ตอนที่ 114 โรงพยาบาล!
ศพผู้หญิงลุกนั่งอย่างกะทันหันด้วยความเงียบสงัด
นี่เหมือนฉากคลาสสิกในภาพยนตร์สยองขวัญมาก ตัวเอกกับตัวประกอบอยู่ระหว่างการสืบคดี จู่ๆ ก็มีฉากที่น่าตื่นเต้นปรากฏออกมา ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเริ่มดำเนินสู่เหวสุดลึกลับที่ยากจะคาดเดา
“เถ้าแก่…”
นักพรตเฒ่าก็นับว่าเป็นคนมีประสบการณ์เยอะ แต่เรื่องประหลาดแบบนี้เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามเรื่องราวมากมายในอดีตสุดท้ายแล้วล้วนเป็นปัจจัยที่เกิดจาก ‘คน’ เสียส่วนใหญ่ แต่พอเป็นผี จึงมีหลายครั้งที่รู้สึกขลาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แม่งเป็นศพกระตุกจริงๆ!
“มีอะไร” โจวเจ๋อถาม เขาไม่ได้หันไป แต่มองมาทางนักพรตเฒ่า
“เจ้า…เจ้า…”
ศพผู้หญิงมองโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้า อันที่จริงเธอไม่ได้ยิ้ม แต่เนื่องจากอยู่ใต้แสงไฟและบรรยากาศแบบนี้ ในสายตาของนักพรตเฒ่า ศพผู้หญิงจึงเหมือนงูพิษตัวหนึ่งที่กำลังเลือกเหยื่อเตรียมจะกิน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักพรตเฒ่าเกิดภาพหลอนคิดว่าศพผู้หญิงกำลังยิ้ม ราวกับทุกอย่างกำลังอยู่ในกำมือของเธอ
“พูดสิ เอ้า” โจวเจ๋อเห็นนักพรตเฒ่าพูดจาตะกุกตะกัก จึงรำคาญเป็นอย่างมาก
และตอนนี้ศพผู้หญิงกำลังอ้าปาก เพื่อกัดคอของโจวเจ๋อ
“เถ้าแก่ ข้างหลังเจ้า…”
‘ปับ!’
โจวเจ๋อยื่นมือข้างหนึ่งออกไปทันควัน เหมือนคนจับงูอย่างแม่นยำที่เจ็ดนิ้ว คว้าคอของศพผู้หญิงและใช้เล็บทิ่มเข้าไปที่คอของศพผู้หญิงในชั่วพริบตา
ศพผู้หญิงเริ่มบิดตัว เริ่มดิ้นรน เธอทรมานอย่างเห็นได้ชัด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดมา” โจวเจ๋อพูดเร่ง
เมื่อเห็นฉากนี้ นักพรตเฒ่าที่กำลังตกใจอกสั่นขวัญแขวน รู้สึกสบายใจทันที
“ไม่มีอะไรแล้ว” นักพรตเฒ่าตอบอย่างหมดแรง เขารู้สึกว่าตัวเองใช้สีหน้าและอารมณ์ได้สิ้นเปลืองมาก
“อ้อ” โจวเจ๋อขานรับหนึ่งที จากนั้นจึงเหวี่ยงศพผู้หญิงลงไปที่พื้น
‘ปั่ก!’ ทันทีที่เสียงดังขึ้น ผิวหนังของศพผู้หญิงเริ่มแตกเป็นรอย น้ำหนองสีดำเริ่มไหลออกมาจากด้านในอย่างช้าๆ เหมือนกับเด็กที่นึกสนุกเอาลูกโป่งใส่น้ำแล้วร่วงลงพื้นแตกกระจาย
หลังจากส่วนที่เป็นน้ำไหลออกมา จึงเหลือเพียงเศษผิวของลูกโป่งที่แตก
ศพผู้หญิงในตอนนี้ก็เช่นกัน หลังจากที่น้ำหนองสีดำไหลออกมา กระดูกและอวัยวะของเธอมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงชั้นผิวหนังที่อยู่ด้านนอกสุดลอยอยู่ในน้ำหนอง
ใบหน้าของเธอนั้นเปลี่ยนเป็นเหี่ยวย่นยับยู่ยี่อย่างต่อเนื่องตอนที่ลอยอยู่ในน้ำ เหมือนกับคนที่เล่นมายากลเปลี่ยนสีหน้าไม่หยุด
โจวเจ๋อมองเล็บของตัวเอง พบว่าเล็บมีรอยแหว่งเล็กน้อย เมื่อครู่ตอนที่เขาแทงเข้าไปในร่างของศพผู้หญิง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า มีสิ่งที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงบางอย่างทำให้เล็บของเขาเกิดความเสียหาย
ฉากที่น่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดถูกโจวเจ๋อบรรยายออกมาอย่างสบายๆ นักพรตเฒ่ารู้สึกเหมือนตัวเองหยิบบทละครผิด กระทั่งเกิดความรู้สึกเสียดายฉากและบรรยากาศที่ปูพื้นมาดีขนาดนี้ขึ้นในใจ
เขารีบขยี้ตาทันที เพื่อบังคับให้ตัวเองได้สติ จากนั้นเอ่ยว่า “เถ้าแก่ ข้านึกออกเรื่องหนึ่ง เมื่อกี้ตอนที่พวกเราเข้ามามีหมอใส่เสื้อกาวน์คนหนึ่งเดินออกมาพอดีไม่ใช่เหรอ เขาเป็นหมอจริงๆ หรือเปล่า”
“ว้ายๆๆๆๆๆ!!!!!!”
มีเสียงกรี๊ดแหลมแสบแก้วหูดังมาจากชั้นบน
…
ภายในห้องคนไข้ มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง เธออดไม่ได้ที่จะสัปหงก ในขณะที่แม่ของเธอที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง โดนยาสลบไปยังไม่ฟื้น
หญิงสาวนอนหลับสะลึมสะลือพักหนึ่ง เธอตัวโอนเอนแล้วจึงตื่นขึ้นมา เธอเหนื่อยมาก แต่เธอนอนหลับไม่สนิทเธอต้องดูแลแม่ของตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องคอยดูว่าใช้น้ำเกลือหมดหรือยังจะได้เรียกพยาบาลให้มาเปลี่ยนน้ำเกลือขวดใหม่
เธอเงยหน้าขึ้นเห็นว่าน้ำเกลือใกล้หมดแล้ว หญิงสาวจึงลุกขึ้นแล้วหาวเบาๆ จากนั้นจึงกดปุ่มที่อยู่ข้างเตียง เพื่อแจ้งพยาบาลให้มาเปลี่ยนน้ำเกลือขวดใหม่
เธอกดปุ่มลงไป แต่รอพักหนึ่งแล้วกลับไม่มีพยาบาลเดินเข้ามา หญิงสาวร้อนใจอยู่บ้าง จึงเดินไปที่หน้าประตูห้องคนไข้แล้วผลักประตูออก เธอกะว่าจะเดินไปดูที่เคาน์เตอร์พยาบาลที่อยู่อีกทางหนึ่ง เพราะพยายาลที่เข้าเวรอาจจะนอนหลับไปแล้ว
ทันทีที่ผลักประตูและเดินออกไป หญิงสาวเห็นฝั่งตรงข้ามของโถงทางเดิน มีหมอผู้ชายใส่เสื้อกาวน์คนหนึ่งยืนอยู่อีกฝ่ายใส่ผ้าปิดปากสีขาว หันข้างให้เธอ
“หมอคะ รบกวนนิดหนึ่งค่ะ ตรงฉันต้องเปลี่ยนขวดน้ำเกลือค่ะ” หญิงสาวตะโกนพูดกับหมอ
หมอไม่สนใจเธอและยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
“หมอคะๆ พวกเราห้องนี้ต้องเปลี่ยนน้ำเกลือค่ะ” หญิงสาวตะโกนพูดต่อ
หมอตัวสั่นเล็กน้อย เหมือนคนยืนเหม่อที่เพิ่งสะดุ้งตื่น จากนั้นเขาหันตัวมาครึ่งหนึ่ง แล้วเดินมาทางหญิงสาว
หญิงสาวจึงโล่งใจ เพราะแม่ของเธอเหลือให้น้ำเกลือขวดสุดท้ายแล้ว ถึงตอนนั้นตัวเธอก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจเสียที
ทว่าหญิงสาวค่อยๆ สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล