เนื่องจากโจวเสาจิ่นตั้งครรภ์ วันนั้นที่เฉิงเก้ามาถึงเป็นวันที่เฉิงฉือไปสอนหนังสือที่ตําหนัก บูรพาพอดี เฉิงฉือกระทั่งลางานไม่ได้ หลังจากโจวชูจิ่นทราบเรื่องแล้วก็บอกให้มอบหมายเรื่องนี้ แก่นาง นางจะให้เลี่ยวเส้าถังไปรับเฉิงเก้า
เซี่ยซื่อก็แนะนําให้เฉิงรั่งไปรับคนพร้อมกับเลี่ยวเส้าถังอย่างเงียบๆ ว่า “…ไม่ว่าอย่างไร พวกเจ้าก็เป็นญาติพี่น้องกัน เขาอยู่ที่จินหลิง เจ้าอยู่ที่จิงเฉิง เขาเป็นแขกจากแดนไกล อย่างไรเจ้า ก็ต้องเป็นเจ้าบ้านให้ดี ท่านลุงใหญ่เป็นผู้อาวุโส ไม่เหมาะสมที่จะไปรับ อีกทั้งพี่ชายใหญ่สวี่รับ ราชการอยู่ อวิ้นเกอก็ยังเล็ก จวนหลักจึงมีแต่เจ้าที่ช่วยวิ่งเต้นเป็นธุระให้ได้ หากว่าเจ้ากลัวจะทํา ได้ไม่ดี มิใช่ว่ายังมีพี่เขยตระกูลเลี่ยวอยู่ด้วยหรอกหรือ ตอนนี้เขาเป็นบัณฑิตซู่จี๋ เป็นคนมียศ ตําแหน่งแล้ว มีเขาพาเจ้าไป เจ้าจะกลัวอะไร นอกจากนี้ยังเรียนรู้การเข้าสังคมจากเขาได้บ้าง วัน หลังหากในบ้านมีเรื่องเช่นนี้อีก เจ้าก็ไปเองได้แล้ว”
แต่ไหนแต่ไรเฉิงรั่งถูกมองเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ เรื่องต่างๆ ภายในบ้านจึงไม่ถึงคราวของ เขาออกหน้า
เขาได้ยินแล้วก็ลังเลถามว่า “ท่านแม่กับท่านอาฉือต่างไม่ได้ว่าอะไร นี่…นี่จะทําได้หรือ”
เซี่ยซื่อตอบยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นพวกเราไปถามท่านแม่ดีหรือไม่”
นางรู้ว่าสามีของตนค่อนข้างเป็นผู้น้อยในบรรดาญาติพี่น้องตระกูลเฉิง ทว่าแต่ละคนต่าง มีตําแหน่งที่อยู่และจุดเด่นของตนเอง บางทีเฉิงรั่งอาจไม่ได้เป็นจิ้นซื่อ แต่เขาเป็นคนดีมีคุณธรรม คนหนึ่งได้ ช่วยคนในบ้านดูแลการงานต่างๆ ได้ ก็ดีกว่าวันๆ ไม่ทําอันใด มักใหญ่ใฝ่สูงแต่มือไม่ถึง
เฉิงรั่งคิดว่าถ้อยคําของภรรยามีเหตุผลมาก จึงไปหาชิวซื่อ
5368
ชิวซื่อได้ยินแล้วก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะสนับสนุนให้เขาไปรับคนพร้อมกับเลี่ยว เส้าถังแล้ว ยังหยิบตั๋วเงินห้าสิบเหลี่ยงและเร่งทําอาภรณ์ฤดูใบไม้ผลิตัวหนึ่งให้เฉิงรั่งอีกด้วย ให้ เฉิงรั่งสวมเสื้อผ้าใหม่ไปในวันนั้น
มารดาเห็นด้วยกับความคิดของเขา เฉิงรั่งก็ดีใจเหลือหลาย เมื่อกลับมาก็เอาตั๋วเงินห้า สิบเหลี่ยงกับอาภรณ์ฤดูใบไม้ผลิให้เซี่ยซื่อดู
เซี่ยซื่อรินชาจอกหนึ่งให้เฉิงรั่งด้วยตนเอง กล่าวว่าต้องขอบคุณเขาที่ทํางานเหน็ดเหนื่อย
เฉิงรั่งก้มหน้าลงอย่างขัดเขินพลางกล่าวว่า “นี่ล้วนเป็นความคิดของเจ้า เกี่ยวอะไรกับข้า ด้วยเล่า”
ต่อให้เป็นความคิดของนางก็ต้องให้เฉิงรั่งรับฟังถึงจะถูก
เซี่ยซื่อคลี่ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “หากสามีไม่เห็นด้วยกับคําของภรรยาจะยอมไปถามท่าน แม่ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ เห็นได้ว่าสามีเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
เฉิงรั่งได้ยินแล้วก็เบิกบานใจยิ่ง หัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เมื่อถึงวันไปรับเฉิงเก้าก็ตื่นแต่เช้า ล้างหน้าแต่งตัวอย่างพิถีพิถันแล้วจึงไปที่ประตูเฉาห ยาง จากนั้นก็ไปพบเลี่ยวเส้าถังที่ซอยอวี๋ซู่พร้อมกับฉินจื่อจี๋ แล้วไปรับเฉิงเก้าที่ประตูเฉาหยาง
เฉิงเก้าเห็นเฉิงรั่งก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ในภาพจําของเขา เฉิงรั่งมักจะหลบอยู่ข้างหลังผู้อื่น ใบหน้าเลือนรางไม่ชัดเจน
เขาอดไม่ได้กล่าวขอบคุณเฉิงรั่งครั้งหนึ่งดีๆ
เฉิงรั่งรู้สึกขัดเขินยิ่ง ดวงหน้าแดงกํ่า แต่จะดีจะร้ายก็ได้เอ่ยถ้อยคําที่ควรจะพูดแล้ว ทุก คนมุ่งไปที่ประตูเฉาหยางด้วยกัน
5369
โจวเสาจิ่นรอเฉิงเก้าที่ประตูชั้นใน
เมื่อเห็นเฉิงเก้ายังคงมีดวงหน้าหล่อเหลาและมีชีวิตชีวาเช่นเดิม นํ้าตาในกระบอกตาของ นางก็รื้นขึ้นมาทันที
ชาติก่อนตอนนางเห็นเฉิงเก้าที่จิงเฉิง แม้ว่าเฉิงเก้าได้เป็นบัณฑิตซู่จี๋แล้ว ทว่าท่าทางกลับ เคร่งขรึมและเก็บกด
นางก้าวมาทําความเคารพเฉิงเก้าโดยมีจี๋เสียงช่วยประคอง
ระหว่างที่เฉิงเก้าเดินทางมาก็ทราบข่าวที่โจวเสาจิ่นตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้เห็นดวงหน้าของ นางแดงปลั่ง แววตาเปล่งประกาย ไม่มีความอ่อนเพลียอิดโรยของสตรีมีครรภ์เลยสักนิด ก็รู้ว่าเฉิง ฉือดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี หลังจากยิ้มร่าขณะแสดงความยินดีกับโจวเสาจิ่นแล้ว เขาก็อด หยอกเย้าโจวเสาจิ่นไม่ได้ว่า “ดูทีแล้วยังคงเป็นดินนํ้าของจวนหลักที่หล่อเลี้ยงผู้คน แต่ก่อนตอนที่ เจ้าอยู่ที่เรือนหว่านเซียง ก็ดูเหมือนมะเขือต้องนํ้าค้างแข็งก็ไม่ปาน จากนั้นไปอยู่ที่เรือนหานปี้ซาน เพียงประเดี๋ยวเดียวก็มีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว ยามที่พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งครรภ์หยวนหยวน ทุกวันท่าทาง อ่อนระโหยโรยแรง ตอนนี้ข้าเห็นเจ้าเป็นอย่างนี้ กลับดูคล้ายว่าทุบตีเสือจนตายได้เลยทีเดียว”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงเรื่อ นึกถึงชาติที่แล้วเฉิงเก้ากับเหอเฟิงผิงแต่งงานกันเจ็ดแปดปีแล้วจึง มีหยวนหยวน ตอนนี้นอกจากจะให้กําเนิดบุตรสาวเร็วขึ้นแล้ว ก็ยังคงตั้งนามว่าหยวนหยวนชื่อนี้ อีกด้วย นางเอ่ยถามอย่างสงสัยเล็กน้อยว่า “เหตุใดพี่ชายเก้าถึงตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่าหยวนหยวนชื่อ นี้เจ้าคะ”
เฉิงเก้าตอบยิ้มๆ ว่า “ตอนที่พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าเป็นเด็กชอบกินขนมจุบจิบ รูปร่างขาว จํ้ามํ่า มีชื่อเล่นว่า ‘อาหยวน’ ตอนนั้นพวกข้าก็ล้อเล่นกันว่า หากให้กําเนิดบุตรสาวก็จะตั้งชื่อนี้ ไม่ คาดคิดว่าจะคลอดบุตรสาวคนหนึ่งออกมาจริงๆ”
5370
เห็นได้ว่าเรื่องบางเรื่องแม้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็ยังคงหวนคืนสู่รอยเดิมอยู่ดี
โจวเสาจิ่นคลี่ยิ้มพลางกล่าวขอบคุณเลี่ยวเส้าถัง แล้วไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นเพื่อน เฉิงเก้า
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถามไถ่ถึงฮูหยินผู้เฒ่ากวน
เมื่อทราบว่าจวนสี่ทุกอย่างราบรื่น อีกทั้งกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้ก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง ฮูหยินผู้ เฒ่ากัวก็หัวเราะเริงร่าขึ้นมา กําชับเฉิงเก้าว่า “ให้ทําเสมือนที่นี่เป็นบ้านของตน” “ขาดอะไรก็ให้ เสาจิ่นเตรียมให้เจ้า” สองสามประโยค จากนั้นจึงเรียกอวิ้นเกอเอ๋อร์เข้ามาทําความเคารพเฉิงเก้า
เฉิงเก้าเห็นอวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นครั้งแรก น่ารักน่าเอ็นดูเหลือแสน ชี้ดวงตาของอวิ้นเกอเอ๋อร์ ขณะกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “เหมือนตอนเจ้าเป็นเด็กจริงๆ”
“จริงหรือเจ้าคะ” หลายคนต่างบอกว่าดวงตาของอวิ้นเกอเอ๋อร์งดงามยิ่ง
เฉิงเก้าพยักหน้าพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “หยวนหยวนของพวกข้าเป็นแม่หนูอ้วน ท้วนคนหนึ่ง อุ้มในอ้อมแขนก็หนัก ส่วนฟางฟางกลับซุกซนแก่นแก้วจนรื้อกระเบื้องบนหลังคา ยัง เป็นอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเจ้าที่ดี สุภาพเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย”
โจวเสาจิ่นกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวต่างหัวเราะไม่หยุด โจวเสาจิ่นยิ่งแล้วใหญ่อยากเห็นฟาง ฟางของกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้สักครั้งหนึ่งว่ามีหน้าตาเช่นไร
เฉิงเก้าเห็นสีหน้าของพวกนางสองแม่สามีและบุตรสะใภ้ไม่ค่อยถูกต้องนัก จึงเอ่ยถาม อย่างฉงนว่า “ทําไมหรือ อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ซุกซนด้วยหรือ”
โจวเสาจิ่นไม่เคยคิดว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ซุกซนแต่อย่างใด ตอบยิ้มๆ ว่า “เขาเป็นเด็กผู้ชาย ค่อนข้างอยู่ไม่นิ่ง แต่ก็ไม่ได้ซนมากนักเจ้าค่ะ”
5371
ทุกคนหัวเราะขณะพูดคุยเรื่องเด็กๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเฉิงเก้าก็ลุกขึ้นขอตัวไป


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน