มือของโจวเสาจิ่นบิดเข้ามาหากันอีกครั้ง
นางกล่าวขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “แต่ทางด้านท่านป้าใหญ่หลู…”
เฉิงฉือขืนตัวเอาไว้ถึงได้ไม่เอามือไปกุมหน้าผาก เขากล่าว “นั่นก็ต้องเป็นเฉิงเจิ้งเป็นผู้ตอบรับถึงจะถูก!”
เฉิงเจิ้งเป็นผู้ตอบรับอย่างนั้นหรือ
เหตุใดเขาถึงไม่เป็นผู้ตอบรับกัน?
โจวเสาจิ่นพลันเข้าใจขึ้นมาในทันใด
เฉิงเจิ้งเป็นบัณฑิต บัณฑิตจะได้รับตำแหน่งก็ด้วยการสอบขุนนาง การสร้างความสัมพันธ์กับเครือญาติของเชื้อพระวงศ์จะมีประโยชน์อะไร นอกจากนี้เขายังมองหาภรรยาที่ตระกูลสามารถเกื้อหนุนต่อหน้าที่การงานในราชสำนักของเขาได้ด้วยมิใช่หรือ สิ่งที่องค์ฮ่องเต้หลีกเลี่ยงที่สุดคือการร่วมมือกับเชื้อพระวงศ์ก่อกบฏ ดังนั้นบรรดาราชบุตรเขยต่างก็ทำได้เพียงเล่นแก่งแย่งกันอยู่ภายในครอบครัวเท่านั้น…
“จริงด้วย! เหตุใดข้าถึงคิดไม่ถึงกันนะ!” แววตาของนางราวกับดวงดาว ใบหน้าของนางเปล่งประกายอยู่ราง ๆ “จวนสามยังคาดหวังให้พี่ชายเจิ้งได้รับการเสนอชื่อ นำเกียรติมาสู่คนในตระกูล! หากเฉิงเจียแต่งให้กับจูเผิงจวี่ อีกทั้งยังเป็นการแต่งไปเป็นอนุ แค่น้ำลายที่พ่นมาของเหยียนกวนผู้ให้คำปรึกษาก็สามารถทำให้พี่ชายเจิ้งจมน้ำตายได้แล้ว…” คิดถึงตรงนี้ นางราวกับได้ปลดภาระอันหนักอึ้งออกไป รู้สึกทั้งร่างเบาสบายขึ้น ลุกขึ้นมาอย่างเบิกบาน “ข้าจะไปบอกพี่สาวเจียก่อนนะเจ้าคะ…ไม่ว่าจูเผิงจวี่จะสนใจผู้ใด ล้วนแล้วแต่เป็นไปไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ!” ขณะที่นางพูด ก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมา เอ่ยถามเฉิงฉืออย่างลังเลว่า “ท่านน้าฉือ ท่านพ่อของข้าจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอนใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ต่อให้ท่านพ่อของนางตอบตกลง แต่ท่านยายกับท่านป้าใหญ่จวนสี่ก็คงไม่ยอมตกลงหรอกกระมัง
แต่ถ้าหาก…ถ้าหากพวกเขาทุกคนต่างตอบตกลง นางจะขอให้ท่านน้าฉือช่วยนางทำให้เรื่องนี้ล้มเหลวไปได้หรือไม่
ทว่าประโยคสุดท้ายนั้น นางไม่กล้าถามออกไป กลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยความในใจอย่างคนสนิท แล้วจะได้รับการปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงเป็นคำตอบกลับมา
เรื่องเช่นนี้ เขาจะกล้ารับประกันได้อย่างไร
แต่เมื่อเห็นท่าทางระแวดระวังของโจวเสาจิ่นเช่นนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกสลดใจอยู่เล็กน้อย ไม่อยากจะพูดอะไรที่กระทบกระทั่งนาง จึงกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “น่าจะไม่หรอก!”
โจวเสาจิ่นจึงหัวเราะขึ้นมา
นางยิ้มตาหยีพลางย่อตัวลงทำความเคารพเขาครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ท่านน้าฉือ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ วันหลังข้าค่อยมาขอบคุณท่านอีกครั้ง!” จากนั้นก็ออกจากศาลาชิงอินเล็ก ๆ แห่งนี้ไปอย่างเบิกบานราวกับนกน้อยที่กำลังมีความสุขตัวหนึ่ง
เฉิงฉือตะลึงงัน
จากไปดื้อ ๆ เช่นนี้เลยหรือ…นางเชื่อคำพูดทุกอย่างของเขาโดยไม่ติดใจสงสัยอะไรเลยอย่างนั้นหรือ
ในตาของเฉิงฉือเผยความงุนงงออกมา มองไปยังขุนเขาลำเนาไพร ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่กล่าวอะไร
ไหวซานก้มหน้า เม้มปากแน่นเป็นรอยตะเข็บสายหนึ่ง ทว่าหัวไหล่กลับยกขึ้นเบา ๆ สองครั้ง
***
โจวเสาจิ่นมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ไปยังเรือนหรูอี้
เฉิงเจียกำลังพลิกรายการอาหารที่โรงครัวเล็กของจวนสามส่งมาให้ เมื่อเห็นโจวเสาจิ่นเข้ามา นางก็ต้อนรับนางด้วยความดีใจและพานางเข้าไปนั่งด้านในห้อง ผลักรายการอาหารไปที่ด้านหน้าของโจวเสาจิ่น เอ่ยถามนางว่า “เจ้าอยู่ทานมื้อเย็นกับข้าที่นี่ดีหรือไม่ ข้าจะให้ชุ่ยหวนไปแจ้งที่เรือนเจียซู่ เจ้าอยากทานอะไร วันนี้ในโรงครัวมี ผัดกุ้งสุ่ยจิง ปลาปี่มู่นึ่ง ไก่ผัดซานเปย และปลาซงสู่ทอดเปรี้ยวหวาน…ข้าจะให้ชุ่ยหวนไปดูที่โรงครัวสักหน่อย อย่าให้เหมือนกับครั้งที่แล้ว สั่งผัดกุ้งสุ่ยจิงไป ปรากฏว่ากุ้งนั้นยังใหญ่ไม่เท่าหอยในแม่น้ำเลย…” นางพึมพำ
จวนสามกับจวนสี่นั้นไม่เหมือนกัน จวนสามนั้นทุกวันทางโรงครัวจะส่งรายการอาหารมาให้แต่ละเรือนได้เลือกรายการอาหาร ส่วนจวนสี่นั้นจะจัดเตรียมรวมกัน อย่างเช่นโจวเสาจิ่นสองพี่น้องกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนจะเป็นกับข้าวสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง ของเฉิงเก้าสองพี่น้องจะเป็นกับข้าวหกอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง ส่วนฮูหยินผู้เฒ่ากวนจะเป็นกับข้าวสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง โจวเสาจิ่นสองพี่น้องกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเป็นการทานกันสองคน เฉิงเก้าสองพี่น้องนั้นเนื่องจากเป็นบุรุษ จึงทานได้มาก ส่วนฮูหยินผู้เฒ่านั้นทานได้น้อย จึงลดปริมาณกับข้าวลงหนึ่งอย่าง ทำให้ไม่สิ้นเปลือง
จวนหลักก็ดูเหมือนจะไม่เหมือนกัน อย่างน้อยก็ตอนที่นางอยู่ทานข้าวที่เรือนหานปี้ซาน ไม่เพียงจัดวางเนื้อและผักคู่กันอย่างดีเท่านั้น ดูเหมือนว่าฝีมือของแม่ครัวก็ไม่เหมือนกันเป็นอย่างมาก กับข้าวก็หลากหลาย และดูประณีตเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่โจวเสาจิ่นคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ก็พยักหน้ารับ พลางกล่าวขึ้นว่า “วันนี้ข้ามีเรื่องต้องการจะพูดกับเจ้าจริง ๆ จะอยู่ทานข้าวกับเจ้าที่นี่ก็แล้วกัน เจ้าให้ชุ่ยหวนไปแจ้งให้ข้าสักหน่อย”
เมื่อก่อนพวกนางก็มักจะทานข้าวด้วยกันอยู่บ่อย ๆ แต่มักจะเป็นโจวเสาจิ่นที่อยู่ทานข้าวที่เรือนหรูอี้เสียเป็นส่วนใหญ่ น้อยครั้งที่เฉิงเจียจะไปทานข้าวที่เรือนหว่านเซียง กล่าวคือ กับข้าวของจวนสี่นั้นจะถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ส่วนกับข้าวของจวนสามกลับสามารถสั่งในตอนนั้นเลยก็ได้ จึงเห็นได้ชัดว่าเรือนหรูอี้มีอิสระมากกว่า
ชุ่ยหวนยิ้มพลางขานรับ “เจ้าค่ะ” ไม่ต้องให้เฉิงเจียออกคำสั่ง ก็ล่าถอยออกไปแล้ว
เฉิงเจียจึงดึงโจวเสาจิ่นไปที่เตียง กระซิบถามนางเสียงเบาว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าหรือ”
โจวเสาจิ่นจึงเล่าเรื่องที่ตนลองส่งถุงหอมไปให้อาจูให้เฉิงเจียฟัง แต่นางปิดบังเรื่องที่ไปหาเฉิงฉือเอาไว้ นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก มักรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างจวนหลัก จวนรอง และจวนสามนั้นช่างซับซ้อนและยุ่งเหยิงนัก หากสามารถไม่เอ่ยถึงเฉิงฉือได้ ก็จะพยายามไม่เอ่ยถึงเฉิงฉือให้มากที่สุด
เฉิงเจียตกใจจนสีหน้าซีดเผือด กล่าวขึ้นว่า “ที่เจ้าพูดมานี้เป็นความจริงหรือ”
เมื่อถามเสร็จ สีหน้ากลับดูเหม่อลอยขึ้นมาในทันใด ประเดี๋ยวก็มีสีหน้ายินดี ประเดี๋ยวก็มีสีหน้าโศกเศร้า
โจวเสาจิ่นเห็นแล้วก็กังวลใจเป็นอย่างมาก
หญิงสาวในเมืองจินหลิงนั้น เกรงว่ามากกว่าครึ่งคงอยากจะแต่งเข้าจวนเหลียงกั๋วกง จะได้เป็นฮูหยินลำดับที่หนึ่งของเมืองจินหลิง
แต่เรื่องนี้ กลับไม่ใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้
หากว่าเฉิงเจียก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน การที่นางคิดหาวิธีให้เฉิงเจียรั้งอยู่ที่นี่ เฉิงเจียอาจจะคิดว่านางไปทำลายวาสนาของนางก็เป็นได้
น้ำเสียงของนางลังเลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวอย่างเบา ๆ ว่า “ข้าจะหลอกเจ้าไปเพื่ออะไร ไม่ว่าจวนเหลียงกั๋วกงตั้งใจจะทำอะไรก็ตาม แต่ข้าก็ได้ตัดสินใจแน่แล้ว กลับไปจะไปหารือกับท่านยายของข้า…เจ้าก็ลองคิดดู เพียงเพราะฮูหยินของซื่อจื่อไม่สามารถให้กำเนิดบุตร เพื่อวางแผนให้ทายาทให้อนาคต จวนเหลียงกั๋วกงจึงไม่แต่งตั้งฮูหยินของซื่อจื่อ ครอบครัวเช่นนี้ ต่อให้มีชื่อเสียงรุ่งโรจน์มากกว่านี้ ข้าก็ไม่แต่งด้วย! นอกจากนี้ยังเป็นการแต่งไปอนุของผู้อื่นอีก”
เฉิงเจียไม่เข้าใจ
โจวเสาจิ่นอธิบายให้นางฟัง “ไม่แต่งตั้ง ก็คือไม่มีบันทึกลงในลำดับของวงศ์ตระกูล ต่อไปฮูหยินคนใหม่คลอดบุตรออกมา ก็จะได้รับการขนานนามว่าเป็นมารดาของบุตรชายคนโตไปโดยปริยาย”
เฉิงเจียพลันตัวสั่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง รีบกล่าวขึ้นว่า “ข้า…ข้าก็ไม่ยอมแต่งเหมือนกัน” กล่าวจบ คิ้วของนางก็ขมวดมุ่นขึ้น กล่าวขึ้นอีกครั้งอย่างกังวลใจว่า “หากเป็นข้าจริง ๆ ท่านแม่ของข้า…”
แววตาของนางกระจ่างใส ไม่ได้เหม่อลอยเหมือนก่อนหน้านี้อีก

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน