เฉิงฉือไม่เห็นด้วย “จี๋อิ๋งเป็นภรรยาที่จื่อผิงสู่ขอมา ย่อมต้องรักใคร่กันอยู่แล้ว” กล่าวถึง ตรงนี้ เขาหยุดไปครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นอย่างลังเลว่า “มีเรื่องหนึ่ง…หลายวันก่อนศิษย์พี่ฉินเขียน จดหมายมาให้ข้าเป็นการเฉพาะฉบับหนึ่ง บอกว่าหากหนานผิงเห็นด้วย อยากให้นางแต่งกับ ฉินจื่ออัน จื่ออันเองก็เคยมาหาข้าด้วยเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน เพียงแต่ว่าด้านหนางผิงนั้น…ข้าไม่ อาจถามมากได้ นางรับใช้ข้ามาตั้งแต่เด็ก หากข้าให้นางแต่ง นางก็ย่อมแต่งอยู่แล้ว แต่สุดท้าย แล้วนางชอบหรือไม่ชอบจื่ออันนั้น…จื่อหนิงจากไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว บางครั้งข้ายังคิดถึง ท่าทางของเขาขึ้นมา…วันนี้เขาไม่อยู่แล้ว ข้าคงไม่อาจแม้แต่คนของเขาก็ดูแลให้เป็นสุขไม่ได้ หรอกกระมัง…
…เรื่องนี้ข้าคิดไปคิดมาแล้ว มีแต่ต้องขอให้เจ้าช่วยออกหน้าไปสอบถามความเห็นของ นางแทนข้าแล้ว…
…หากนางไม่เห็นด้วย ข้าเองก็ไม่อาจฝืนบังคับได้ แต่หากนางตกลง ข้าจะเตรียมสิน เจ้าสาวยาวสิบหลี่ให้นางแต่งออกไป…”
โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าตนพอจะเข้าใจหนานผิงอยู่บ้าง
หลายปีมานี้นางใช้ชีวิตเสมือนกับหม้ายสาวก็ไม่ปาน ไม่ค่อยออกไปไหน ยินดีใช้ชีวิตอยู่ กับวันเวลาเก่าก่อนเช่นนี้ตลอดไป
นางในชาติก่อนก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ
แต่เมื่อได้เดินออกมาจริงๆ แล้ว ถึงได้รู้ว่าภายนอกยังมีทิวทัศน์ที่งดงามอยู่
ก็เหมือนนาง ถ้าหากไม่เปลี่ยนนิสัยขี้ขลาดขี้กลัวของชาติก่อน จะได้รู้จักกับเฉิงฉือได้ อย่างไร จะได้แต่งงานกับเฉิงฉือได้อย่างไร
5297
“ข้าจะไปถามนางให้เจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นรับหน้าที่นี้โดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่นิดเดียว เฉิงฉือยิ้มพลางจุมพิตหน้าผากของนาง สาวน้อยของเขาก็ค่อยๆ เริ่มช่วยบรรเทาความกังวลให้เขาได้แล้ว “อีกไม่กี่วันกู้จิ่วเนี่ยจะมาจิงเฉิง” เขากล่าวกับนางเสียงอบอุ่น “หวงหลี่แนะนํางาน ตําแหน่งเจ้าพนักงานกรมยุติธรรมให้เขา” โจวเสาจิ่นประหลาดใจ “หวงหลี่ หวงหลี่ที่ไม่ลงรอยกับพี่ใหญ่คนนั้นหรือเจ้าคะ” มิใช่ว่าตระกูลกู้มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเฉิงมายาวนานหรอกหรือ
นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ในเมื่อมีตําแหน่งนี้ว่างอยู่ เหตุใดพี่ใหญ่ถึงไม่แนะนําให้ คุณชายหกกู้เล่า”
เฉิงฉือมีสีหน้าเย็นเยียบขึ้นเล็กน้อย มุมปากกระตุก สุดท้ายก็เม้มปาก กล่าวขึ้นว่า “เขา มักจะคิดว่าญาติพี่น้องของตัวเองไม่สําคัญ มีเรื่องอะไรมาขอร้องต่อหน้าเขา เขามักจะคิดถึงผู้อื่น ก่อน หากคิดถึงครอบครัวตัวเองมากเกินไป กลัวว่าจะมีชื่อเสียงไม่ดีตกมาอยู่บนตัวของเขาได้ แต่ ไม่รู้เลยว่าสําหรับเขาอาจเป็นเพียงเรื่องง่ายดายอย่างการกระดิกนิ้ว ทว่าสําหรับผู้อื่นแล้วเป็นเรื่อง ของความเป็นความตาย แน่นอนว่าการกลับไปรับราชการอีกครั้งของนายท่านผู้เฒ่าเก้าของ ตระกูลกู้เป็นเรื่องสําคัญ แต่สําหรับจวนอื่นๆ อีกหลายจวนของตระกูลกู้แล้ว อนาคตของกู้จิ่วเนี่ย สําคัญกว่า ตอนแรกมิใช่ว่าข้าไม่ยํ้าเตือนเขามาก่อน ในเมื่อจัดการเรื่องของนายท่านผู้เฒ่าเก้า ของตระกูลกู้ไปแล้ว เหตุใดถึงไม่สะดวกหาตําแหน่งให้กู้จิ่วเนี่ยอีกสักตําแหน่งหนึ่ง เขาคล้อยตาม ข้า ทว่าหาไปหามาบอกว่าหาตําแหน่งที่เหมาะสมไม่ได้ เดิมทีข้าคิดจะไปคุยกับขุนนางใหญ่ซ่งสัก ครั้ง ผู้ใดจะรู้ว่านายท่านผู้เฒ่าซ่งจากไปเสียก่อน…แล้วก็เป็นเช่นนี้ไปครึ่งเดือน อาจารย์ของจิ่ว เนี่ยแนะนําให้เขารู้จักกับหวงหลี่ เขาบอกหวงหลี่แล้วว่ามีความสัมพันธ์กับพวกเราอย่างไร ทว่า
5298
หวงหลี่บอกว่าไม่เป็นไร จิ่วเนี่ยจะปฏิเสธก็ไม่กล้าปฏิเสธแล้ว…เจ้าบอกว่าชาติก่อนหวงหลี่ได้เข้า สํานักราชเลขาธิการก่อนพี่ใหญ่อีกมิใช่หรือ ดูจากตอนนี้แล้ว ถึงแม้ข้าจะช่วยจัดการหวงหลี่ให้เขา ทําให้พี่ใหญ่ได้เข้าสํานักราชเลขาธิการก่อนหวงหลี่แล้ว ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี หวงหลี่ผู้นี้ ไม่ว่าจะ เป็นความคิดหรือความสามารถ ล้วนอยู่เหนือกว่าพี่ใหญ่ทั้งสิ้น…หากพี่ใหญ่ยังเลอะเลือนเช่นนี้ ต่อไปอีก ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดกลลวงอะไรขึ้นอีก!”
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ เขามีความเคลือบแคลงสงสัยหนึ่งอยู่ในใจ
ชาติก่อน หากท่านอารองเสียชีวิตตามปกติ เหตุใดตระกูลเฉิงถึงไม่จัดงานให้ยิ่งใหญ่ เหตุ ใดถึงไม่มีการสดุดีจากราชวงศ์ แต่ถ้าท่านอารองเสียชีวิตอย่างผิดปกติ แล้วเฉิงจิงกําลังทําอะไร อยู่
เฉิงฉือเอามือไพล่หลัง เดินวนอยู่ในห้องสองรอบอย่างรู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อย
น้อยครั้งที่จะมีเรื่องที่ทําให้เฉิงฉือเผยอารมณ์ของเขาออกมาเช่นนี้
ดูคล้ายกับมีเรื่องน่าขุ่นเคืองใจอะไรบางอย่างทําให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่ว ขณะหนึ่ง
โจวเสาจิ่นกอดเฉิงฉือเอาไว้อย่างเห็นใจสงสาร ลูบหลังของเขาเบาๆ อย่างต้องการ ปลอบโยน
ตัวอ่อนนุ่มนิ่มกลิ่นหอมอยู่ในอ้อมอก อารมณ์ของเฉิงฉือก็ค่อยๆ สงบลงมา
เขาลูบเส้นผมของโจวเสาจิ่น กล่าวเสียงเบาว่า “ข้าไม่เป็นไร…เพียงแต่ว่ารู้สึกหงุดหงิด งุ่นง่านเล็กน้อยชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น”
“ข้าทราบเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา
5299
เขามีเรื่องอะไรมักชอบเก็บไว้ในใจ และเรื่องที่เขาเก็บไว้ในนั้นล้วนเป็นเรื่องใหญ่ๆ ทั้งสิ้น อย่างเช่นเรื่องที่ตระกูลเฉิงถูกกําจัดทั้งตระกูล และถ้ายกตัวอย่างต่อไปอีก หากสถานการณ์เดินไปถึงจุดนั้นจริงๆ ก็จะเป็นเรื่องความ ปลอดภัยของนาง ฮูหยินผู้เฒ่ากัว ลูก และคนตระกูลเฉิงทุกคน… คิดถึงตรงนี้แล้ว โจวเสาจิ่นรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตนเล่าเรื่องในชาติก่อนให้เฉิงฉือฟัง
นางกล่าวกับเฉิงฉือว่า “งานที่ท่านมอบหมายให้ข้าทําเมื่อคราก่อนข้าทําไปครึ่งหนึ่งแล้ว ท่านอยากไปดูหรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือวาดภาพนกและดอกไม้ด้วยศิลปะการวาดภาพสีด้วยพู่กันขนาดภาพหนึ่งตาราง ฉื่อ3071สิบสองภาพ ให้โจวเสาจิ่นนําไปติดกระดาษถึงเวลาจะได้เอาไว้มอบเป็นของขวัญให้ผู้อื่น
ตอนเช้าโจวเสาจิ่ต้องช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากัวจัดการเรื่องต่างๆ ภายในบ้าน ตอนบ่ายบางครั้ง ก็ต้องเล่นเป็นเพื่อนอวิ้นเกอเอ๋อร์ ตอนเย็นเมื่อเฉิงฉือกลับมา นางต้องปรนนิบัติเขาผลัดเปลี่ยน อาภรณ์ ต้องปรนนิบัติเขารับประทานอาหาร หากเขาอยู่ที่ห้องหนังสือ นางยังต้องปรนนิบัติฝน หมึกให้เขา ตอนกลางคืนทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง หนึ่งวันจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเฉิง ฉืออารมณ์ดี…มักจะเล่นซนกันจนถึงกลางดึกค่อนคืน นางต้องไปคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว ไม่กล้านอนตื่นสาย จึงต้องงีบหลับในตอนกลางวันของวันถัดมา ภาพวาดสิบสองภาพนี้เฉิงฉือ วาดตอนอยู่บ้านช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ถึงตอนนี้ก็เกือบจะครึ่งปีแล้ว นางทําๆ หยุดๆ จึงติดกระดาษ เสร็จไปเพียงหกภาพเท่านั้น
1 ฉื่อ หนึ่งฉือเท่ากับ 0.333 เมตรโดยประมาณ
5300
หากมิใช่เพราะเห็นว่าเฉิงฉืออารมณ์ไม่ดี นางก็คงไม่หยิบยกขึ้นมาอวดอ้าง หาเรื่องบางอย่างมาดึงความสนใจของเฉิงฉือ อารมณ์ของเขาจะได้ค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อก่อนนางเองก็เป็นเช่นนี้ เฉิงฉือสนใจเป็นอย่างยิ่งตามคาด กล่าวว่า “ไป ไปดูที่ห้องหนังสือกัน” โจวเสาจิ่นไปที่ห้องหนังสือของตัวเองพร้อมกับเฉิงฉืออย่างเบิกบาน กล่าวว่าเป็นห้องหนังสือ แต่ความจริงคือห้องขนาบข้างอยู่หัวมุมสุดทางทิศตะวันตกของ เรือนหลัก เนื่องจากเป็นห้องที่โจวเสาจิ่นใช้เพียงผู้เดียว นอกจากชุดเครื่องเขียน หนังสือม้วน ภาพวาด มุมกําแพงยังมีชั้นวางดอกไม้ขนาดสามตารางฉื่อหนึ่งอัน ชั้นแขวนผ้าด้านข้างมีด้ายทุก สีทุกแบบและตาข่ายที่สานเสร็จแล้วแขวนอยู่ บนขอบหน้าต่างยิ่งแล้วใหญ่มีแจกันดอกไม้ กระเบื้องเคลือบสีขาวอ่อนหวานไร้ลวดลายวางเอาไว้หนึ่งชิ้น ปักดอกทับทิมสีแดงสดใสไว้กําหนึ่ง อากาศในห้องหอของสตรีโชยผ่านหน้า ให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย เฉิงฉือชื่นชอบยิ่งนัก โดยเฉพาะตอนที่เห็นเก้าอี้โยกที่มีเบาะรองนั่งสีทองวางไว้ตรงมุมห้อง เขาถึงกับนึกภาพของโจวเสาจิ่นที่นอนคดคู้อ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่บนเก้าอี้โยกยาม ว่างเว้นจากธุระตอนที่เขาไม่อยู่บ้านได้ เฉิงฉืออดไม่ได้โน้มกายลงมาจุมพิตหน้าผากของโจวเสาจิ่น โจวเสาจิ่นเห็นสายตาของเขากวาดผ่านไปที่เก้าอี้โยกอย่างรวดเร็ว แล้วก็จุมพิตนาง นาง หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่
5301
คราก่อนเฉิงฉือเอาขาทั้งสองของนางพาดไว้บนเก้าอี้มีเท้าแขนแล้วรักนาง…ท่วงท่านั้นทํา ให้นางอึดอัดยิ่ง…ทั้งยังแปลกประหลาดมากด้วย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน