ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย
คราก่อนที่บ้านมีงานยินดี ตําหนักองค์ชายสี่ก็ให้คนมาแสดงความยินดี ถึงแม้เฉิงฉือจะ รับของขวัญไว้ งานเลี้ยงต่างๆ ของตําหนักองค์ชายสี่ก็ไปร่วมครื้นเครงด้วยบ้าง ทว่าก็ไม่เคยอยู่ กินเลี้ยงที่ตําหนักมาก่อน แค่โผล่หน้าไปครั้งหนึ่งแล้วก็กลับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปเยี่ยมเยียนองค์ ชายสี่เป็นการส่วนตัวเลย ไม่กี่ปีนี้ยิ่งแล้วใหญ่อ้างว่าต้องทํางานที่กรมการตรวจตราจึงไม่ได้ไปที่ ตําหนักองค์ชายสี่เลย ทําเพียงให้พ่อบ้านเป็นตัวแทนไปกล่าวแสดงความยินดีเท่านั้น
ท่าทีของเฉิงฉือชัดเจนมากแล้ว ทว่าตําหนักองค์ชายสี่ทําราวกับไม่รู้ก็ไม่ปาน เวลา ตระกูลเฉิงมีเรื่องต้องกล่าวแสดงความยินดี ยิ่งอยู่ของขวัญแต่ละปีก็ยิ่งสูงค่ามากขึ้นเรื่อยๆ
นางถามสาวใช้เด็กผู้นั้นว่า “รู้หรือไม่ว่าส่งของขวัญอะไรมาบ้าง”
สาวใช้เด็กส่ายศีรษะ กล่าวอย่างรู้สึกได้รับเกียรติว่า “แม้นไม่รู้ว่าส่งอะไรมาบ้าง แต่ได้ยิน พวกท่านลุงที่เฝ้าเวรยามอยู่ที่หน้าประตูใหญ่กล่าวกันว่า หัวหน้าประจําตําหนักขององค์ชายสี่มา ส่งด้วยตัวเองเจ้าค่ะ…ท่านลองคิดดู มีกี่ตระกูลที่มีเกียรติเช่นนี้บ้าง”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่เห็นด้วย
นับตั้งแต่ซ่งจิ่งหรานกลับไปไว้ทุกข์ที่บ้านเกิดเป็นต้นมา คนที่เดิมทีเคยห้อมล้อมซ่งจิ่ง หรานก็ไปห้อมล้อมอยู่ข้างกายจางฮุ่ยแทน เฉิงฉือยังคงเป็นเหมือนเก่าก่อน ไม่อาจพูดว่าสนิท สนมกับจางฮุ่ยมากมาย ทว่าก็ไม่ได้เหินห่าง นอกจากนี้ก่อนไปซ่งจิ่งหรานก็ฝากฝังให้เฉิงฉือไป สอนวิชาเลขหวงไท่ซุนแทน คนภายนอกเห็นแล้วอดคาดเดาไปต่างๆ นานาไม่ได้ บอกว่าลูกศิษย์ที่ ซ่งจิ่งหรานโปรดปรานมากที่สุดคือเฉิงฉือ เพียงแต่ว่าเฉิงฉืออายุน้อยเกินไป ประสบการณ์ยังตื้น เขิน ไม่อาจรับผิดชอบเพียงผู้เดียวได้ จึงต้องมอบเส้นสายในมือให้จางฮุ่ยไปอย่างไร้ทางเลือก
5324
แม้แต่ตัวจางฮุ่ยเองได้ยินคําเล่าลือเช่นนี้แล้วยังรู้สึกหวาดหวั่นในใจเล็กน้อย นอกจากนี้เมื่อหลาย วันก่อนเกิดปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่เจียงหนาน องค์ฮ่องเต้ยังทรงตรัสถามถึงซ่งจิ่ง หรานหลายครั้งหลายคราว่ายังต้องไว้ทุกข์อีกนานเท่าไร ยังเคยเผยพระประสงค์อยากให้เขา ‘เลื่อนการไว้ทุกข์ออกไปก่อน’ ออกมาอย่างลับๆ ด้วย นี่ทําให้เฉิงฉือพลันกลายเป็นมีอํานาจเนื้อ หอมขึ้นมา
โชคดีที่ถึงแม้เฉิงฉืออายุยังไม่มาก ทว่าประสบการณ์กลับไม่น้อย ไม่ว่าภายนอกจะพูด อย่างไร ก็ผ่าเผยไม่ไหวติง ข่าวลือนี้ถึงได้ลดน้อยลงไปมาก
วันนี้ถึงกับให้หัวหน้าประจําตําหนักขององค์ชายสี่มาส่งของขวัญ…เดิมทีแล้วนี่ต้องเป็น ครอบครัวที่อุทิศเพื่อสังคมหรือไม่ก็ครอบครัวของราชบัณฑิตหลวงในสํานักราชเลขาธิการถึงได้ ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
องค์ชายสี่พยายามเอาอกเอาใจทุกทางเช่นนี้ แค่มองก็รู้ว่ามาด้วยเจตนาร้ายแอบแฝงดั่ง พังพอนมาเยี่ยมแม่ไก่
ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว ไม่ได้เชิญคนนอกมาร่วมด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมา กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไปบอกป้ารับใช้ผู้นั้น ครั้งหนึ่ง วันนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย จึงไม่พบนางแล้ว แล้วก็ให้เจินจูตกเงินรางวัลให้นางสิบเห ลี่ยง ให้นางกลับไปรายงานหน้าที่เสีย”
ฉางซื่อรู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมนัก
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ติดต่อคลุกคลีกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เรื่อง บางอย่างก็ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดดี สีหน้าจึงเผยความลังเลออกมาให้เห็นเล็กน้อย
5325
ถึงแม้อายุของนางจะล่วงเลยวัยสี่สิบปีมาแล้ว แต่ก็เป็นสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ เดิมทีฮู หยินผู้เฒ่ากัวไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับนาง แต่เมื่อเห็นท่าทางของนาง นึกถึงว่านางเคยเป็นนาง กํานัลอยู่ในตําหนักเฉียนชิงมายี่สิบกว่าปี ครุ่นคิดพิจารณาครู่หนึ่ง จึงเล่าความขุ่นเคืองใจของ ตัวเองให้นางฟัง
ฉางซื่อประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทว่าก็รู้สึกซาบซึ้งใจด้วยหลายส่วน
เรื่องเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ยังปรึกษานาง เห็นได้ชัดว่ามิได้เห็นนางเป็นคนนอก
นางครุ่นคิดพิจารณาครู่หนึ่งถึงกล่าวขึ้นอย่างตรึกตรองรอบคอบว่า “เมื่อก่อนตอนที่ข้า ถวายการรับใช้อยู่ที่ตําหนักเฉียนชิงนั้น ฮองเฮาพระองค์แรกสิ้นพระชนม์แล้ว แต่องค์ชายสี่ทรงมา เยี่ยมเยียนฝ่าบาทเสมอ บางครั้งก็เสด็จมาเพียงลําพัง บางครั้งก็เสด็จมาพร้อมกับองค์รัชทายาท และทุกครั้งที่เสด็จมา ล้วนเอ่ยถึงฮองเฮาพระองค์แรกอยู่ตลอด…เขาผูกสัมพันธ์กับขันทีใหญ่ทุก ตําหนัก วันคล้ายวันเกิด วันปีใหม่ ไม่เคยลืมส่งของขวัญไปให้สักครั้ง ต่อมาออกจากวังหลวงไป อยู่ตําหนักของตัวเองก็ยังไม่ลืม…คนในวังหลวงล้วนพูดกันว่า องค์ชายสี่เป็นคนจิตใจดี…แต่ที่ พํานักของเขากลับมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ตอนนั้นข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ตําหนักเฉียนชิงกับนาง กํานัลผู้หนึ่งที่ย้ายมาจากตําหนักฉือหนิงของไทเฮา นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมของนางข้าหลวง ใหญ่ประจําตําหนักฉือหนิงในเวลานั้น ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ยามว่างเว้นจาก การอยู่ปฏิบัติหน้าที่ชอบไปเยี่ยมเยียนผู้อื่นยิ่งนัก อีกทั้งยังปากหวาน ขันทีและนางกําลังน้อยใหญ่ ในวังหลวงล้วนชื่นชอบนางกันทั้งสิ้น ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ไม่เคยได้รู้จักกับคนที่ถวายการรับใช้ อยู่ข้างวรกายองค์ชายสี่เลย…ข้ามักรู้สึกว่า องค์ชายสี่ผู้นี้ เกรงว่าจะไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ที่ แสดงให้ผู้อื่นเห็น…”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟังแล้วในหัวสมองมีเสียงดังหึ่งๆ เสียงหนึ่ง
นางนึกถึงการกระทําของเฉิงฉือตั้งแต่เข้าเมืองหลวงเป็นต้นมา
5326
หรือว่าเขากําลังเลือกข้างอยู่? เขาไม่รู้หรือว่านี่อันตรายมากเพียงใด หรือว่าจะมีเหตุการณ์อันตรายอื่นอีก? ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไหนเลยจะยังนั่งนิ่งได้อยู่ นางอยากเรียกเฉิงฉือมาสอบถาม แต่ก็พะวงฉางซื่อที่อยู่ข้างๆ
สิ่งที่ฉางซื่อเคยทํามาก่อนหน้านี้คือการปรนนิบัติรับใช้ผู้อื่น การประเมินสีหน้าและคําพูด ของคนจึงกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว หัวคิ้วของฮูหยินผู้เฒ่ากัวผูกเป็นปมเล็กน้อย นางก็คาด เดาได้แล้วหลายส่วน จึงยิ้มพลางลุกขึ้นมา กล่าวว่า “อีกครู่หนึ่งกว่างานเลี้ยงวันเกิดของพี่สะใภ้ ใหญ่จะเริ่มกระมัง ข้าอยากไปห้องทางการสักครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีเวลาพอหรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
มีน้องสะใภ้ที่ฉลาดเฉลียว เข้าใจโดยไม่ต้องพูดมากความเช่นนี้ผู้หนึ่งช่วยลดปัญหาให้ คนได้มากมายนัก!
นางยิ้มพลางสั่งให้เฉินเซียงพาฉางซื่อไปห้องทางการ รีบบอกให้คนไปตามหาเฉิงฉือที่ให้ การรับรองแขกอยู่ที่โถงรับรองมา
ไม่นานเฉิงฉือก็เร่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวบอกเล่าความกังวลของนางและเรื่องที่ฉางซื่อบอกมาให้เฉิงฉือฟังอย่าง ตรงไปตรงมา
เฉิงฉือถอนหายใจ รู้ว่ามารดาเริ่มสงสัยแล้ว แต่เรื่องที่เกี่ยวพันกับชาติก่อน เขาจะเอาหลักฐานอะไรมาโน้มน้าวมารดาได้เล่า
5327
เขาจําต้องเล่าเรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง “…เรื่องนี้มิใช่ เรื่องที่หากพวกเราไม่เลือกข้างแล้วจะแก้ไขได้ และตระกูลเฉิงของพวกเราก็เข้าไปพัวพันด้วยไป แล้ว ถ้าหากอยากเอาตัวเองออกมา จึงได้แต่ต้องหาวิธีป้องกันเอาไว้ก่อน ต้องระมัดระวังเอาไว้สัก หน่อยแล้ว”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน