เฉิงจิงฟังแล้ว อดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้
เฉิงฉือไม่รอให้เขาได้กล่าวอะไร ก็กล่าวยิ้มๆ ขึ้นก่อนว่า “พี่ใหญ่ ท่านและพี่สะใภ้ใหญ่มา
รับท่านแม่กระมัง ราชสํานักใกล้จะปิดผนึกแล้ว ช่วงนี้ท่านต้องยุ่งมากเป็นแน่ ข้าก็จะไม่ประวิง
เวลาท่านแล้ว ข้าเพิ่งกลับมาถึงเมื่อวาน เดิมทีคิดว่าวันนี้จะไปหาท่านสักครั้งหนึ่ง แต่ก็กลัวว่า
ท่านจะงานยุ่ง จึงตั้งใจว่ารออีกสักสองสามวันตอนที่ไปส่งท่านแม่ที่ซอยซิ่งหลินนั้นค่อยพบพี่ใหญ่
สักครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะมาก่อนแล้ว วันนี้ข้าต้องไปหาขุนนางใหญ่ซ่ง…ข้าจะไปหาท่าน
แม่เป็นเพื่อนท่านแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน”
เฉิงจิงไม่ปฏิเสธ
คนทั้งกลุ่มจึงมุ่งหน้าไปที่ลานทิงเซียง
ระหว่างทาง เฉิงจิงถามเฉิงฉือว่า “ขุนนางใหญ่ซ่งนัดเจ้าไว้กี่ยาม ไปช้าจะไม่ดีนัก
หลังจากพบท่านแม่แล้วเจ้าก็ไปก่อนเถอะ! รอให้ถึงตอนมื้ออาหารคํ่าในคืนท้ายปีพวกเราค่อยคุย
กันอย่างละเอียดอีกที”
เฉิงฉือพยักหน้า
เฉิงจิงกล่าวอีกว่า “รู้หรือไม่ว่าขุนนางซ่งตามเจ้าไปมีเรื่องอะไร”
“น่าจะเป็นเรื่องของใต้เท้าหยาง” เฉิงฉือคาดเดา “สาเหตุที่ก่อให้เกิดการจลาจลในครั้งนี้
ขึ้นก็เป็นเพราะว่าสํานักข้าหลวงฝ่ายจัดการนํ้าลดค่าใช้จ่ายรายวันของคนงานลง เป็นเหตุให้มีคน
แข็งตาย จึงมีคนสงสัยว่าใต้เท้าหยางทุจริต”
4594
เฉิงจิงแสยะยิ้มเย็น กล่าวขึ้นว่า “หากมิใช่การทุจริต จะมาถึงจุดที่ทําให้คนตายได้อย่างไร
จื่อชวน ถึงแม้พวกเราจะอยากเป็นขุนนาง แต่เป็นขุนนางก็ต้องมีความเมตตา เวลานี้ เจ้าอย่า
รับรองให้หยางโซ่วซานผู้นั้นอย่างไม่ระวังเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเขากับซ่งจิ่งหรานเชียว”
“ข้าทราบขอรับ!” เฉิงฉือกล่าวเย้ยหยันตัวเองยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเจ้าหน้าที่
สืบสวนยศขั้นเจ็ดผู้หนึ่งเท่านั้น ต่อให้ข้าอยากรับรองให้หยางโซ่วซานก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นหรอก
ขอรับ!”
เฉิงจิงเองก็หัวเราะขึ้นมาด้วย พลางกล่าว “เจ้าฉลาดมาตั้งแต่เด็ก มีเรื่องอะไรก็ให้ทํา
อย่างที่ตนเห็นว่าเหมาะสม อย่าหาว่าข้าพูดมากเลย ข้าก็ทําเพื่อเป็นการดีต่อเจ้า กลัวว่าเจ้าเพิ่ง
จะเข้ารับราชการ จะมองสถานการณ์ไม่กระจ่าง แล้วถูกคนใช้เป็นอาวุธได้”
สองพี่น้องพูดคุยกันไป เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงลานทิงเซียงแล้ว
ข้ารับใช้ที่ลานทิงเซียงได้รับข่าวเรียบร้อยแล้ว หลี่ว์มามารอต้อนรับอยู่หน้าประตู
เฉิงจิงขานเสียงหนึ่งว่า “มามา” ถือเป็นการทักทายหลี่ว์มามาครั้งหนึ่ง
หลี่ว์มามาซาบซึ้งใจยิ่งนัก วิ่งเหยาะๆ ไปช่วยเลิกผ้าม่านขึ้นให้เฉิงจิง
เฉิงจิงเข้าไปในเรือน ให้เจินจูเดินนําไปที่ห้องรับแขก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั่งอยู่บนเตียงเตาหลังใหญ่ข้างหน้าต่าง กําลังรอพวกเขาอยู่
เฉิงจิงและหยวนซื่อทําความเคารพเต็มยศอย่างนอบน้อม
เฉิงฉือประคองเฉิงจิง
โจวเสาจิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงไปประคองหยวนซื่อ
4595
ทั้งสองคนยืนเรียงหน้าผู้หนึ่งหลังผู้หนึ่งอยู่ตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว เฉิงจิงถึงได้เอ่ยปาก
กล่าว บอกว่าใกล้จะปีใหม่แล้ว เฉิงฉือเองก็กลับมาแล้ว จึงมาเชิญฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับไปฉลองปี
ใหม่ที่ซอยซิ่งหลิน แล้วก็เชิญเฉิงฉือและโจวเสาจิ่นไปกินข้าวกลางวันร่วมกันในวันที่สามสิบด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้นเตรียมตัวเตรียมใจไปซอยซิ่งหลินเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เฉิงฉือกลับมาถึง
แล้ว ในเมื่อบุตรชายคนโตมาเชิญแล้วจึงมิได้อิดออด ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้กินข้าวเที่ยงจากที่ประตู
เฉาหยางเสร็จแล้วจะออกเดินทางไป
เฉิงจิงเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ถึงทําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเปลี่ยนใจ พรุ่งนี้กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็
ออกเดินทางเลย
สีหน้าเขาดูผ่อนคลาย เวลาพูดจาก็ดูสบายๆ มากขึ้น “ท่านแม่ พวกข้าทําความสะอาด
เรือนหลักของเรือนด้านหลังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านเข้าไปพักอยู่ที่นั่นนะขอรับ น้องรองยังกลัวว่า
ท่านจะไม่คุ้นชิน ยังหาสุนัขจิงปากลับมาด้วยตัวหนึ่ง ขนขาวปุกปุย เหมือนกับตัวที่ท่านเลี้ยงไว้
ตอนที่พวกข้ายังเป็นเด็กตัวนั้นเลยขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตอนที่นางแต่งเข้ามาที่ตระกูลเฉิงนั้น ยังเป็นแค่หลานสะใภ้ พอมาอยู่จิงเฉิง จึงพักอยู่ที่
เรือนหลักของเรือนด้านหลัง ต่อมาถึงแม้เฉิงซวินจะเปลี่ยนจากคุณชายใหญ่มาเป็นนายท่านและ
นายท่านผู้เฒ่าแล้ว ทว่านางก็คร้านจะย้ายออก จึงยังคงพักอยู่ที่เรือนหลักของเรือนด้านหลัง
ต่อไป
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัวดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเจ้าเก็บกวาด
เรือนหลักของเรือนด้านหลังมาเช่นนี้ แล้วครอบครัวของเจ้ารองไปอยู่ที่ไหน”
4596
เฉิงจิงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเขาดูบ้านเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่วันมหาปีใหม่เช่นนี้ คงไม่อาจ
ย้ายบ้านในเวลานี้กระมัง จึงไปเบียดเสียดกันอยู่ที่เรือนปีกตะวันออกสักสองสามวันก่อน เลือกวัน
มงคลได้แล้วก็จะย้ายมาอยู่ที่ซอยซื่อเถียวทางด้านนี้แล้วขอรับ”
เพิ่งจะแยกบ้านกันปีนี้ ย่อมต้องมีจุดที่จัดการไม่ทั่วถึงบ้าง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่กล่าวอะไรอีก และเฉิงฉือเห็นว่าเวลาไม่เช้าแล้ว จึงลุกขึ้นกล่าวขอตัว
ทิ้งโจวเสาจิ่นไว้อยู่รับรองเฉิงจิงสองสามีภรรยา
เฉิงจิงลางานหนึ่งวัน จึงอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวตลอด พูดคุยถึงเรื่องสมัยเด็กของ
พวกเขาพี่น้อง และพูดถึงสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเคยสั่งสอนเขาสมัยอยู่ในวัยหนุ่ม กระทั่งถึงเวลา
รับประทานอาหารเที่ยง โจวเสาจิ่นก็ค้นพบว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวปฏิบัติกับเฉิงจิงสองสามีภรรยา
อย่างเป็นมิตรและสนิทสนมชิดใกล้กันเป็นอย่างมากแล้ว
อาจเป็นเพราะคนเป็นมารดานั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเคืองโกรธบุตรชายจริงๆ ได้กระมัง
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางสั่งการให้พวกสาวใช้จัดมื้อเที่ยงที่ห้องรับแขก ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสอง
แม่ลูกได้พูดคุยกันต่อหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว
หยวนซื่อเข้ามาช่วยนาง
โจวเสาจิ่นกล่าวขอบคุณนางยิ้มๆ ทว่ามิได้ห้ามปรามนางแต่อย่างใด
หยวนซื่อตะลึงงัน
นางอายุมากกว่าโจวเสาจิ่นยี่สิบกว่าปี ว่ากันตามอายุแล้วเป็นมารดาของโจวเสาจิ่นได้
ด้วยซํ้า นางบอกว่าจะช่วย ก็เป็นเพียงคําพูดตามมารยาทประโยคหนึ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าโจวเสา
จิ่นจะไม่เกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงกับให้นางช่วยเหลือจริงๆ
4597
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับทําเป็นมองไม่เห็น
ชาติก่อนนางเกลียดที่หยวนซื่อสองหน้า พูดอย่างหนึ่งทําอย่างหนึ่ง ชาตินี้นางไม่อยาก
ถูกเอาเปรียบอีก ในเมื่อหยวนซื่ออยากช่วย เช่นนั้นก็ช่วยไปก็แล้วกัน เหตุใดนางต้องเกรงใจหยวน
ซื่อด้วย!
ในเมื่อนางพูดอย่างมีมารยาทแล้วก็ให้นางได้เป็นคนดีด้วย
นางหาข้ออ้างไปที่ห้องครัว ทิ้งหยวนซื่อไว้ที่ห้องรับแขกเพียงผู้เดียว
จวบจนนางรออยู่ในห้องครัวได้ครู่หนึ่ง คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวและเฉิงจิงน่าจะนั่งโต๊ะกัน
แล้ว ถึงได้ไปที่เรือนหลัก
หยวนซื่อกําลังคุยกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวและเฉิงจิงที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะว่า “…น้องสะใภ้สามยัง
เด็ก มีส่วนที่นึกไม่ถึงบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาเจ้าค่ะ”
ท่าทางราวกับนางช่วยเหลือโจวเสาจิ่นครั้งใหญ่มากก็ไม่ปาน
โจวเสาจิ่นเองก็ไม่แก้ต่างให้ตัวเอง ยิ้มพลางวางยําแตงกวาที่ยกมาจากห้องครัวลงบน
โต๊ะ กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ ท่านลองชิมดู เพิ่งได้มาใหม่ๆ ป้ารับใช้ประจําครัวไปเฝ้าอยู่ที่ตลาด

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน