ตอนที่ 128 หมู่บ้านซานเซียงที่หายสาบสูญ!
สวี่ชิงหล่างกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา พร้อมกับมีเบียร์ใส่น้ำแข็งหนึ่งแก้ววางอยู่ด้านหน้า
โจวเจ๋อเดินเข้ามา และยื่นมือมายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดในคราวเดียว
“คุณเป็นอะไรไป” สวี่ชิงหล่างรู้ว่าปกติแล้วโจวเจ๋อจะไม่ดื่มเหล้า
“เหมือนตอนที่นายอวดว่าตัวเองมีห้องชุดมากกว่ายี่สิบห้องต่อหน้าเด็กสาวสุนัขคอร์กี้คนนั้นไปเมื่อครั้งที่แล้วนั่นแหละ”
“…” สวี่ชิงหล่าง
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สวี่ชิงหล่างก็รินเหล้าให้โจวเจ๋ออีกแก้ว และชายหนุ่มทั้งสองก็นั่งเงียบๆ
“ผมจะบอกอะไรให้ เดิมทีเมื่อวานอยากจะพูด แต่ไม่มีอารมณ์น่ะ”
“ตอนนี้ฉันก็ไม่มีอารมณ์เหมือนกัน”
“ไม่ใช่เพราะว่าอัฐิโดนคนขโมยไปหรอกเหรอ มันก็เหมือนกับว่าเล็บเท้าที่คุณตัดไปก่อนหน้านี้ถูกคนโรคจิตเก็บสะสมไว้ มีอะไรให้ต้องพะวงในใจอย่างนั้นเหรอ”
“นายก็พูดง่ายได้สิ”
“ผมละอิจฉาคุณมาก ผมคิดว่าถ้าหากมีอยู่วันหนึ่งผมสามารถดื่มเหล้าไปด้วยและรู้สึกเศร้าที่อัฐิของผมถูกขโมยไปด้วยอย่างนี้ ผมจะนอนในผ้าห่มแล้วหัวเราะออกมาดังๆ เลย”
ใบหน้าสวี่ชิงหล่างฉายแววจริงจัง
นั่นสิ
หากหลุมฝังศพของบรรพบุรุษถูกขุดไปแล้วหรืออัฐิของพ่อแม่ถูกศัตรูขโมยไป จะต้องโกรธและเป็นเดือดเป็นร้อนอย่างแน่นอน!
แต่ดูเหมือนว่ายังไม่เคยมีใครที่หลังจากพบว่าอัฐิของตัวเองถูกขโมยไปแล้วยังสามารถเป็นเดือดเป็นร้อนได้
“งั้นฉันควรจะโพสต์เวยป๋อแบบเรียบง่ายแต่หรูหราพร้อมความหมายแฝงสักหน่อยดีไหม” โจวเจ๋อถามกลับ
“เหอะๆ ล้อเล่นน่ะ จริงสิ เจอขโมยหรือยัง”
“สาวน้อยโลลิกำลังหาอยู่”
ตอนนี้โจวเจ๋อทำได้เพียงแค่รอข่าวคราวเท่านั้น
ในตอนนี้เอง โจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างมองไปทางบันไดพร้อมกัน นักพรตเฒ่าแบกชายหนุ่มเดินลงมา
“มีอะไรเหรอ” โจวเจ๋อถาม
ถังซือเดินตามหลังและไม่สนใจโจวเจ๋อ ที่ด้านนอกมีรถแท็กซี่จอดรออยู่คันหนึ่ง ถังซือเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่กับชายคนนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะออกไป
เพิ่งมาก็ไปเสียแล้ว คนคนนั้นยังหมดสติอยู่เลย ที่สำคัญเลยก็คือตอนหมดสติอยู่ยัง ‘กระตุก’ ทำบัตรประจำตัวยมทูตร่วงลงพื้นได้
โจวเจ๋อยังไม่ทันได้รอให้เขาฟื้นขึ้นมาคุยกันสักประโยค พวกเขาก็เตรียมจะจากไปแล้ว
แน่นอนว่าโจวเจ๋อก็ไม่ได้รั้งเอาไว้ เพราะต่างก็รู้กันดีว่า ทุกคนไม่ใช่คนขี้เกรงใจที่แฝงไว้ด้วยความสุภาพเอาอกเอาใจพรรค์นั้น
อยากอยู่ก็อยู่
อยากไปก็ไป
ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหน้าอย่างใจอย่าง อยากปฏิเสธแต่ยังทำทีต้อนรับขับสู้อะไรแบบนั้น
รถแท็กซี่แล่นออกไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อประหลาดใจก็คือนักพรตเฒ่ากลับมาอีกแล้ว เขาไม่ได้ไปด้วย
โจวเจ๋อคิดว่านักพรตเฒ่าจะตามไปด้วยเสียอีก
นักพรตเฒ่าเดินกลับมาที่ร้านราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่” โจวเจ๋อตะโกน
นักพรตเฒ่าหันไปมองโจวเจ๋อ จากนั้นก็ยิ้มอย่างจริงใจ แล้วเอ่ยว่า
“เถ้าแก่ คุณถังพาคุณเหลียงไปแล้ว ก่อนหน้านี้คุณถังได้จัดการเรื่องที่พักอาศัยใหม่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเตรียมจะไปเซี่ยงไฮ้กัน เธอบอกว่าตอนนี้มีหนังสือรับรองแล้ว ไม่สะดวกที่จะรบกวนเถ้าแก่แล้ว”
“ทำไมคุณไม่ตามไปด้วยล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“ข้าคือนักพรตเฒ่าผู้จงรักภักดีของเจ้าน่ะสิ”
นักพรตเฒ่าพูดด้วยใบหน้าน้ำใสใจจริง
“บอกความจริงมา”
“ข้าไปจากเจ้าไม่ได้ ข้าทิ้งเจ้าไปไม่ได้”
“พูดความจริง”
โจวเจ๋อมองไปที่เล็บของตัวเอง
“ตอนนี้คุณเหลียงเป็นแบบนี้ ไม่มีทางที่ร้านขายของจิปาถะสำหรับคนตายจะเปิดได้เร็วๆ นี้ ข้าตามไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ดังนั้นทำได้เพียงช่วยเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไป”
โจวเจ๋อพยักหน้าและเดินไปที่เคาน์เตอร์ของเขา ทุกวันนี้กิจการไปได้สวยทีเดียว ส่งผีลงไปไม่น้อยเลย ดังนั้นจึงเก็บเงินกระดาษได้เป็นจำนวนมาก
หลังจากเอาออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว โจวเจ๋อก็หยิบมายื่นให้นักพรตเฒ่า
“เอาให้พวกเขาด้วย พวกเขาถึงที่ใหม่หมาดๆ น่าจะยังขาดเงิน”
โจวเจ๋อเป็นห่วงว่าถ้าถังซือไม่มีเงินละก็ เธอจะเข้าปล้นธนาคารน่ะสิ ผู้หญิงคนนั้นสามารถทำได้ทุกอย่างแหละ
เงินกระดาษสามารถใช้เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคและเป็นบัตรเอทีเอ็มได้ด้วย ถึงอย่างไรหลังจากเผาไปแล้วก็จะมีคนทำเงินหล่นไว้หน้าประตูบ้านคุณเอง
คิดไม่ถึงว่านักพรตเฒ่าจะส่ายหน้าและพูดว่า
“เถ้าแก่ คุณเหลียงรวยมาก เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลายหลังในเซี่ยงไฮ้ มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ทั่วประเทศ และยังซ่อนปลาทองเล็กๆ เอาไว้ตั้งหลายกล่องอีกด้วย”
“…” โจวเจ๋อ
หัวใจ
เจ็บจนหายใจไม่ออก…
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองแบกรับความเจ็บปวดถึงสองครั้งภายในหนึ่งชั่วโมง
แถมยังเป็นตอนที่ไม่ทันตั้งตัวอีกต่างหาก
โจวเจ๋อวางเงินกลับคืนไป แล้วนั่งลงอย่างเงียบๆ
ในเวลานี้ บังเอิญมีเด็กสาววิ่งเข้ามาที่ประตู เด็กสาวคนนั้นสวมใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง กระทั่งสามารถอธิบายได้ว่าแทบไม่ได้ปกปิดร่างกายของเธอเลย
จริงๆ แล้วถ้าพูดตามตรง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำที่ชาญฉลาดของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน มาตรฐานการครองชีพของประชาชนทั่วประเทศได้รับการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการใช้ชีวิตของประชาชนทั้งทางวัตถุและจิตวิญญาณก็ได้รับการเติมเต็มและอุดมสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ
ยุคสมัยใหม่ นโยบายใหม่
ภายใต้ความช่วยเหลือของมาตรการบรรเทาความยากจนที่ดำเนินการได้ตรงตามเป้าหมาย ทำให้ครัวเรือนที่ยากจนได้รับความช่วยเหลือมากมาย อาจกล่าวได้ว่ายุคที่คนทั้งประเทศจะร่ำรวยอยู่ไม่ไกลแล้ว
แม้ในบางเมืองอาจจะมีขอทานอยู่บ้าง แต่ขอทานในสภาพที่น่าสังเวชถึงขั้นเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเช่นนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้พบเห็นได้น้อยมากจริงๆ
นักพรตเฒ่ายังคงเช็ดโต๊ะอยู่ และดูเหมือนจะไม่เห็นเด็กสาวคนนั้นเข้ามา
แต่เจ้าลิงน้อยกลับกระโดดไปบนศีรษะของนักพรตเฒ่า ใช้อุ้งเท้าลิงทั้งสองข้างจับหัวของนักพรตเฒ่าและบังคับนักพรตเฒ่าให้หันไปมองยังตำแหน่งของสาวน้อย
“มีผีมาแล้วเหรอ”
ขณะที่นักพรตเฒ่าพึมพำกับตัวเองก็หยิบน้ำตาวัวออกมาจากกระเป๋าและทาให้ตัวเอง
ช่วยไม่ได้ ในร้านหนังสือแห่งนี้มีแต่เขาที่ไม่สามารถมองเห็นผีได้โดยตรง
หลังจากเห็นสาวน้อยที่สกปรกมอมแมมแล้ว นักพรตเฒ่าก็มองไปที่โจวเจ๋ออย่างมีสติ
“เถ้าแก่ มีแขกมาแล้ว รับแขกหน่อย”
เสียงตะโกนเก่าแก่นี้ ราวกับฝันว่ากลับไปที่หออิ๋งชุนสมัยโบราณ
‘สาวๆ ออกมารับแขกหน่อย!’
‘มาแล้วค่ะแม่’
สวี่ชิงหล่างยืนขึ้นเตรียมอาหารว่างและเครื่องดื่ม ส่วนโจวเจ๋อส่งสัญญาณให้เด็กสาวตามตัวเองเข้ามา
เด็กสาวงุนงงเล็กน้อย และหวาดกลัวนิดหน่อย เธอมองโจวเจ๋อ แล้วสลับไปมองนักพรตเฒ่า แต่เธอก็ตามโจวเจ๋อไปที่ห้องส่วนตัวตามสัญชาตญาณของตัวเธอเอง
โจวเจ๋อนั่งลง และส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายนั่งด้วย
เมื่อเด็กสาวนั่งลง สวี่ชิงหล่างก็ยกอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็หมั่นโถวมาเสิร์ฟ
ตอนที่เขากำลังจะรินเหล้า โจวเจ๋อก็ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องแล้ว
แม้ว่าจะเป็นผี แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็กอยู่
อีกทั้งเห็นได้จากท่าทางของสาวน้อย เธอไม่ได้เป็นเหมือนแม่เฒ่าเทียนซานอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล