ตอนที่ 115 เทศกาลเช็งเม้งฝนตกพรำๆ
โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าเดินตามเสียงกรี๊ดจนมาถึงชั้นนั้น เนื่องจากโจวเจ๋อเดินไม่สะดวก ตอนที่พวกเขามาถึง ที่นั่นมีคนมารวมตัวอยู่ไม่น้อย ญาติที่มาเฝ้าคนไข้ที่อยู่แถวนั้นหลายคนล้วนมาดูความคึกคัก ผู้คนเข้ามารุมล้อมกันมากมาย
กระทั่งมีผู้ป่วยที่ใส่ชุดคนไข้บางส่วนมือหนึ่งถือขวดน้ำเกลือของตัวเองอีกมือหนึ่งยันกำแพงไว้เพราะอยากรู้อยากเห็น สามารถอธิบายได้อย่างลึกซึ้งว่าอะไรที่เรียกว่าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องเสือกให้เต็มที่
ใกล้ๆ ยังมีพยาบาลสองสามคนกำลังปลอบขวัญหญิงสาว และก็มีคนกำลังโทรศัพท์แจ้งยามรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล ยามรักษาความปลอดภัยน่าจะมาถึงในไม่ช้า
โจวเจ๋อและนักพรตเฒ่าเนื่องจากใส่เสื้อกาวน์ จึงสามารถเดินเบียดกลุ่มคนเข้าไปข้างในได้อย่างสบาย
บนพื้นเป็นน้ำหนองสีน้ำตาลไหม้ และยังมีสิ่งที่คล้ายกับไข่ไก่ลอยตุ๊บป่องอยู่ในนั้น คนที่ไม่รู้คงคิดว่ามีคนแกะไข่แล้วทิ้งเข้าไปในนั้น มีเพียงโจวเจ๋อเท่านั้นที่รู้ว่าไอ้ของเล่นนี้จริงๆ แล้วเป็นลูกตาของคน
“เถ้าแก่ น้ำคร่ำของไอ้หมอนี่ก็แตกด้วย” นักพรตเฒ่าพูดเบาๆ ข้างหูของโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย นักพรตเฒ่าชอบสับสนในช่วงเวลาที่คับขัน นี่อาจจะเป็นระบบปกป้องตัวเองในยามที่เจอสถานการณ์ตื่นเต้นของเขา อดไม่ได้ที่จะทำให้ตัวเองผ่อนคลายในเวลาที่ตึงเครียด
จากนั้นโจวเจ๋อจึงยื่นนิ้วชี้ของตัวเองออกไป วางลงในน้ำหนองที่อยู่ข้างล่างแล้วกวนเล็กน้อย
นักพรตเฒ่าเห็นฉากนี้จึงนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เขา แล้วยื่นมือของตัวเองออกไปกวนเช่นกัน พูดตามจริง ของสิ่งนี้น่าสะอิดสะเอียนมาก แต่เถ้าแก่ทำถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงได้แต่ทำตาม
ต้องพูดว่านักพรตเฒ่าเป็นคนที่ใฝ่รู้มาก ไม่ว่าจะเป็นตอนที่อยู่กับเถ้าแก่คนก่อนหรือเถ้าแก่คนปัจจุบัน เขามีความปรารถนาที่อยากจะเรียนรู้และเลียนแบบอย่างแรงกล้า
แต่หลังจากนั้น ฉากที่นักพรตเฒ่าเห็นแล้วอยากจะอาเจียนอาหารมื้อดึกออกมาให้ได้ก็เกิดขึ้น โจวเจ๋อเอานิ้วกลางของตัวเองใส่ปากแล้วดูด จากนั้นจึงก้มหน้าครุ่นคิด เหมือนกำลังแยกแยะส่วนประกอบที่อยู่ในนี้
ขณะเดียวกันก็ยังเดาะปากเสียงดัง ทุ่มเทขนาดนี้เชียว รสชาติเป็นอย่างไร นักพรตเฒ่าลังเลเล็กน้อย เกิดการต่อสู้ในใจของนักพรตเฒ่าในช่วงเวลาสั้นๆ แต่สุดท้าย เขาก็เอานิ้วชี้ที่กวนน้ำหนองเมื่อครู่ใส่ปากตัวเองเพื่อชิมรสชาติ รสชาตินี้แรงมาก ความรู้สึกเผ็ดแสบพุ่งออกมาจากปากโดยตรง แสบคอยิ่งกว่าเหล้าขาวดีกรีสูงเสียอีก
นักพรตเฒ่าสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง แต่พอเห็นเถ้าแก่ของตัวเองทำสีหน้าปกติและครุ่นคิดต่อ วินาทีนี้นักพรตเฒ่าเกิดความรู้สึกชื่นชมโจวเจ๋อขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก
รสชาตินี้ยังทนได้ ไม่ใช่คนจริงๆ!
โจวเจ๋อหันมา เห็นนักพรตเฒ่าทำสีหน้าน่าสงสารเหมือนถูกรังแก จึงมองของเหลวที่ติดปลายนิ้วของนักพรตเฒ่าอีกที แล้วถามอย่างแปลกใจมาก
“คุณทำอะไร”
นักพรตเฒ่าตบหน้าอกของตัวเองเบาๆ แล้วพูดอย่างน่าสลดใจว่า “เสินหนงทดลองกินสมุนไพร เรื่องที่เถ้าแก่ทำได้ ข้าก็ต้องทำได้เหมือนกัน”
โจวเจ๋อพยักหน้าแล้วยิ้ม
นักพรตเฒ่ารู้สึกเหมือนได้รับความรักและเมตตา ราวกับว่าเวลานี้ในที่สุดตัวเองก็ได้รับการยอมรับจากเถ้าแก่แล้ว เหมือนกับเห้งเจียที่ถูกพระโพธิสัตว์เคาะที่ด้านหลังศีรษะสามที
“ผมใช้นิ้วชี้กวน แต่ที่เอาเข้าปากคือนิ้วกลาง”
โจวเจ๋อชูนิ้วของตัวเองให้นักพรตเฒ่าดู แล้วพูดต่อว่า “เมื่อกี้ที่กินข้าวมื้อดึกมีใบกุยช่ายติดฟัน จึงแคะออกเท่านั้น ใครจะบ้าชิมรสชาติพวกนี้ให้ทรมานทำไม”
“…” นักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่ายังอยากจะพูดอะไรอีก แต่สักพักกระเพาะของเขาก็เริ่มหดเกร็ง เขาผลักกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ออก พุ่งตรงไปที่ห้องน้ำแล้วเริ่มอาเจียนออกมา
โจวเจ๋อลูบคางของตัวเองอย่างเงียบๆ หญิงสาวที่ได้รับความตกใจคนนั้นยังนั่งอยู่ในห้องคนไข้ พยาบาลสองสามคนกำลังปลอบใจเธออยู่ข้างๆ โจวเจ๋อไม่ได้เข้าไปถามเหตุการณ์กับหญิงสาว เพราะก่อนหน้านั้นเขาได้เจอฉากที่คล้ายกันตอนที่อยู่ในห้องดับจิตแล้ว
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้สำหรับตัวเขาแล้ว เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าสำหรับคนทั่วไป นับว่าเป็นเรื่องที่มากพอจะทำให้ตื่นตระหนกตกใจ
ศพที่ตายแล้วจู่ๆ ลุกขึ้นมานั่ง แผลที่อันตรายถึงชีวิตมาจากเล็บแหลมคมที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้
สุดท้ายศพสลายกลายเป็นน้ำหนอง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนบ่งบอกว่าฆาตกรไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นผีที่แอบซ่อนอยู่ในความมืด แม้แต่โจวเจ๋อที่เป็นยมทูต เขาก็ยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่ลึกลับมากฝีมือแบบนี้มาก่อน
และสิ่งนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถมองเป็นผีร้ายทั่วไปได้
โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินไปที่โถงทางเดินอีกทางหนึ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาถังซือ
“ฮัลโหล” เสียงของถังซือยังเย็นชาเหมือนเดิม
“ช่วยผมหน่อย ดูเหมือนที่นี่จะมี…จะมีผีดิบป่าเถื่อนตัวหนึ่ง”
“คุณก็ไปหาพืชเองสิ”
ความหมายนอกเหนือจากนี้คือ เธอไม่ว่าง เธอขี้เกียจสนใจ
“อย่างนั้นก็เรียกไป๋อิงอิงให้ผมที บอกให้เธอมาที่โรงพยาบาลหน่อย”
“อันนี้ไม่มีปัญหา”
พอวางสาย โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองให้ถังซืออยู่ข้างกายเป็นการตัดสินใจที่ผิดหรือเปล่า เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นแจกันดอกไม้ที่ยิ่งกว่าแจกันดอกไม้ แบบนี้ไป๋อิงอิงของเขายังดีเสียกว่า ทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และไม่ใช่คนเหมือนกัน แต่ต่างกันมากขนาดนี้เชียว
นักพรตเฒ่าอาเจียนเอากรดในกระเพาะออกมาหมดแล้ว เขาเดินออกมาจากห้องน้ำมาอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ แล้วถามอย่างตำหนิเล็กน้อย “ไอ้นั่นฆ่าคนทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย”
“เขาจงใจ” โจวเจ๋อกล่าว
“คนที่ถูกเขาฆ่าจะกลายเป็นผีดิบกันหมดใช่ไหม เฮ้ย นี่มันเหมือนหนังฮ่องกงยุคแปดศูนย์เก้าศูนย์เลย คนที่ถูกผีดิบกัดจะกลายเป็นผีดิบ”
ขณะที่พูด ดวงตาที่นักพรตเฒ่ามองโจวเจ๋อเต็มไปด้วยความอยากลอง
“มองอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล