ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 108

ตอนที่ 108 เกม!

“พนันชีวิต มวยใต้ดิน ที่ต้องเขียนสัญญาเป็นสัญญาตายแบบนั้นใช่ไหม”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน เถ้าแก่ ผมสามารถรับรองได้ว่าคุณไม่เคยเห็นมาก่อน”

นักพรตเฒ่ารู้สึกสนใจ เขาเดินระเหเร่ร่อนมาครึ่งค่อนชีวิต นับว่าเดินทางมานักต่อนักแล้ว ถึงแม้จะใส่ชุดนักพรต แต่ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากตระกูลบรรพบุรุษลัทธิเต๋า ทว่าพอมาถึงยุคของเขา เรื่องลัทธินอกรีต ชนชั้นล่างเก้าอาชีพอะไรพวกนี้มีหรือจะไม่เคยเห็น

ไม่เคยกินเนื้อหมู คิดว่าไม่เคยเห็นหมูวิ่งอย่างนั้นหรือ

“เหอะๆ เจ้าลองพูดมา ข้าไม่เชื่อจริงๆ ว่าข้าจะไม่เคยเห็นมาก่อน”

นักพรตเฒ่าถกชุดนักพรตขึ้นมาวางท่าเป็นเทพเซียน

“แต่ขอบอกก่อนว่า พวกเราต้องลงเงินห้าหมื่นหยวนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นมองนักพรตเฒ่า “คุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะโกงเงินคุณ พวกเราเป็นมืออาชีพ ตอนนี้กิจการใหญ่มาก และพวกเราก็มีเงินค่าน้ำ ดังนั้นคุณแพ้หรือชนะ แพลตฟอร์มของพวกเราก็ได้กำไรอยู่ดี”

นักพรตเฒ่าทำจมูกฟึดฟัด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากออกเงิน

เขาเคยหลอกเงินคนอื่นมาไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่อยากถูกนกกระจอกจิกตาตอนแก่ และเขาก็หวงเงินในกระเป๋าของตัวเองมาก

“ผมสนใจครับ” โจวเจ๋อจู่ๆ ก็พูดออกมา

ใช่แล้ว เขามีความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหญิงชราคนเมื่อวาน หรือตำรวจน้ำดีที่ถูกเขาส่งลงนรกด้วยตัวเองในตอนแรก ล้วนพูดคำว่า ‘พนันชีวิต’ ทั้งในทางตรงและทางอ้อมกับเขา

โจวเจ๋ออยากจะดูนักว่าไอ้พนันชีวิตนี่ มันมีวิธีการเล่นอย่างไร

เพราะที่ร้านของเขามีวิญญาณห้าหกดวงที่ต้องลงนรกไปด้วยเรื่อง ‘พนันชีวิต’

มันเป็นเกมแบบไหนกันแน่

ผู้ชายคนนั้นเหลือบตามองโจวเจ๋อที่นั่งป่วยเซื่องซึมอยู่ตรงนั้นหนึ่งที สีหน้ารังเกียจเกินคำบรรยาย หน้าตาไม่เลว หล่อดีแต่ดูแล้วก็คือพนักงานของร้านหนังสือเท่านั้น นายสนใจเหรอ เหอะๆ นายมีเงินไหม คำพูดเหล่านี้ไม่ได้อธิบายออกมา แต่สีหน้าและแววตาแสดงออกอย่างชัดเจนมาก

หน้าตานายบ่งบอกว่าเป็นคนไม่มีเงิน ฉันเจอคนมาเยอะแล้ว ยังจะมองคนผิดอีกเหรอ

โจวเจ๋อแลบลิ้นเลียริมฝีปาก อยากจะหัวเราะกลบเกลื่อนความอาย ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหากหัวเราะตอนที่มีไป๋อิงอิงกับนักพรตเฒ่าอยู่ด้วยอาจจะอายได้ แต่บางครั้งตอนที่ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือไม่หัวเราะนั้น อันที่จริงยิ่งจะเขินอายมากกว่า…

จากนั้นก็รู้สึกโมโหจริงๆ อยากจะจับแกลงนรกไปเสีย ที่กล้าทำให้ฉันขายหน้า!

นักพรตเฒ่าเห็นสีหน้าของเถ้าแก่ตัวเองเริ่มผิดปกติ ก็สะดุ้งในใจทันที

นักพรตเฒ่าในฐานะผู้อาวุโสที่เคยรับใช้ ‘เถ้าแก่ผี’ ถึงสองตน เขามีประสบการณ์ในการเอาใจผีเยอะแยะ! ดังนั้นเขาจึงตบโต๊ะทันที แล้วพูดตามตรงว่า “แม่งเอ๊ย แค่ห้าหมื่นเอง เงินเล็กน้อย ไม่มีปัญหา เจ้าก็อย่าตาต่ำนัก ข้าจะโอนเงินให้เจ้า และข้าก็ไม่กลัวว่าเจ้าจะหลอกข้า เพราะคนที่กล้าหลอกข้า ข้ามีวิธีทำให้เขาไปลงนรกได้!” นักพรตเฒ่ายิ้มอวดฟันขาวของตัวเอง

“ได้ ลงนรกก็ลงนรก” ผู้ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา “ผมจะช่วยเปิดบัญชีให้คุณก่อน ส่วนคุณใส่เงินลงไปก็ได้แล้ว”

ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัวการข่มขู่จับลงนรกอะไร เขาคิดว่านักพรตเฒ่าพูดจาแบบพวกมาเฟีย ซึ่งหมายถึงถ้าหากกล้าหลอกข้า ก็จะให้คนมาฆ่าเจ้าเสีย

คาดว่าผู้ชายคนนั้นคงคาดฝันไม่ถึงว่า ร้านหนังสือแห่งนี้ช่วยคนไปลงนรก คือโครงการสร้างรายได้ของจริง

“เปิดสองบัญชี ข้าจะโอนให้เจ้าหนึ่งแสนหยวน”

นักพรตเฒ่าโอนเงินเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าโจวเจ๋อ ยิ้มหน้าบานเชิญเถ้าแก่มาดูว่าเกมพนันชีวิตมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่

เขาไม่กลัวว่าไอ้หมอนี่จะโกงเงินจริงๆ โบราณว่าไว้ หัวหน้าคุยง่ายตัวเล็กตัวน้อยคุยยาก

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ไม่สามารถพูดกับเถ้าแก่ได้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าตัวเองตายอย่างไรก็คงไม่รู้

เสียดายที่นักพรตเฒ่ายังไม่รู้ว่า สองวันที่ผ่านมาที่เขาเป็นฝ่ายเสนอตัวช่วยถูหลังให้โจวเจ๋อและยังให้เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าพร้อมกับโคลนนั่น มันทำให้เขาวนเวียนอยู่แถวเขตแดนแห่งความตายสองสามครั้งแล้ว

“คุณเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ” โจวเจ๋อถาม

“ไลฟ์สดไง เมื่อวานได้รางวัลเยอะมาก” นักพรตเฒ่าอธิบาย

โลกนี้มีปัญหา มีปัญหาจริงๆ!

ต่อให้เป็นหมอโจวที่สุขุมรอบคอบ ก็ยังไม่วายต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด

เพื่อนบ้านของตัวเองสวี่ชิงหล่างมีเงินเยอะ คนรับใช้ของตัวเองก็มีเงินมาก ภรรยาของตัวเองก็เป็นคนรวย ไหนจะนักพรตเฒ่าที่ตัวเองเอามาอยู่ด้วยก็ยังทำเงินหนึ่งแสนหยวนได้สบายๆ! แล้วย้อนกลับมาดูตัวเอง ตอนนี้ยังเป็นแค่ลูกหนี้

ผู้ชายคนนั้นดีใจมากที่ตัวเองหาลูกค้าได้สองคน จึงหันโน้ตบุ๊กเข้าหาตัวทันที จากนั้นจึงเริ่มอธิบายรายละเอียดและวิธีการเล่นอย่างชัดเจน แล้วพูดในขณะเดียวกันว่า

“วางใจได้ครับ เกมนี้ตื่นเต้นสุดๆ นี่คือเกมสำหรับคนรวยอู้ฟู่ของจริง เพราะในเกมนี้ พวกคุณสามารถเดิมพันชีวิตและกำหนดความเป็นความตายของคนได้ เป็นยังไงครับ รู้สึกเหมือนได้เป็นยมทูตบ้างไหมครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดล้อเล่นอย่างสนุกสนาน

นักพรตเฒ่าได้ยินแล้วมุมปากกระตุก

“เหอะๆ” โจวเจ๋อ

“เถ้าแก่ พวกเราน่าจะพาไป๋อิงอิงมาด้วย นางจะได้ปรนนิบัติเจ้าสะดวก”

นักพรตเฒ่าครั้งนี้มีสติมาก ปล่อยให้ใจวเจ๋อถือไม้เท้าเดินไปข้างหน้าก็ไม่โง่เสนอตัวให้โจวเจ๋อขี่หลังตัวเอง

“เธอมา ก็ไม่มีคนเฝ้าร้านหนังสือ” โจวเจ๋อตอบ

“อ้าว ยังมีคุณถังไม่ใช่เหรอ”

“ให้เธอเฝ้าร้านเหรอ”

โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่ามองโจวเจ๋อ แล้วทั้งสองคนก็ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ โอเค ไม่พูดแล้ว ทุกอย่างไม่ต้องพูดก็เข้าใจ

จินตนาการภาพคุณถังเฝ้าร้านคนเดียว เกรงว่าถ้าหากเจอลูกค้าหัวร้อนเข้ามาเร่งสั่งกาแฟหรือขอซื้อหนังสือด่วนนิดหน่อย อาจจะมีปากกาด้ามหนึ่งลอยมาแทงลูกค้าเป็นรูพรุนเหมือนรังผึ้งก็เป็นได้

“เถ้าแก่ ระวังข้างหน้า มันเอียงเล็กน้อย”

โจวเจ๋อจับไม้เท้าแล้วมองไปรอบๆ ที่นี่เป็นเขตหนึ่งในเมืองทงเฉิง ไม่ถือว่าห่างไกลมาก แต่ก็ไกลจากใจกลางเมืองเล็กน้อย และยังเป็นย่านเก่าแก่อีกด้วย ที่นี่มีคลินิกและโรงพยาบาลขนาดเล็กหลายแห่ง และยังมีโรงแรมจำนวนไม่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล