องค์ชายสามที่ชาติก่อนถูกลดสถานะลงไปเป็นจวิ้นอ๋องเนื่องจากเข้าไปพัวพันกับเรื่อง ตําแหน่งรัชทายาทนั้น ชาตินี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตอนที่องค์ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งหวงไท่ซุนก็เก็บตัว เงียบ และยังรักษาตําแหน่งของเขาเอาไว้ได้ กลายเป็นองค์ชายที่พระชนมายุมากที่สุดของฮ่องเต้
ไม่รู้ว่าเขากับลูกศิษย์ในสํานักร่วมกันเรียบเรียงหนังสือ ‘กสิกรรมการปลูกหม่อนในสิบยุค สมัย’ เล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร กล่าวถึงเรื่องการปลูกหม่อนเป็นหลัก บันทึกความเปลี่ยนแปลง ของเครื่องไม้เครื่องมือเพาะปลูกแต่ละชนิดตั้งแต่สมัยโบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ในหนังสือยัง อธิบายถึงวิธีปลูกหม่อนเพื่อเลี้ยงไหมและการสกัดเอานํ้ามันอีกด้วย
วันที่ยี่สิบสี่เดือนแปด วันคล้ายวันประสูติของไทเฮาเหนียงเหนียง องค์ชายสามถวาย หนังสือเล่มนี้ให้ฮ่องเต้
นี่ถือเป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับกสิกรรมการเกษตรเล่มแรกของรัชสมัยนี้
องค์ฮ่องเต้ทรงยินดีเป็นอย่างยิ่ง พระราชทานเงินแท่งให้องค์ชายสามห้าร้อยแท่ง ให้องค์ ชายสามเข้าออกตําหนักเฉียนชิง และเผยแพร่หนังสือเล่มนี้ไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ชั่วชณะนั้นองค์ชายสามก็เป็นที่สนใจขึ้นมา มีขุนนางชนชั้นสูงไปแสดงความยินดีกับเขา มากมายนับไม่ถ้วน
เขากลับปิดประตูแน่น บอกว่าเพราะเห็นองค์ฮ่องเต้ทรงเหน็ดเหนื่อยจากเรื่องภัยแล้งของ ทางเหนือและภัยนํ้าท่วมของทางใต้เมื่อปีที่แล้ว อยากช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่ าบาท ไม่ควรค่า ได้รับการสรรเสริญจากทุกคนเช่นนี้
ทั่วทั้งแผ่นดินทั้งในและนอกราชสํานักจึงมีคําสอนขององค์ชายสามแพร่กระจายออกมา
แม้แต่คนที่ไม่ได้ออกไปไหนอย่างโจวเสาจิ่นก็ยังได้ยินข่าวด้วยเช่นกัน
5315
นางเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างสงสัยว่า “เกินไปหรือไม่เจ้าคะ ต่อให้เป็นเพราะเห็นใจ สงสารฝ่ าบาทที่ทรงเหน็ดเหนื่อยจากราชกิจมากมาย ก็ปิดประตูไม่ต้องออกมาก็ได้แล้ว กลับ กล่าวอะไร ‘ไม่ควรค่าได้รับการสรรเสริญจากทุกคน’ ออกมา ช่างน่าแปลกประหลาดนัก!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะฮ่า พลางกล่าว “เสาจิ่น ตอนนี้เจ้ามีลักษณะของคนเป็นนายหญิง ของบ้านขุนนางบ้างแล้ว ในราชสํานักนั้น ไม่มีเรื่องอะไรเป็นข่าวโคมลอย ตอนที่แพร่ออกมาจน เป็นที่รู้กันทั่วแม้กระทั่งสตรีและเด็กแล้วนั้น แสดงว่าเรื่องนี้มักจะไม่ธรรมดาแล้ว เจ้าคอยดูต่อไป เถอะ ยังมีงิ้วให้ดูอีก”
โจวเสาจิ่นหน้าร้อนผ่าว
ไม่กี่วันต่อมา จิงเฉิงมีข่าวแพร่ออกมาว่าองค์ชายแปดประชวรเป็นโรคอีสุกอีใส องค์ชาย สามถือศีลละเว้นเนื้อสัตว์ของมึนเมาบูชาพระแม่โรคฝีดาษแด่องค์ชายแปด
ชาติก่อนโจวเสาจิ่นไม่ค่อยรู้จักองค์ชายพระองค์นี้นัก
กระทั่งนางเข้าไปอยู่บ้านสวนที่ต้าซิ่งพักฟื้นกําลังวังชาและเริ่มฟังข้ารับใช้เหล่านั้นซุบซิบ กันนั้น องค์ชายสามก็ถูกลดสถานะไปเป็นจวิ้นอ๋องเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็อยู่ที่จิงเฉิงอ ย่างรู้ขอบเขตของตัวเองเรื่อยมา ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรอีกเลย
โจวเสาจิ่นยังคิดว่าองค์ชายสามคงแค่ถูกพวกพี่น้องยั่วยุให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง ตําแหน่งรัชทายาทเท่านั้น เพราะฉะนั้นชาติก่อนองค์ฮ่องเต้ถึงผ่อนปรนให้เขา และชาตินี้เขาก็คง จะเป็นอ๋องของเขาไปอย่างราบรื่นและมั่นคง แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อเรื่องราวเปลี่ยนแปลงแล้ว เขาจะ ใช้เล่ห์กลนี้
“หรือว่าชาติก่อนข้าจะดูคนผิดไป” กลางคืนตอนพูดคุยเรื่องส่วนตัวอยู่ในผ้าห่มผืน เดียวกับเฉิงฉือนั้น นางอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงฉือ อดพึมพํากล่าวไม่ได้ว่า “เขาคงไม่
5316
กระโดดออกมาแย่งชิงตําแหน่งรัชทายาทกับหวงไท่ซุนหรอกกระมัง ฝ่ าบาทจะคิดว่าเขารีบร้อน บุกมากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือลูบเส้นผมนุ่มลื่นเงางามของนางเบาๆ กระซิบกล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่อย่างนั้นฝ่ าบาท จะพระราชทานเงินแท่งให้เขาเพียงห้าร้อยแท่งได้อย่างไร ทั้งยังโยกย้ายเขามาที่ตําหนักเฉียนชิง ด้วย ก็คงเพราะอยากดูว่าเขาต้องการทําอะไรกันแน่กระมัง”
โจวเสาจิ่นประหลาดใจเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านหมายความว่า ฝ่ าบาทกําลังทดสอบเขา อยู่อย่างนั้นหรือ แต่ทําเรื่องบูชาพระแม่โรคฝีดาษอะไรนั่น ก็ออกจะเกินไปสักหน่อยกระมัง”
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราอย่าสนใจเรื่องนี้เลย มิใช่ยังมีหวงไท่ซุนอยู่อีกผู้หนึ่งหรอก หรือ ผลประโยชน์ของตัวเขาเองเขายังไม่ขยับเขยื้อน ผู้อื่นจะเดือดร้อนใจแทนเขาก็ไม่ได้อะไร แต่ อย่างไรก็ตาม เขาจากไปตั้งแต่ยังเยาว์ได้อย่างไร น่าเสียดายเล็กน้อย เด็กคนนี้เป็นคนเฉลียว ฉลาดมีไหวพริบยิ่ง อีกทั้งยังมีความสามารถหลากหลาย เป็นเมล็ดพันธุ์ของผู้คงแก่เรียนผู้หนึ่ง”
โจวเสาจินได้ยินแล้วรู้สึกสนใจ เอ่ยขึ้นว่า “แล้วเป็นเมล็ดพันธุ์ของคนเป็นฮ่องเต้หรือไม่ เจ้าคะ”
“ตอนนี้ยังไม่รู้” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ทุกคนล้วนชื่นชอบเด็กฉลาด ฝ่ าบาทเองก็น่าจะมิใช่ ข้อยกเว้นด้วยถึงจะถูก”
โจวเสาจิ่นถอนหายใจครั้งหนึ่ง
ทั้งๆ ที่รู้ผลลัพธ์ดีกลับไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงมันได้ นอกจากนี้ยังเกี่ยวพันกับชีวิตของคน ด้วย นางรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
แต่เพราะเป็นเช่นนี้นางจึงยิ่งไม่อาจกล่าวอะไรกับเฉิงฉือ
5317
พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดาสามัญ เฉิงฉืออยากปกป้องตระกูลเฉิงก็ลําบากมากแล้ว ยิ่ง ไม่ต้องพูดหวงไท่ซุนอีกหนึ่งพระองค์แล้ว!
นางไม่เคยสับสนขนาดนี้มาก่อน
ก็เหมือนกับที่เฉิงฉือเคยกล่าวไว้ บางเรื่องได้แต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
หวงไท่ซุนอยากรักษาตําแหน่งรัชทายาทของตัวเอง อยากแคล้วคลาดจากการช่วงชิงเอา ชีวิต ก็ได้แต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
ไม่นานโจวเสาจิ่นก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไปได้ ตั้งหน้าตั้งตาเร่งเร้าและกระตุ้นให้เฉิงฉือเริ่ม ดําเนินการเรื่องสํานักศึกษาตระกูลเฉิง
คนโดยรอบทราบเรื่องแล้วล้วนให้การสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง
กู้จิ่วเนี่ยบริจาคหนังสือให้สํานักศึกษาสองร้อยเล่ม ส่วนหยวนเปี๋ยอวิ๋นที่ได้ยินว่ากู้จิ่วเนี่ย มาจิงเฉิงจึงจบการเดินทางท่องเที่ยวก่อนกําหนดบริจาคพู่กันห้าร้อยด้ามและกระดาษสามคันรถ ให้สํานักศึกษา
เฉิงฉือหัวเราะขบขัน กล่าวกับหยวนเปี๋ยอวิ๋นว่า “หากเจ้ามีใจจริงๆ ก็มาเป็นอาจารย์ พิเศษให้ข้าเป็นครั้งคราว มาเล่าเรื่องประสบการณ์การเดินทางของเจ้าให้พวกเด็กๆ ฟัง”
กล่าวว่าเป็นสํานักศึกษาตระกูลเฉิง แต่ก็มีเพียงอาเป่าและอาเหรินเหลนชายของเฉิงเซ่า สองคน รุ่ยเกอเอ๋อร์ของครอบครัวเฉิงเซิง แล้วก็เหลนชายของครอบครัวเผิงเฉิงป๋ ออีกสามคน เท่านั้น แม้แต่กวนเกอของครอบครัวโจวชูจิ่นก็ยังไม่ได้มาเรียนเนื่องจากอายุน้อยยังไม่ถึงวัยเข้า เรียน
อยากให้สํานักศึกษาที่ก่อตั้งขึ้นมามีชื่อเสียงเหมือนสํานักศึกษาตระกูลเฉิงที่จินหลิงนั้น ยังเป็นภาระหนักอีกยาวไกล


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน