เฉิงและ​เป็น​ศิษย์​พี่​ของ​เฉิงฉือ​ด้วย​ หาก​ไม่มีตระกูล​ฉิน​ บางที​อาจจะ​ไร้​ซึ่งตระกูล​เฉิงใน​วันนี้​แล้วก็​เป็นได้​

นาง​รีบ​ยอบ​กาย​ทำความเคารพ​ตาม​ไป​ด้วย​อย่าง​นอบน้อม​

นัยน์ตา​ของ​พ่อ​บ้านใหญ่​ฉิน​เผย​รอยยิ้ม​พึงพอใจ​ออกมา​ให้​เห็น​

ระหว่าง​เดินทาง​กลับ​โจว​เสาจิ่น​ยืนกราน​จะเดิน​ด้วยตัวเอง​

เฉิงฉือ​เอง​ก็​มิได้​บีบบังคับ​นาง​

โชคดี​ที่​ห้องโถง​หลัก​อยู่​ไม่ไกล​จาก​หอ​บรรพชน​ ตอนที่​โจว​เสาจิ่น​ให้กำลังใจ​ตัวเอง​ว่า​อย่า​หยุด​เดิน​เป็น​ครั้ง​ที่สาม​นั้น​ ก็​ถึงห้องโถง​หลัก​พอดี​

พื้น​หิน​สีดำ​ กำแพง​สีขาว​ขุ่น​ สันหลังคา​สีเทา​ แผ่น​ป้ายสี​ดำ​เงาเขียน​ตัวอักษร​สีทอง​สามตัว​ว่า​ ‘ผา​นจง​ถัง’ โถงแห่ง​ตระกูล​ที่​แข็งแกร่ง​เอาไว้​

อักษร​สามตัว​นี้​เฉิงจิงเป็น​คนเขียน​ขึ้น​มาด้วยตัวเอง​

เป็น​ตัวอักษร​ตามแบบฉบับ​ของ​ราชสำนัก​

แต่​อักษร​ตัว​ใหญ่​ ดู​อิ่ม​เต็ม​สมบูรณ์​ งดงาม​อ่อนโยน​ ดู​ยิ่งใหญ่​มีพลัง​

นี่​คือ​ชื่อ​เรียก​บ้าน​ของ​จวน​หลัก​ใน​ปัจจุบัน​

เอา​มาจาก​ ‘พงศาวดาร​จักรพรรดิ​เห​วิน​ผู้​ทรงธรรม​’ มีความหมาย​ว่า​บุตรหลาน​รุ่งโรจน์​เจริญรุ่งเรือง​ วงศ์ตระกูล​แข็งแกร่ง​ดุจ​หิน​ผา​

โจว​เสาจิ่น​นึกถึง​คำ​กำชับ​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ของ​พ่อ​บ้านใหญ่​ฉิน​เมื่อครู่นี้​ขึ้น​มา ลอบ​รู้สึก​ดีใจ​อยู่​ใน​ใจอย่าง​ห้าม​ไม่อยู่​ โชคดี​ที่​ร่วม​หอ​กับ​นาย​ท่าน​สี่แล้ว​ ไม่อย่างนั้น​บรรดา​ผู้อาวุโส​ทั้งหลาย​ที่​ตั้งความหวัง​เอาไว้​กับ​เฉิงฉือ​อย่าง​ไม่มีที่​สิ้นสุด​เหล่านี้​จะผิดหวัง​มาก​เพียงใด​!

“มาแล้ว​เจ้าค่ะ​มาแล้ว​ เจ้าบ่าว​และ​เจ้าสาว​มากัน​แล้ว​เจ้าค่ะ​!” มีบ่าว​รับใช้​ร้อง​ตะโกน​อย่าง​ดีใจ​ ใน​น้ำเสียง​เผย​ความยินดี​ออกมา​หลาย​ส่วน​

เขา​มีสีหน้า​เฉยชา​ไม่แสดง​ความรู้สึก​ ก้มหน้าก้มตา​ก้าว​ออก​ไป​ทำความเคารพ​เฉิงฉือ​และ​โจว​เสาจิ่น​ รับ​ซอง​แดง​และ​รองเท้า​ถุงเท้า​ที่​เฉิงฉือ​ยื่น​ให้​แล้วก็​ถอย​ออกมา​ยืน​ข้างๆ​ ทั้ง​ไม่มอง​เฉิงฉือ​กับ​โจว​เสาจิ่น​เลย​สักครั้ง​ และ​ก็​ไม่พูด​อะไร​แม้แต่​ประโยค​เดียว​ด้วย​

โจว​เสาจิ่น​เอง​ก็​ไม่คิด​จะกล่าว​ทักทาย​เขา​เช่นกัน​ รู้สึก​ว่า​เป็น​เช่นนี้​ก็​ดีแล้ว​

รอ​ให้​เขา​ถอย​ออก​ไป​แล้ว​ ใบหน้า​ของ​นาง​ก็​เผย​รอยยิ้ม​สดใส​งดงาม​ออกมา​ให้​เห็น​อีกครั้ง​ หลังจาก​รับ​ของขวัญ​จาก​คุณชาย​ตระกูล​กัว​และ​คนอื่นๆ​ แล้ว​ จากนั้น​ก็​ไป​ทำความเคารพ​ฮูหยิน​และ​สะใภ้ทุกท่าน​ที่อยู่​ทาง​ด้าน​ตะวันตก​พร้อมกับ​เฉิงฉือ​

นาง​ไม่รู้​เลย​ว่า​ตอนที่​เฉิงสวี่​เงยหน้า​ขึ้น​มามอง​นาง​นั้น​สายตา​ของ​เขา​ดู​สิ้นหวัง​และ​เจ็บปวด​มาก​เพียงใด​

วันนี้​เป็น​วัน​มงคล​ของ​เฉิงฉือ​และ​โจว​เสาจิ่น​ ผู้ใด​จะยัง​สนใจ​คน​รุ่น​เด็ก​ที่​แอบ​อยู่​ตรง​มุมห้อง​ผู้​หนึ่ง​กัน​?

จึงไม่มีใคร​ใน​ห้องโถง​หลัก​สังเกตเห็น​ความผิดปกติ​ของ​เขา​เลย​สัก​คน​

หลังจาก​ทำความรู้จัก​ญาติพี่น้อง​เสร็จ​แล้ว​ เฉิงฉือ​ถูก​รั้ง​ให้​อยู่​ที่​ห้องโถง​หลัก​ ส่วน​โจว​เสาจิ่น​ถูก​พา​ตัว​ไป​ที่​ลาน​ทิงเซียง​

ปี้​อวี้​ร้อนใจ​ยิ่งนัก​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ฮูหยิน​สี่ ข้า​ขอ​กลับ​เรือน​ก่อน​นะ​เจ้าคะ​ วันนี้​ได้รับ​ของขวัญ​พบ​หน้า​มาเป็น​จำนวนมาก​ ข้า​กลัว​ว่า​ประเดี๋ยว​ข้า​จะจำสับสน​กัน​เจ้าค่ะ​”

แม้น​ผู้อาวุโส​ของ​ตระกูล​เฉิงจะมีไม่มาก​ ทว่า​ญาติสนิท​มิตรสหาย​เก่าแก่​กลับ​มีเป็น​จำนวนมาก​

โจว​เสาจิ่นรี​บก​ล่า​ว​ขึ้น​ว่า​ “เช่นนั้น​เจ้ารีบ​กลับ​ไป​ก่อน​เถอะ​! ทาง​ด้าน​นี้​ข้า​ไม่จำเป็นต้อง​ให้​เจ้ามาคอย​ปรนนิบัติ​แล้ว​ บ่าว​รับใช้​ของ​ท่าน​แม่ทาง​ด้าน​โน้น​ข้า​ล้วน​รู้จัก​ มีซางมามาไป​กับ​ข้า​ก็​พอ​”

ปี้​อวี้​พยักหน้า​ พา​สาวใช้​สอง​คน​ยก​ของขวัญ​พบ​หน้า​ของ​โจว​เสาจิ่น​กลับ​ไป​ที่​เรือนหอ​

ส่วน​ซางมามาก้าว​ออกมา​ประคอง​โจว​เสาจิ่น​เอาไว้​ ยัง​กล่าว​อย่าง​รักษาหน้า​ให้​นาง​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ฮูหยิน​สี่ยุ่ง​มาทั้ง​เช้าคงจะ​เหนื่อย​แล้ว​กระมัง​ ข้า​จะประคอง​ท่าน​เอง​เจ้าค่ะ​!”

การ​ประคอง​ของ​นาง​ไม่เหมือนกับ​ของ​คนอื่น​

แทบจะ​เป็น​ไม้ค้ำ​ยัน​พา​นาง​เดิน​ไป​อยู่แล้ว​

โจว​เสาจิ่น​มอง​นาง​อย่าง​ซาบซึ้งใจ​ครั้งหนึ่ง​

กระทั่ง​ไป​ถึงเรือน​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ มีฮูหยิน​ผู้เฒ่า​นั่ง​อยู่​เพียง​สอง​ถึงสามท่าน​เท่านั้น​ นอกจาก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ ถัดมา​เป็น​มารดา​หม้าย​ของ​อู๋​ซิ่ว​เจ่าหัวหน้า​ราชบัณฑิต​หลวง​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ และ​มารดา​ของ​เจ้ากรม​การตรวจตรา​ฝ่ายซ้าย​ของ​กรม​การตรวจตรา​แล้ว​ ก็​ยังมี​มารดา​ของ​หง​ซื่อ​ผู้​เป็น​ฮูหยิน​ใหญ่​ของ​จวน​รอง​อยู่​ด้วย​

โจว​เสาจิ่น​ถึงได้​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ หง​ซิ่ว​พี่ชาย​ร่วมอุทร​ของ​หง​ซื่อ​ดำรงตำแหน่ง​รอง​เจ้ากรม​กลาโหม​และ​ดูแล​รับผิดชอบ​เมือง​ก่วงตง​และ​ก่วง​ซี สอบผ่าน​จิ้น​ซื่อ​ขั้น​สอง​ประจำปี​การ​สอบ​เจี่ยซ​วี​รัช​ศก​หย่ง​ชังปี​ที่​สิบสอง​ เป็น​สหาย​ร่วม​ปี​การ​สอบ​ของ​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​เฉิงเซ่าของ​จวน​หลัก​

ความสัมพันธ์​ระหว่าง​เครือญาติ​เหล่านี้​…ช่างซับซ้อน​ยิ่งนัก​!

โจว​เสาจิ่น​เหงื่อ​ตก​

โชคดี​ที่​ถึงแม้ความสัมพันธ์​จะซับซ้อน​ แต่​ผู้คน​กลับ​ไม่ซับซ้อน​นัก​

หลังจาก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ทั้งหลาย​รับ​น้ำชา​จาก​นาง​และ​มอบ​ของขวัญ​พบ​หน้า​ให้​นาง​แล้ว​ โจว​เสาจิ่น​ก็​ถูกห​ลี่ว์​มามาพา​ไป​ยัง​ห้อง​ที่​กั้น​ด้วย​ฉาก​กั้น​ใน​ห้อง​ชั้นใน​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​

“ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​บอก​เอาไว้​แล้ว​เจ้าค่ะ​” หลี่ว์​มามายิ้ม​อย่าง​กระตือรือร้น​มากกว่า​ปกติ​หลาย​ส่วน​ “ฮูหยิน​สี่เพิ่ง​แต่ง​เข้ามา​ เกรง​ว่า​จะไม่ค่อย​ได้​นอน​พักผ่อน​ดี​ๆ นัก​ ที่​เรียก​ท่าน​มาเป็นพิเศษ​นี้​ก็​เพื่อให้​ท่าน​ได้​นอน​พัก​อยู่​ใน​ห้อง​ของ​นาง​สักหน่อย​เจ้าค่ะ​”

………………………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน