สรุปตอน ตอนที่ 113 โผล่ออกมา! – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 113 โผล่ออกมา! ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 113 โผล่ออกมา!
เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเพื่อย่นระยะเวลาของขั้นตอนการผ่าชันสูตรศพ มีศพสองสามศพถูกเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลในเครือทงเฉิงที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อช่วยตรวจศพ
เมืองทงเฉิงเป็นเมืองที่เงียบสงบ และเพราะเหตุนี้ จู่ๆ เกิดคดีฆ่าคนที่รุนแรงปรากฏขึ้นมา จึงดึงดูดความสนใจของฝ่ายต่างๆ ได้ภายในพริบตา ในวีแชตโมนเมนต์และเวยป๋อ ข่าวที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้แพร่กระจายไปทั่ว ประชาชนมากมายถึงขนาดเกิดอาการหวาดกลัวและไม่สบายใจ
ดังนั้นจึงสร้างแรงกดดันให้กับทางตำรวจในระดับหนึ่ง
ทางตำรวจทุ่มเททำงานอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะหาเบาะแสและปิดคดีให้ได้ในเร็ววัน จึงมีการสร้างทีมสืบสวนพิเศษขึ้นมาโดยตรง แน่นอนว่า เรื่องราวพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับโจวเจ๋อ
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องยืนยันเรื่องหนึ่ง นั่นคือหมอและพยาบาลที่เสียชีวิตพวกนั้นถูกคนฆ่าหรือว่าถูก…ผีฆ่ากันแน่
ในความเป็นจริง โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายใจใดๆ ต่อการตายของคนพวกนั้น และไม่ถึงขั้นที่ตัวเองต้องรับผิดชอบหรือรู้สึกละอายใจอะไร ถ้าหากผีผู้หญิงตนนั้นเก่งสักหน่อย เธอก็คงกลายเป็นดาบที่โจวเจ๋อยืมมาฆ่าคนไปนานแล้ว คนที่ใช้ชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องมือในการเดิมพันเหล่านั้น ตายไปกลับจะทำให้โลกนี้สะอาดขึ้นเยอะ
แต่สิ่งที่โจวเจ๋อทนไม่ได้ก็คือ ถ้าหากมีผีอีกตัวหนึ่งแอบซ่อนอยู่ในมุมมืดจริง แต่ตัวเขาเองกลับไม่รู้ มันรอให้เขาออกไป แล้วจึงเริ่มออกมาฆ่าคน นั่นคือการบกพร่องในหน้าที่ของเขา
เขาตามไล่ล่านกนางแอ่นมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะถูกนกนางแอ่นจิกตา ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้สวยงามสักเท่าไร
โจวเจ๋อแอบหยิบเสื้อกาวน์หมอตัวหนึ่งมาสวมใส่ แล้วเดินเข้าไปในห้องดับจิต มีศพสองศพกำลังถูกผ่าชันสูตรอยู่ ที่นี่พักศพไว้สามศพ เมื่อก่อนโจวเจ๋อเคยเป็นหมอที่นี่เหมือนกัน ทำงานที่นี่มาสิบปี ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับโรงพยาบาลในเครือแห่งนี้เป็นอย่างมาก
มิหนำซ้ำห้องดับจิตนี้ หลังจากโจวเจ๋อได้เกิดใหม่ จริงๆ แล้วก็เคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นเขาได้เจอลูกสองสามคนกำลังแย่งสมบัติของแม่อยู่ที่นี่โดยที่ไม่มีใครสนใจไปรับศพ
นักพรตเฒ่ารีบมาจากสถานีตำรวจเพื่อมาเจอกับโจวเจ๋อที่โรงพยาบาลในเครือ เขาได้แอบถามนักข่าวพวกนั้นพอได้ข้อมูลมาบ้างไม่มากก็น้อย จากนั้นก็รีบมารายงานกับโจวเจ๋อ
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้นักพรตเฒ่าผิดหวังก็คือ โจวเจ๋อไม่สนใจข้อมูลเหล่านั้นเลย เขาขาดความสนใจในการสืบคดีซึ่งต่างแตกต่างจากเถ้าแก่คนก่อนของนักพรตเฒ่า
อุณหภูมิในห้องดับจิตแน่นอนว่าไม่สูงมาก ความน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกไปทั้งด้านในและด้านนอก
“เถ้าแก่ ทำไมศพถูกย้ายมาผ่าที่โรงพยาบาลนี้” นักพรตเฒ่าไม่เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“หมอนิติเวชเก่งๆ ต่อให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในประเทศจีนก็เช่นกัน ถ้าหากเป็นคดีที่มีแค่ศพสองศพเท่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย แต่คนที่ตายในครั้งนี้มีมากกว่าสิบคน เดิมทีจำนวนของหมอนิติเวชที่ถูกจัดสรรให้สถานีตำรวจทงเฉิงมีจำนวนไม่พออยู่แล้ว จึงได้แต่อาศัยความช่วยเหลือจากกำลังคนของหน่วยงานอื่นนอกเหนือจากภาครัฐ”
โจวเจ๋อตรวจสอบหมายเลขและกวาดตาดูตารางที่อยู่ด้านหลังประตู จากนั้นจึงลากตู้แช่เย็นออกมา ในนั้นมีศพของหญิงชราผมสีขาวเทาศพหนึ่ง
นักพรตเฒ่ามองศพแล้วเบิกตาโตเอ่ยว่า “นี่ต้องเป็นฝีมือของผีแน่นอน พยาบาลสาวถูกดูดจนตัวแห้ง”
โจวเจ๋อยื่นมือเคาะแผ่นเหล็ก “นี่เป็นศพของคนไข้ที่อยู่ในห้องใต้ดินของโรงพยาบาลนั้น”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง”
นักพรตเฒ่าลูบศีรษะอย่างเก้อเขิน
“ถ้าอย่างนั้นตายได้ยังไง” นักพรตเฒ่าถามอีก
“ตอนที่ศพยังมีชีวิตอยู่เดิมเป็นโรคมะเร็งอยู่แล้ว และคนไข้พวกนั้นที่นอนอยู่ในห้องใต้ดินก็ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือการพนัน ถูกห้ามไม่ให้มีการรักษาใดๆ นานแล้ว พวกเขาจะตายตอนไหนมีความเป็นไปได้เสมอ แต่ดูโดยรวมแล้ว ศพนี้ไม่ได้มีแผลภายนอกที่ชัดเจน และผมก็ไม่สามารถรับรู้ถึงพลังชี่พิฆาตจากตัวเธอได้เลย”
“อย่างนั้นสาเหตุการตายของเธอจึงแปลกมากและหาสาเหตุยากใช่ไหม” นักพรตเฒ่าทำเป็นลูบคางเต๊ะท่าเก่ง ราวกับว่าเวลานี้เขากำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “อย่างนั้นก็น่าสนุกละ เดาสาเหตุการตายไม่ได้ ต้องมีอะไรแปลกๆ อยู่ในนี้แน่นอน”
“ป่วยตาย”
“อะไรนะ”
“ผมพูดว่า เธอน่าจะป่วยตาย”
“เอ่อ…”
ถ้าหากคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนอื่นไม่ใช่โจวเจ๋อ นักพรตเฒ่าอยากจะด่าเสียหน่อย
เจ้าบอกว่าป่วยตายแต่ยังวิเคราะห์นานขนาดนี้ แถมยังปล่อยให้ข้าแสร้งทำเป็นจริงจังเสียขนาดนี้ ข้าไม่หน้าแตกแย่เหรอ!
โจวเจ๋อไม่สนใจความคิดของนักพรตเฒ่า แต่ดึงศพที่สองออกมา นี่เป็นศพผู้ชาย เป็นชายหนุ่มวัยรุ่น
“ศพนี้ข้าคุ้นหน้าเล็กน้อย อ้อ เฮ้ย นี่คือศพของยามคนนั้น” นักพรตเฒ่าจำศพนี้ได้ว่าเป็นใคร ไม่ว่าอย่างไรเขากับยามรักษาความปลอดภัยคนนั้นก็เคยปะทะกันมาก่อน
โจวเจ๋อยื่นมือเชยคางของศพขึ้นมา มีแผลสีแดงเข้มอยู่ตรงนี้
แผลลึกมาก ปากแผลเนียนกริบ
“นี่คือถูกปาดคอเหรอ” นักพรตเฒ่าพูดเดา
โจวเจ๋อพยักหน้า สาเหตุการตายคือถูกของมีคมปาดลำคอทำให้เสียเลือดมากจนเสียชีวิต
โจวเจ๋อเปิดตู้แช่เย็นของศพที่สามออกมาอีก นี่เป็นศพของผู้หญิง
“อันนี้ข้ารู้จัก เป็นพยาบาลสาวคนหนึ่งที่อยู่ในโรงพยาบาล ตอนนั้นด้านล่างเธอใส่เปปป้าพิก ข้ามองอยู่สองสามทีแน่ะ”
โจวเจ๋อตรวจสอบคางของศพผู้หญิง พบว่าเธอไม่มีบาดแผลตรงนี้ จากนั้นจึงเลื่อนลงไปตามลำคอ โจวเจ๋อเห็นด้านล่างอกข้างซ้ายของศพผู้หญิง มีปากแผลที่ลึกมาก รอยแผลไม่ได้ยาวมากเหมือนรอยแผลตรงคอของศพผู้ชายที่อยู่ถัดไป แต่ระดับความลึกนั้นน่ากลัวมาก
หากตัดปัจจัยที่ไม่คาดคิดอย่างอื่นทิ้งไป และวิเคราะห์ตามประสบการณ์ในชาติที่แล้วของโจวเจ๋ออย่างเดียว การเสียชีวิตของทั้งสองคนน่าจะมาจากบาดแผลสองจุดที่ตัวเขาหาเจอ
“นี่คือถูกคนแทงด้วยกริชใช่ไหม” นักพรตเฒ่าถือว่าเป็นคนที่เคยเดินทางไปเจ็ดย่านน้ำ และเคยเป็นหมอเท้าเปล่าในชนบทมาพักหนึ่ง ถึงแม้จะมีนิสัยชอบหลอกลวงผู้คน แต่ก็นับว่ามีประสบการณ์และความรู้มากมาย
“น่าจะเป็นของมีคมคล้ายกริช” โจวเจ๋อพยักหน้า
ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะฉีกใส่เข้าปาก เขากลับตกตะลึงในทันใด
เขาหันเปลี่ยนทิศของหมั่นโถวอย่างกะทันหัน มองตำแหน่งที่ถูกตัวเองใช้เล็บจิ้มเข้าไปเมื่อครู่
จากนั้นโจวเจ๋อก็ทิ้งหมั่นโถวที่อยู่ในมือ ลุกขึ้นพรวดแล้ววิ่งข้ามถนนไปที่โรงพยาบาลทันที
“เถ้าแก่!”
นักพรตเฒ่าตะโกนหนึ่งที เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อไม่สนใจ จึงได้แต่ทิ้งเงินสองร้อยหยวนไว้บนโต๊ะ แล้วตะโกนบอกเจ้าของร้านโต้รุ่งว่า “คิดเงิน” จากนั้นจึงวิ่งตามโจวเจ๋อไป
ทั้งสองคนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โจวเจ๋อวิ่งตรงไปที่ห้องดับจิต เจอหมอใส่เสื้อกาวน์คนหนึ่งเดินออกมาจากประตูห้องดับจิตพอดี โชคดีที่เขาหันหลังให้โจวเจ๋อแล้วเดินไปอีกทาง ขึ้นไปชั้นบนจากทางนั้น
หลังจากรอให้หมอออกไปแล้ว โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าจึงเปิดประตูห้องดับจิตแล้วเดินเข้าไป
โจวเจ๋อเปิดตู้แช่เย็นด้วยตัวเอง ศพผู้หญิงนอนอยู่ในนั้น
“เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” นักพรตเฒ่าถามพลางหายใจหอบแฮก
“ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยกริช” โจวเจ๋อพูดเสียงขรึม
“ไม่ใช่กริช อย่างนั้นก็เป็นมีดเล่มเล็กน่ะสิ เจ้าตั้งใจวิ่งกลับมาเพราะเรื่องเล็กแค่นี้เองเหรอ” นักพรตเฒ่าถอนหายใจ
โจวเจ๋อไม่พูดอะไร เขาปล่อยให้เล็บนิ้วชี้ของตัวเองยาวออกมาอย่างเงียบๆ จากนั้นเล็บสีดำก็ถูกโจวเจ๋อวางลงที่ด้านล่างหน้าอกซ้ายของศพผู้หญิงเบาๆ แล้วหยุดอยู่ที่ปากแผล เมื่อแทงเข้าไปมันเข้ากับรอยแผลนั้นพอดี!
นี่ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยกริชและไม่ใช่มีดเล็กอะไร กระทั่งไม่ใช่ของมีคมอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นเล็บ! เป็นเล็บจริงๆ!
นักพรตเฒ่าอ้าปากค้างทันที ถึงขนาดตกใจจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงได้แต่พูดตะกุกตะกัก
“ผะ…ผี…”
“ผมก็ว่าอยู่ทำไมเห็นแล้วมันคุ้นๆ ตา รู้สึกคุ้นเคยมาก” โจวเจ๋อหันมามองนักพรตเฒ่าแล้วเอ่ยว่า “ดึงตู้แช่เย็นที่มีศพของผู้ชายออกมา แล้วตรวจสอบอีกที”
นักพรตเฒ่าพยักหน้าทันที แล้วดึงตู้แช่เย็นที่มีศพผู้ชายอยู่ออกมา จากนั้นนักพรตเฒ่าก็เอ่ยด้วยความตกตะลึง “เถ้าแก่ แย่แล้วเกิดเรื่องแล้ว!”
“มีอะไร” โจวเจ๋อดึงเล็บของตัวเองออกมา แล้วหมุนตัวไปทางนักพรตเฒ่า
“ไม่…ไม่มีศพแล้ว!” นักพรตเฒ่าหันไปหาโจวเจ๋อ เพื่อบอกว่าตู้แช่เย็นที่ตัวเองดึงออกมานั้นว่างเปล่า
ต่อจากนั้นฉากที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ปรากฏออกมา นักพรตเฒ่ายื่นมือสั่นๆ ชี้ไปที่โจวเจ๋อ เพราะเขาเห็นว่าที่ด้านหลังของโจวเจ๋อ ศพผู้หญิงที่เดิมทีนอนอยู่บนเปลของตู้แช่เย็นกำลังลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ แล้วศพผู้หญิงก็หันใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยมองมาทางเขา…
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล