ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 129

ตอนที่ 129 คำพูดโป้ปดครั้งแล้วครั้งเล่า

ปี 1938 อย่างนั้นหรือ

โจวเจ๋อมองสาวน้อย จากนั้นก็มองไปที่สวี่ชิงหล่างและเอ่ยขึ้น

“ปีศาจเข้ามาที่ทงเฉิงในปี 1938 ใช่ไหม”

สวี่ชิงหล่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ดูเหมือนว่าจะเข้ามาเมืองทงเฉิงในเดือนมีนาคมปี 1938 นะ”

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เป็นไปได้มากที่หมู่บ้านซานเซียงจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นในยุคนั้น หมู่บ้านนี้น่าจะถูกกวาดเรียบในช่วงที่ปีศาจเข้ามาที่ทงเฉิง คนทั้งหมู่บ้านรวมทั้งสาวน้อยคนนี้ต่างก็ไม่มีใครเหลือรอด และนั่นก็หมายความว่าคุณย่าของคนที่โพสต์ข้อความโชคดีมาตั้งแต่แรก จึงหลีกเลี่ยงมาได้

จวบจนถึงทุกวันนี้ กระทั่งในตอนนี้ไม่มีทางที่จะค้นหาข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหมู่บ้านซานเซียงได้เลย และก็ไม่มีการบันทึกของทางการอีกด้วย

นี่ไม่ใช่ความเกียจคร้านของทางการแต่อย่างใด แต่ในยุคนั้นมีโศกนาฏกรรมที่คล้ายกันมากมายนับไม่ถ้วน และสถานการณ์ก็วุ่นวายต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า อันที่จริงผู้คนมากมายที่เสียชีวิตอย่างน่าสังเวชต่างก็ถูกลืมเลือนไปแล้ว

“นั่นก็หมายความว่า คนทั้งหมู่บ้านที่เสียชีวิตในช่วงสงครามยังไม่ได้ไปเวียนว่ายตายเกิดกันทั้งหมดเลยใช่ไหม”

โจวเจ๋อขมวดคิ้ว

ตั้งแปดสิบปีเชียวนะ เกินหกสิบปีไปตั้งเยอะ วิญญาณของผู้เสียชีวิตทั้งหมู่บ้านยังคงอยู่ที่เดิมหรือ

“ไม่แน่ใจ แต่ดูสาวน้อยคนนี้แล้วน่าจะเป็นแบบนี้นะ เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะไปตรวจสอบบันทึกประวัติท้องถิ่นที่ห้องสมุดประจำเมือง ไปดูว่าสถานที่ตั้งของหมู่บ้านซานเซียงที่แน่ชัดอยู่ตรงไหน หรือไม่ก็จะไปสอบถามคนที่เกี่ยวข้องสักหน่อย”

สวี่ชิงหล่างลุกขึ้นหยิบกุญแจรถแล้วออกไปทันที

เขากระตือรือร้นในเรื่องนี้มาก ความกระตือรือร้นของเขาแตกต่างจากโจวเจ๋อ นั่นก็คือโจวเจ๋อยังมีเหตุผลเรื่องคะแนนผลงานอยู่ในนั้น แต่เขาแค่อยากจะทำเรื่องอะไรบางอย่างจากใจเขา

จะว่าไปแล้ว ต่างก็เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน

โจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ชี้นิ้วไปที่นักพรตเฒ่าแล้วพูดว่า “ดูเธอหน่อย”

นักพรตเฒ่าพยักหน้า และมองไปที่สาวน้อยกับเจ้าลิงน้อย

สาวน้อยงุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นตามสัญชาตญาณ และไม่กล้าขยับตัว

เจ้าลิงยื่นมือ ราวกับอยากจะลองสัมผัสวิญญาณของเด็กสาว แต่กลับถูกนักพรตเฒ่าฟาดมือลงทันที พร้อมกับดุว่า

“จะจับอะไร คนเขาอายุมากกว่าความกว้างของหน้าผากเสียอีก”

ถ้าหากสาวน้อยยังไม่ตาย นับๆ ดูแล้วตอนนี้เธอก็คงจะอายุเก้าสิบปีแล้ว

แต่เธอยังคงไร้เดียงสาเหมือนเคย สติปัญญายังคงเดิมเหมือนก่อนตาย นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่โจวเจ๋อสงสัยที่สุด โจวเจ๋อเดาว่าอาจจะเกิดปัญหาอะไรบางอย่างในหมู่บ้าน ทำให้วิญญาณของผู้เสียชีวิตทั้งหมู่บ้านติดอยู่ในนั้นไม่สามารถออกมาได้ ทุกคนติดอยู่ตรงนั้น ไม่รู้วันไม่รู้เวลา ไม่รู้เดือนไม่รู้ตะวัน

แต่ถึงอย่างไร สถานการณ์จริงๆ ต้องรอจนกว่าสวี่ชิงหล่างจะได้รับข้อมูลที่แน่นอนก่อนถึงจะสามารถยืนยันได้

โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา แล้วเลื่อนสไลด์ไปเรื่อยเปื่อย ปกติแล้วเขาไม่ค่อยใช้พวกวีแชตและคิวคิวสักเท่าไร เพราะมันเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ในก่อนหน้านี้ของสวีเล่อทั้งหมด ซึ่งนี่มันก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน ถึงอย่างไรก็เอาบัญชีก่อนหน้านี้ของตัวเองกลับมาไม่ได้อยู่ดี จะไปยื่นคำร้องนั้นก็เป็นไปได้ยากมาก

หลังจากเลื่อนๆ ดูโมเมนต์ของเพื่อน โจวเจ๋อก็บังเอิญไปเห็นไป๋อิงอิงแชร์เรื่อง ‘เรื่องบนเตียงของเหล่าทหารในกองทัพ!’

โจวเจ๋อตะลึงไปครู่หนึ่ง

ดูเหมือนว่าศพผีสาวตนนี้จะวิ่งอยู่บนเส้นทางของเด็กสาววัยรุ่นมัธยมต้นชั้นปีที่สอง ยิ่งวิ่งไปก็ยิ่งไกลขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนว่าเขาจะต้องหาเวลาคุยกับเธอเสียแล้ว ไม่ควรไปแตะต้องของแบบนี้ มันเป็นสิ่งต้องห้าม

ในเวลานี้ ไป๋อิงอิงทำงานเสร็จแล้ว และกำลังเล่นเกมพับจีอยู่ในห้องชั้นบน ไม่ได้อยู่ที่ชั้นล่าง

โจวเจ๋อจึงลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดไป ขณะเดินก็กดเข้าลิงก์ที่แชร์ไปด้วย

อืม

จะสั่งสอนนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีที่สอง จะต้องใช้ยาที่ถูกกับโรค รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

หลังจากกดเข้าไปแล้ว

มันเป็นรูปสีขาวและสีเขียวเต็มไปหมด

จากนั้นมันดันเป็นการแข่งขันพับผ้าห่มในโรงงานแห่งหนึ่ง และผู้ชนะสามอันดับแรกก็คือผู้เชี่ยวชาญที่เคยเป็นทหารมาก่อน

จั่วพาดหัวได้น่าเกลียดมาก

โจวเจ๋อวางโทรศัพท์ลงและผลักประตูห้องนอน

‘สาหร่ายทะเล สาหร่ายทะเล โบกสะบัดพลิ้วไหวไปตามคลื่น

สาหร่ายทะเล สาหร่ายทะเล เต้นรำอยู่ในเกลียวคลื่น!’

ไป๋อิงอิงนอนอวดเท้าเปล่าที่ขาวสะอาดทั้งสองข้างอยู่บนเตียง เท้าทั้งสองข้างแกว่งไปมา และกำลังปัดคลิปวิดีโอในมือ ปัดไปด้วยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปด้วย

แม้แต่ตอนที่โจวเจ๋อเดินเข้ามา เธอก็ไม่ได้สังเกตเสียด้วยซ้ำ

จากนั้นโจวเจ๋อก็นั่งลงริมขอบเตียงของเธอ

“ฮ่าๆๆๆ…”

ไป๋อิงอิงหัวเราะพลางพลิกตัวหงายกลับ จากนั้นทั้งร่างของเธอก็นอนเกยอยู่บนตักของโจวเจ๋อในทันที

ทันใดนั้น ขนตางอนยาวสั่นกระพือ ริมฝีปากสีแดงเย้ายวนหุบลงเล็กน้อยๆ และเผยอออกอีกครั้ง ผิวบางละเอียดค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมา

บรรยากาศในตอนนี้ตกอยู่ในภวังค์อันแสนงดงาม

แต่ทว่า สมแล้วที่โจวเจ๋อได้ชื่อว่าฮิปสเตอร์ผู้ทำลายล้าง เขาเอ่ยขึ้นทันที

“ฉันบอกเธอตั้งหลายครั้งแล้วนะว่าหลังจากตื่นนอนแล้วถ้าไม่อาบน้ำล้างเท้าให้เรียบร้อย ก็ห้ามขึ้นไปบนเตียงเด็ดขาดน่ะ”

พูดไป โจวเจ๋อก็มองดูเท้าเรียวยาวอันน่าหลงใหลไม่มีที่สิ้นสุดที่เปลือยเปล่าอยู่ด้านนอกคู่นั้นแล้วขมวดคิ้วไปด้วย

“สกปรก”

ไป๋อิงอิงลุกจากเตียงมาสวมรองเท้าแตะทันที แล้วกุมมือประสานกันไว้ด้านหน้า ก้มศีรษะลงตรงหน้าโจวเจ๋อ วางท่าพร้อมรับการถูกตำหนิอย่างดี

นางค่อนข้างคุ้นเคยกับท่าทางนี้ดี

“ซักผ้าปูที่นอนด้วย” โจวเจ๋อเอ่ย

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”

ไป๋อิงอิงเก็บผ้าปูที่นอนลงไป ส่วนโจวเจ๋อนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เปิดหน้าเว็บและเริ่มค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านซานเซียงอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้สวี่ชิงหล่างใช้โทรศัพท์มือถือค้นหา เผื่อจะมีบางอย่างตกหล่นไป

แต่น่าเสียดาย อย่างน้อยที่สุดบนอินเทอร์เน็ต นอกจากกระทู้สนทนาอันนั้นแล้ว ก็ไม่มีข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับหมู่บ้านนั้นแล้ว

โจวเจ๋อคลิกเปิดกระทู้ที่สวี่ชิงหล่างเคยอ่านมาก่อนหน้านี้ กระทู้ดังกล่าวถูกโพสต์ในฟอรัมท้องถิ่นของทงเฉิงในปี 2009

โจวเจ๋ออ่านสองข้อความตอบกลับของคนที่บอกว่าคุณย่ามาจากซานเซียงก่อนหนึ่งรอบ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย หลังจากนั้นโจวเจ๋อก็เลือกกลับไปอ่านหัวข้อนี้อีกครั้ง ในกระทู้นี้ จริงๆ แล้วมีคนที่รู้เรื่องราววงในอยู่สองคน

แน่นอนว่าคนหนึ่งเป็นคนที่ตอบกลับคนนั้น แต่คนที่ตอบกลับได้บอกในสิ่งควรบอกไปหมดแล้ว และอีกคนก็คือเจ้าของคำถามนี้

ในเมื่อผู้คนต่างก็ลืมเลือนหมู่บ้านซานเซียงไปแล้ว กระทั่งไม่มีแม้แต่ในบันทึก มันมีอยู่ในคำบอกเล่าในอดีตของคุณย่าเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นทำไมจู่ๆ เจ้าของกระทู้ถึงได้ถามคำถามเกี่ยวกับสถานที่นี้ออกมาได้ล่ะ

โจวเจ๋อคลิกเปิดรูปโปรไฟล์ของเจ้าของกระทู้ และพบว่าหลังจากปี 2009 เจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้โพสต์อะไรอีกเลย โจวเจ๋อคัดลอกไอดีของเจ้าของกระทู้ไป

ไอดีมีชื่อว่า ‘นอนฟืนแข็งกินดีขมทหารสามพันเอาชนะอู๋ 19800201’

ด้านหน้าดูคุ้นเคยมาก แต่ตัวเลขทั้งชุดด้านหลังนั้นโจวเจ๋อวิเคราะห์ว่าอาจเป็นวันเกิดของอีกฝ่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล